ที่ดิน เป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด และเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างที่อยู่อาศัย หนึ่งในปัจจัย 5 ในการดำรงชีวิต จึงไม่แปลกใจที่ยิ่งนานวัน ที่ดินยังคงรักษามูลค่าของตัวเองได้อย่างดี และพร้อมที่จะปรับมูลค่าขึ้นตลอดเวลา ภายใต้สถาณการณ์ที่เหมาะสม ไม่เหมือนกับมูลค่าของเงินที่ลดลงเรื่อยๆตามอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้น ที่ดิน จึงดูน่าสนใจมาก เพียงแค่ซื้อแปลงที่ดินสักผืนทิ้งไว้ เมื่อเวลาผ่านไป ก็มีโอกาสที่จะขายในราคาที่สูงขึ้นได้ ซึ่งกำไรที่เกิดขึ้นจากการซื้อขายนี้ เรียกว่า
“กำไรส่วนเกินทุน (Capital Gain) เป็นกำไรที่เกิดขึ้น จากผลต่าง ระหว่างระดับราคาซื้อและราคาขาย
กล่าวคือ สามารถขายได้ใน ราคาที่สูงกว่า ราคาทุนตอนซื้อมา”
ซึ่งสามารถคำนวณเป็นเปอร์เซนต์เปรียบเทียบสัดส่วนกำไรและต้นทุน เรียกว่า อัตรากำไรส่วนเกิน ได้ดังนี้
TerraBKK ขอยกตัวอย่างการใช้ประยุกต์ใช้ เพื่อทำความเข้าใจอย่างง่ายๆ ดังนี้
“คุณนาย ซื้อที่ดินย่านลาดกระบัง จำนวน 10 ไร่ ไร่ละ 10 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 100 ล้านบาท
10 ปีต่อมา มีผู้สนใจขอซื้อไร่ละ 14 ล้านบาท
คุณนายตัดสินใจขายทั้งหมด 10 ไร่ ได้เงินทั้งสิ้น 140 ล้านบาท”
จากตัวอย่าง พบว่า เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี เจ้าสัวสามารถทำกำไรได้ 40 ล้านบาท และมีอัตรากำไรส่วนเกิน 40% คำนวณได้ ดังนี้
กำไร = 140 – 100 ล้านบาท = 40 ล้านบาท
อัตรากำไรส่วนเกินได้ (Capital Gain ) = (กำไร / ต้นทุน) X 100 = (40 /100) x 100 = 40%
สำหรับกำไรส่วนเกินทุนนี้ สามารถเกิดขึ้นได้กับการลงทุนอื่นๆ เช่น หลักทรัพย์ กองทุนรวม เป็นต้น
ทั้งนี้ หากต้องการลงทุนที่ดินตลอดจนอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้ได้ “กำไรส่วนเกิน” นั้น คือ
การพยายามเพิ่มความต่างของราคาซื้อกับราคาขายให้กว้างที่สุดนั้นเอง
ท้ายนี้
TerraBKK ขอกล่าวว่าที่ดิน เป็นสินทรัพย์ที่สามารถรักษามูลค่าของตนเองได้ดี การเลือกซื้อที่ดิน แม้ไม่ได้นำมาพัฒนาสร้างสิ่งปลูกสร้าง
ก็สามารถขายได้
“กำไรส่วนเกินทุน” ตามศักยภาพทำเล
ร่วมพูดคุยและตั่งคำถามได้ที่:
TerraBKK.com
สามารถอ่านบทความ Financial Ratio เพิ่มเติม ได้ที่
Financial Ratio 1 :Gross Profit & Net Profit เปิดเผยที่มากำไร รู้ทันอสังหาฯก่อนการลงทุน :
http://ppantip.com/topic/32391026
Financial Ratio 2 : Capital Gain กำไรสะท้อนศักยภาพทำเล
ที่ดิน เป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด และเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างที่อยู่อาศัย หนึ่งในปัจจัย 5 ในการดำรงชีวิต จึงไม่แปลกใจที่ยิ่งนานวัน ที่ดินยังคงรักษามูลค่าของตัวเองได้อย่างดี และพร้อมที่จะปรับมูลค่าขึ้นตลอดเวลา ภายใต้สถาณการณ์ที่เหมาะสม ไม่เหมือนกับมูลค่าของเงินที่ลดลงเรื่อยๆตามอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้น ที่ดิน จึงดูน่าสนใจมาก เพียงแค่ซื้อแปลงที่ดินสักผืนทิ้งไว้ เมื่อเวลาผ่านไป ก็มีโอกาสที่จะขายในราคาที่สูงขึ้นได้ ซึ่งกำไรที่เกิดขึ้นจากการซื้อขายนี้ เรียกว่า
กล่าวคือ สามารถขายได้ใน ราคาที่สูงกว่า ราคาทุนตอนซื้อมา”
ซึ่งสามารถคำนวณเป็นเปอร์เซนต์เปรียบเทียบสัดส่วนกำไรและต้นทุน เรียกว่า อัตรากำไรส่วนเกิน ได้ดังนี้
TerraBKK ขอยกตัวอย่างการใช้ประยุกต์ใช้ เพื่อทำความเข้าใจอย่างง่ายๆ ดังนี้
10 ปีต่อมา มีผู้สนใจขอซื้อไร่ละ 14 ล้านบาท
คุณนายตัดสินใจขายทั้งหมด 10 ไร่ ได้เงินทั้งสิ้น 140 ล้านบาท”
จากตัวอย่าง พบว่า เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี เจ้าสัวสามารถทำกำไรได้ 40 ล้านบาท และมีอัตรากำไรส่วนเกิน 40% คำนวณได้ ดังนี้
อัตรากำไรส่วนเกินได้ (Capital Gain ) = (กำไร / ต้นทุน) X 100 = (40 /100) x 100 = 40%
สำหรับกำไรส่วนเกินทุนนี้ สามารถเกิดขึ้นได้กับการลงทุนอื่นๆ เช่น หลักทรัพย์ กองทุนรวม เป็นต้น
ทั้งนี้ หากต้องการลงทุนที่ดินตลอดจนอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้ได้ “กำไรส่วนเกิน” นั้น คือ การพยายามเพิ่มความต่างของราคาซื้อกับราคาขายให้กว้างที่สุดนั้นเอง
ท้ายนี้ TerraBKK ขอกล่าวว่าที่ดิน เป็นสินทรัพย์ที่สามารถรักษามูลค่าของตนเองได้ดี การเลือกซื้อที่ดิน แม้ไม่ได้นำมาพัฒนาสร้างสิ่งปลูกสร้าง
ก็สามารถขายได้ “กำไรส่วนเกินทุน” ตามศักยภาพทำเล
ร่วมพูดคุยและตั่งคำถามได้ที่: TerraBKK.com
สามารถอ่านบทความ Financial Ratio เพิ่มเติม ได้ที่
Financial Ratio 1 :Gross Profit & Net Profit เปิดเผยที่มากำไร รู้ทันอสังหาฯก่อนการลงทุน : http://ppantip.com/topic/32391026