เรื่องนี้เกิดขึ้นกับเราเมื่อ 4 ปีที่แล้วค่ะ
ตอนเช้าซึ่งเป็นเวลาที่ทุกคนเดินทางไปทำงานกัน
เราขับมอไซค์ไปกับเพื่อน ซึ่งเราเป็นคนขับ เพื่อนซ้อนท้าย
บอกก่อนว่าเราเป็นคนขับรถไม่เร็ว ไม่เกิน 60 กม./ชม. ส่วนใหญ่จะขับแค่ 40
ด้วยไหล่ทางกับถนนมันต่างระดับกัน พอเราจะปีนขึ้นทางหลัก
ก็เลยล้ม โชคดีที่ไม่ล้มเข้าข้างใน ไม่งั้นคงหัวแบะ ไม่มีชีวิตรอด
เราที่เป็นคนขับ ใส่หมวกกันน็อคแบบเต็มใบ แต่ไม่รัดคาง
ผลคือ หมวกกันน็อคกระเด็นไปไหนไม่รู้ หน้าเราซีกขวาไถไปกับถนน
พอล้มปุ๊บ สติเราดับวูบ มารู้ตัวอีกที ก็อยู่ที่ห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาล
หลังจากออกจากห้องฉุกเฉินแล้ว เราต้องอยู่ที่โรงพยาบาลอีก 3 วัน 3 คืน
เพื่อสแกนสมอง เพราะเราสลบไป และรอดูอาการ ทั้ง 3 วัน ต้องงดน้ำงดอาหาร
(แต่คนซื้อของเยี่ยมมาเต็มเลย เพื่อนที่มาเฝ้า กินจนพุงกาง เราได้แต่มองตาปริบๆ
พออกจากโรงพยาบาล นมที่เค้าซื้อมาฝากกินต่อได้เป็นเดือน)
เพื่อนที่ซ้อนท้ายไปด้วยกัน เล่าให้ฟังว่า หลังจากที่ล้ม เพื่อนล้มทับเราด้วย
เราสลบไปพักนึง พอตื่นขึ้นมา ก็พูดว่า "รถล่ะ รถไปไหน แล้วก็ถามว่าเพื่อนเป็นอะไรมั้ย"
ทั้งๆที่ตัวเราเองเลือดเต็มหน้า เต็มปาก พอเราถาม เพื่อนเราก็ร้องไห้
ร้องไห้จนออกจากห้องฉุกเฉิน ทั้งๆที่เราที่เป็นคนเจ็บ ไม่ร้องซักแอะ
เราถามเพื่อนทั้งๆที่ไม่มีสติ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองพูดอะไร และก็เดินไปเดินมา
พี่ที่ทำงานที่มาเจอเรา ก็เข้ามาช่วย เค้าจับเราไปนั่ง เราก็ลุกขึ้นมาเดินอีก
จนกระทั่งมีคนพาส่งโรงพยาบาล ขึ้นรถได้ เราก็หลับไป จนถึงโรงพยาบาล
ผลจากอุบัติเหตุครั้งนั้น คือ หน้าซีกขวาเป็นแผลเป็น บวมจนตาขวาปิด
ตาขาวข้างขวาห้อเลือด แดงไปทั้งตา ใช้เวลาประมาณ 2 เดือนกว่าจะหายได้เอง
ฟันหน้า 3 ซี โยกจนเกือบหักต้องใส่เหล็กดามไว้ และรักษารากฟันอีก 6 เดือน
(ตอนแรกพี่ที่พาไปส่ง บอกหมอว่าถอนเลย โชคดีที่หมอไม่เชื่อนะ ไม่งั้นฟันหลอเลย)
ตามมาด้วยแผลคีลอยด์ตามมือ และแขน โชคดีที่ไม่มีส่วนไหนหัก
การรักษาครั้งนั้น ใช้เงินจาก พรบ.รถจักรยานยนต์ ประกันสังคม
และประกันอุบัติเหตุของบริษัท ทำให้เราไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม แต่ที่ต้องจ่ายเองคือ
การรักษาแผลเป็นที่หน้า พระเจ้าจอร์จ กว่าจะหาย เป็นปี หมดเงินไปเยอะ
ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น กว่าเราจะกล้าขับมอเตอร์ไซค์อีก ก็นานเป็นเดือน
เดี๋ยวนี้จะออกไปไหน ต้องใส่หมวกกันน็อคทุกครั้ง และต้องรัดคาง ย้ำ ต้องรัดคาง
เราเล่าให้ทุกคนที่เรารู้จักฟังเรื่องนี้ เพื่อเตือนเค้าว่า อย่าประมาท อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ
อย่าเป็นเหมือนเรา ที่ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา สุดท้ายอยากจะบอกทุกคนว่า
ใส่หมวกกันน็อคที่ได้มาตรฐาน อย่าไปเสียดายเลยเงินแค่ไม่กี่บาท
มันเทียบไม่ได้หรอกกับราคาสมองของเรา
อุทาหรณ์สำหรับคนที่ไม่ชอบสวมหมวกกันน็อค หรือสวม แต่ไม่สวมสายรัดคาง
ตอนเช้าซึ่งเป็นเวลาที่ทุกคนเดินทางไปทำงานกัน
เราขับมอไซค์ไปกับเพื่อน ซึ่งเราเป็นคนขับ เพื่อนซ้อนท้าย
บอกก่อนว่าเราเป็นคนขับรถไม่เร็ว ไม่เกิน 60 กม./ชม. ส่วนใหญ่จะขับแค่ 40
ด้วยไหล่ทางกับถนนมันต่างระดับกัน พอเราจะปีนขึ้นทางหลัก
ก็เลยล้ม โชคดีที่ไม่ล้มเข้าข้างใน ไม่งั้นคงหัวแบะ ไม่มีชีวิตรอด
เราที่เป็นคนขับ ใส่หมวกกันน็อคแบบเต็มใบ แต่ไม่รัดคาง
ผลคือ หมวกกันน็อคกระเด็นไปไหนไม่รู้ หน้าเราซีกขวาไถไปกับถนน
พอล้มปุ๊บ สติเราดับวูบ มารู้ตัวอีกที ก็อยู่ที่ห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาล
หลังจากออกจากห้องฉุกเฉินแล้ว เราต้องอยู่ที่โรงพยาบาลอีก 3 วัน 3 คืน
เพื่อสแกนสมอง เพราะเราสลบไป และรอดูอาการ ทั้ง 3 วัน ต้องงดน้ำงดอาหาร
(แต่คนซื้อของเยี่ยมมาเต็มเลย เพื่อนที่มาเฝ้า กินจนพุงกาง เราได้แต่มองตาปริบๆ
พออกจากโรงพยาบาล นมที่เค้าซื้อมาฝากกินต่อได้เป็นเดือน)
เพื่อนที่ซ้อนท้ายไปด้วยกัน เล่าให้ฟังว่า หลังจากที่ล้ม เพื่อนล้มทับเราด้วย
เราสลบไปพักนึง พอตื่นขึ้นมา ก็พูดว่า "รถล่ะ รถไปไหน แล้วก็ถามว่าเพื่อนเป็นอะไรมั้ย"
ทั้งๆที่ตัวเราเองเลือดเต็มหน้า เต็มปาก พอเราถาม เพื่อนเราก็ร้องไห้
ร้องไห้จนออกจากห้องฉุกเฉิน ทั้งๆที่เราที่เป็นคนเจ็บ ไม่ร้องซักแอะ
เราถามเพื่อนทั้งๆที่ไม่มีสติ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองพูดอะไร และก็เดินไปเดินมา
พี่ที่ทำงานที่มาเจอเรา ก็เข้ามาช่วย เค้าจับเราไปนั่ง เราก็ลุกขึ้นมาเดินอีก
จนกระทั่งมีคนพาส่งโรงพยาบาล ขึ้นรถได้ เราก็หลับไป จนถึงโรงพยาบาล
ผลจากอุบัติเหตุครั้งนั้น คือ หน้าซีกขวาเป็นแผลเป็น บวมจนตาขวาปิด
ตาขาวข้างขวาห้อเลือด แดงไปทั้งตา ใช้เวลาประมาณ 2 เดือนกว่าจะหายได้เอง
ฟันหน้า 3 ซี โยกจนเกือบหักต้องใส่เหล็กดามไว้ และรักษารากฟันอีก 6 เดือน
(ตอนแรกพี่ที่พาไปส่ง บอกหมอว่าถอนเลย โชคดีที่หมอไม่เชื่อนะ ไม่งั้นฟันหลอเลย)
ตามมาด้วยแผลคีลอยด์ตามมือ และแขน โชคดีที่ไม่มีส่วนไหนหัก
การรักษาครั้งนั้น ใช้เงินจาก พรบ.รถจักรยานยนต์ ประกันสังคม
และประกันอุบัติเหตุของบริษัท ทำให้เราไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม แต่ที่ต้องจ่ายเองคือ
การรักษาแผลเป็นที่หน้า พระเจ้าจอร์จ กว่าจะหาย เป็นปี หมดเงินไปเยอะ
ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น กว่าเราจะกล้าขับมอเตอร์ไซค์อีก ก็นานเป็นเดือน
เดี๋ยวนี้จะออกไปไหน ต้องใส่หมวกกันน็อคทุกครั้ง และต้องรัดคาง ย้ำ ต้องรัดคาง
เราเล่าให้ทุกคนที่เรารู้จักฟังเรื่องนี้ เพื่อเตือนเค้าว่า อย่าประมาท อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ
อย่าเป็นเหมือนเรา ที่ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา สุดท้ายอยากจะบอกทุกคนว่า
ใส่หมวกกันน็อคที่ได้มาตรฐาน อย่าไปเสียดายเลยเงินแค่ไม่กี่บาท
มันเทียบไม่ได้หรอกกับราคาสมองของเรา