จากที่ปัจจุบันมีผู้ที่โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนอย่างแพร่หลายและนิยมใช้แอพฟลิเคชั่นพิมพ์สนทนาเช่น โปรแกรมไลน์ วอทแอพ เป็นต้นซึ่งบางคนมีพฤติกรรมติดการแชทอย่างหนัก ติดการแชทตลอดเวลาไม่เว้นแม้กระทั่งการขับรถจึงทำให้มีพ่อค้าหัวใสคิดอุปกรณ์สนองความต้องการผู้ติดแชทด้วยการทำสแตนดี้วางโทรศัพท์มือถือติดตั้งกับพวงมาลัยรถเพื่อให้แชทได้สะดวกสนองกับความต้องการผู้ที่ติดการติดต่อผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆและเริ่มมีการแพร่หลายมากขึ้นจนล่าสุดมีผู้ที่ได้แสดงความห่วงใยต่อกรณีดังกล่าวได้โพสภาพและข้อความทางโซเชียลเน็ตเวิร์กและมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการกระทำดังกล่าวผิดกฎหมายหรือไม่
พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รองผบช.น.)เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้ขับขี่รถยนต์การนำเอาสแตนดี้วางโทรศัพท์มือถือเพื่อยึดติดกับพวงมาลัยรถยนต์เพื่อใช้โปรแกรมแชทในขณะขับรถว่าการกระทำดังกล่าวไม่สามารถกระทำได้เพราะเข้าข่ายความผิดถือว่าเป็นการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถซึ่งยึดตามพ.ร.บ.จราจรทางบกแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่8)พ.ศ.2551 ตามมาตร43ห้ามมิให้ผู้ขับรถใช้โทรศัพท์เคลื่อนขณะขับรถเว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยมีอุปกรณ์เสริมสำหรับสนทนา(สมอลล์ทอล์ค)โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์ แต่การใช้สแตนดี้ดังกล่าวถือว่าเป็นการรบกวนสมาธิในการขับรถอย่างมากเนื่องจากต้องละสายตาจากท้องถนนและการพิมพ์ข้อความก็ต้องละมือข้างหนึ่งไปจากการควบคุมพวงมาลัยรถ ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายมีโทษปรับไม่เกิน400- 1,000 บาท
อย่างไรก็ตามการติดสแตนดี้มือถือหากเปิดลำโพงเสียงเพื่อสนทนาเท่านั้นไม่ถือว่าเป็นความผิดซึ่งจะมีคล้ายกับการใช้สมอลล์ทอล์ค โดยกฎหมายดังกล่าวได้เริ่มประกาศใช้ไปตั้งแต่วันที่8 พ.ค.2551 แล้วทั้งนี้หากตำรวจดำเนินการจับกุมแล้วผู้กระทำผิดไม่ยอมรับจะต้องมีการนำเรื่องไปพิจารณาบนชั้นศาลเพื่อดูหลักฐานพยานว่ามีเจตนาเล่นโทรศัพท์ขณะขับรถหรือไม่
พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวต่อว่าอย่างไรก็ตามสำหรับปัจจุบันนี้จะสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่ามีประชาชนส่วนมากที่นิยมเล่นโทรศัพท์ขณะขับรถโดยเฉพาะโปรแกรมไลน์ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ถือว่าอันตรายมากเพราะนอกจากจะผิดกฎหมายแล้วนั้นที่สำคัญจะส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุและการจราจรติดขัดมากยิ่งขึ้นเพราะขณะที่กดโทรศัพท์หลายครั้งจะทำให้สมาธิจดจ่ออยู่กับหน้าจอและเมื่อสัญญาณไฟเขียวก็จะทำให้มองไม่เห็นอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่อยากจะจับกุมพฤติกรรมเหล่านี้เพราะจะยิ่งทำให้เกิดความวุ่นวายบนท้องถนนโดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วนแต่ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มองเห็นถึงความสำคัญเพราะหากไม่ดำเนินการตามกฎหมายก็จะส่งผลเสียในหลายด้านอาจเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงต่อผู้ขับขี่หรือผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน ดังนั้นผู้ที่ขับรถจึงควรมีจิตสำนึกสาธารณะด้วย.
http://www.dailynews.co.th/Content/bangkok/255915/%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%AE%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AE%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%95%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%84%E0%B8%9B+%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B9%88
ตร.เข้ม ขับไปแชตไป โทษปรับ 400-1,000 บาท ชี้พฤติกรรมอันตราย กับเพื่อนร่วมทาง
จากที่ปัจจุบันมีผู้ที่โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนอย่างแพร่หลายและนิยมใช้แอพฟลิเคชั่นพิมพ์สนทนาเช่น โปรแกรมไลน์ วอทแอพ เป็นต้นซึ่งบางคนมีพฤติกรรมติดการแชทอย่างหนัก ติดการแชทตลอดเวลาไม่เว้นแม้กระทั่งการขับรถจึงทำให้มีพ่อค้าหัวใสคิดอุปกรณ์สนองความต้องการผู้ติดแชทด้วยการทำสแตนดี้วางโทรศัพท์มือถือติดตั้งกับพวงมาลัยรถเพื่อให้แชทได้สะดวกสนองกับความต้องการผู้ที่ติดการติดต่อผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆและเริ่มมีการแพร่หลายมากขึ้นจนล่าสุดมีผู้ที่ได้แสดงความห่วงใยต่อกรณีดังกล่าวได้โพสภาพและข้อความทางโซเชียลเน็ตเวิร์กและมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการกระทำดังกล่าวผิดกฎหมายหรือไม่
พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รองผบช.น.)เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้ขับขี่รถยนต์การนำเอาสแตนดี้วางโทรศัพท์มือถือเพื่อยึดติดกับพวงมาลัยรถยนต์เพื่อใช้โปรแกรมแชทในขณะขับรถว่าการกระทำดังกล่าวไม่สามารถกระทำได้เพราะเข้าข่ายความผิดถือว่าเป็นการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถซึ่งยึดตามพ.ร.บ.จราจรทางบกแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่8)พ.ศ.2551 ตามมาตร43ห้ามมิให้ผู้ขับรถใช้โทรศัพท์เคลื่อนขณะขับรถเว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยมีอุปกรณ์เสริมสำหรับสนทนา(สมอลล์ทอล์ค)โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์ แต่การใช้สแตนดี้ดังกล่าวถือว่าเป็นการรบกวนสมาธิในการขับรถอย่างมากเนื่องจากต้องละสายตาจากท้องถนนและการพิมพ์ข้อความก็ต้องละมือข้างหนึ่งไปจากการควบคุมพวงมาลัยรถ ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายมีโทษปรับไม่เกิน400- 1,000 บาท
อย่างไรก็ตามการติดสแตนดี้มือถือหากเปิดลำโพงเสียงเพื่อสนทนาเท่านั้นไม่ถือว่าเป็นความผิดซึ่งจะมีคล้ายกับการใช้สมอลล์ทอล์ค โดยกฎหมายดังกล่าวได้เริ่มประกาศใช้ไปตั้งแต่วันที่8 พ.ค.2551 แล้วทั้งนี้หากตำรวจดำเนินการจับกุมแล้วผู้กระทำผิดไม่ยอมรับจะต้องมีการนำเรื่องไปพิจารณาบนชั้นศาลเพื่อดูหลักฐานพยานว่ามีเจตนาเล่นโทรศัพท์ขณะขับรถหรือไม่
พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวต่อว่าอย่างไรก็ตามสำหรับปัจจุบันนี้จะสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่ามีประชาชนส่วนมากที่นิยมเล่นโทรศัพท์ขณะขับรถโดยเฉพาะโปรแกรมไลน์ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ถือว่าอันตรายมากเพราะนอกจากจะผิดกฎหมายแล้วนั้นที่สำคัญจะส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุและการจราจรติดขัดมากยิ่งขึ้นเพราะขณะที่กดโทรศัพท์หลายครั้งจะทำให้สมาธิจดจ่ออยู่กับหน้าจอและเมื่อสัญญาณไฟเขียวก็จะทำให้มองไม่เห็นอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่อยากจะจับกุมพฤติกรรมเหล่านี้เพราะจะยิ่งทำให้เกิดความวุ่นวายบนท้องถนนโดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วนแต่ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มองเห็นถึงความสำคัญเพราะหากไม่ดำเนินการตามกฎหมายก็จะส่งผลเสียในหลายด้านอาจเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงต่อผู้ขับขี่หรือผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน ดังนั้นผู้ที่ขับรถจึงควรมีจิตสำนึกสาธารณะด้วย.
http://www.dailynews.co.th/Content/bangkok/255915/%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%AE%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AE%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%95%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%84%E0%B8%9B+%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B9%88