คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
การตอบแทนคุณมารดาบิดาอย่างสูงสุด
การตอบแทนคุณมารดาบิดาอย่างสูงสุด
ภิกษุทั้งหลาย ! เรากล่าวการกระทำตอบแทนไม่ได้ง่ายแก่ท่านทั้งสอง.
ท่านทั้งสองนั้นคือใคร ? คือ ๑. มารดา ๒. บิดา
ภิกษุทั้งหลาย ! บุตรพึงประคับประคองมารดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง
พึงประคับประคองบิดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง เขามีอายุมีชีวิตอยู่ตลอดร้อยปี
และเขาพึงปฏิบัติท่านทั้งสองนั้น ด้วยการอบกลิ่น การนวด การให้อาบน้ำและการดัด
และท่านทั้งสองนั้น พึงถ่ายอุจจาระปัสสาวะบนบ่าทั้งสองของเขานั่นแหละ.
ภิกษุทั้งหลาย ! การกระทำอย่างนั้นยังไม่ชื่อว่า
อันบุตรทำแล้ว หรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย.
ภิกษุทั้งหลาย ! อนึ่ง บุตรพึงสถาปนามารดาบิดาในราชสมบัติ อันเป็นอิสราธิปัตย์
ในแผ่นดินใหญ่อันมีรตนะ ๗ ประการ มากหลายเช่นนี้
การกระทำกิจอย่างนั้น ยังไม่ชื่อว่าอันบุตรทำแล้ว
หรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?
เพราะมารดาบิดามีอุปการะมาก บำรุงเลี้ยง แสดงโลกนี้แก่บุตรทั้งหลาย.
ส่วนบุตรคนใด ยังมารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธา ให้สมาทานตั้งมั่นในสัทธาสัมปทา
ยังมารดาบิดาผู้ทุศีล ให้สมาทานตั้งมั่นในสีลสัมปทา
ยังมารดาบิดาผู้มีความตระหนี่ ให้สมาทานตั้งมั่นในจาคสัมปทา
ยังมารดาบิดาทรามปัญญา ให้สมาทานตั้งมั่นในปัญญาสัมปทา
ภิกษุทั้งหลาย ! ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล การกระทำอย่างนั้นย่อมชื่อว่า
อันบุตรนั้นทำแล้ว และทำตอบแทนแล้ว แก่มารดาบิดา.
ทุก. อํ. ๒๐/๗๘/๒๗๘.
ที่มา
http://waeowalee.wordpress.com/sutta1/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-1/
การตอบแทนคุณมารดาบิดาอย่างสูงสุด
ภิกษุทั้งหลาย ! เรากล่าวการกระทำตอบแทนไม่ได้ง่ายแก่ท่านทั้งสอง.
ท่านทั้งสองนั้นคือใคร ? คือ ๑. มารดา ๒. บิดา
ภิกษุทั้งหลาย ! บุตรพึงประคับประคองมารดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง
พึงประคับประคองบิดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง เขามีอายุมีชีวิตอยู่ตลอดร้อยปี
และเขาพึงปฏิบัติท่านทั้งสองนั้น ด้วยการอบกลิ่น การนวด การให้อาบน้ำและการดัด
และท่านทั้งสองนั้น พึงถ่ายอุจจาระปัสสาวะบนบ่าทั้งสองของเขานั่นแหละ.
ภิกษุทั้งหลาย ! การกระทำอย่างนั้นยังไม่ชื่อว่า
อันบุตรทำแล้ว หรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย.
ภิกษุทั้งหลาย ! อนึ่ง บุตรพึงสถาปนามารดาบิดาในราชสมบัติ อันเป็นอิสราธิปัตย์
ในแผ่นดินใหญ่อันมีรตนะ ๗ ประการ มากหลายเช่นนี้
การกระทำกิจอย่างนั้น ยังไม่ชื่อว่าอันบุตรทำแล้ว
หรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?
เพราะมารดาบิดามีอุปการะมาก บำรุงเลี้ยง แสดงโลกนี้แก่บุตรทั้งหลาย.
ส่วนบุตรคนใด ยังมารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธา ให้สมาทานตั้งมั่นในสัทธาสัมปทา
ยังมารดาบิดาผู้ทุศีล ให้สมาทานตั้งมั่นในสีลสัมปทา
ยังมารดาบิดาผู้มีความตระหนี่ ให้สมาทานตั้งมั่นในจาคสัมปทา
ยังมารดาบิดาทรามปัญญา ให้สมาทานตั้งมั่นในปัญญาสัมปทา
ภิกษุทั้งหลาย ! ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล การกระทำอย่างนั้นย่อมชื่อว่า
อันบุตรนั้นทำแล้ว และทำตอบแทนแล้ว แก่มารดาบิดา.
ทุก. อํ. ๒๐/๗๘/๒๗๘.
ที่มา
http://waeowalee.wordpress.com/sutta1/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-1/
แสดงความคิดเห็น
ใครมีบุญเยอะกว่ากัน ?
ระหว่างผู้ให้กำเนิด กับ ผู้เลี้ยงดูใคร
ผู้เลี้ยงดูเรามาแต่เด็ก (ตายา)
ท่านค่อย สอนเรา ว่าเรา จ่ายค่าศึกษาให้เรา เลี้ยงดูผม และน้องมา ตั้งแต่ โดนทิ้ง (จากพ่อแม่)
หากไม่มี เค้าผมคงอยู่ไม่ได้ถึงทุกวันนี้ ณ ปัจจุบันผมก้อยังทราบซึ้งในพระคุณนี้ และตอนนี้ ท่าน อายุ 63-64 เริ่มไม่ไหวแล้ว แล้วผมเป็นเด็ก อายุ 17
จะช่วยอะไร ได้ นอกจาก ตั้งใจเรียนและช่วยงานที่บ้าน (งานค้าขายที่บ้าน)
และ
ผู้ให้กำเนิดเรามา (พ่อแม่)
ท่านทิ้งเราให้ อยู่กับ ผู้เลี้ยงดู (ตายา) ตั้งแต่ 7 ขวบ และ(หนี)ออกจากบ้านไป สาเหตุที่หนีก้อ ประมาณว่า ทำงานที่บ้านไม่ไหว
(ที่บ้านค้าขายของส่งงานเลยหนักหน่อย)
แล้วก้อ ทิ้งภาระให้ ลูกต้องทำงาน (งานที่บ้านนี้และคับ) มาตั้งแต่ 7 ขวบ + ภาระเลี้ยงดูน้องสาว 3 ขวบ
(หากผมไม่มี ตายาคงไม่ไหวจิงๆต้องขอบคุณจิงๆที่เค้าเลี้ยงเรามา) ณ ปัจจุบัน ท่าน(พ่อแม่)ไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยแต่ จะเข้ามาทำงานช่วยที่บ้าน
(ประมาณว่าไม่มีเงินเลยต้องทน ทำงานที่นี้) และที่แย่ที่สุดคือ เค้า สั่งให้เราทำเรื่องที่ไม่ดี อย่าง โกหก หรือ ลักขโมย เงินที่บ้าน
(บ้านที่ผมอยู่แล้วเงินก้อเงินตายานั้นแหละคับ) ทั้งที่เราไม่อยากทำ น่ะ แต่เค้า จะ อาจว่า ไม่ทำก้อแปลว่า ไม่กตัญญู กับผู้ให้ กำเนิด
ผมอาจจะพิม "งง" ก้อขออภัยน่ะคับ หาผิดพลาดก้อบอกน่ะคับ