เจอข่าวนี้มา ถ้าเรื่องจริง เศร้ามากนะ TT
--------------------------------------------------------------------------------------------
เชื่อว่าหลายๆคนคงจะจำข่าว น้องกอหญ้า เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่นอนกอดศพแม่นาน 3 วันจนขึ้นอืด เปิดปากบอก ออกจากบ้านได้เพราะแม่เปิดประตูให้ และแม่ยังชงนมให้กินทุกวัน หลังจากเรื่องทุกอย่างจบแล้ว ทางป้าได้ขอรับหลานไปดูแล โดยให้สัญญาต่อหน้าศพแม่ของน้องกอหญ้าว่า จะเลี้ยงดูเป็นอย่างดี แต่หลายปีผ่านไป มันไม่ได้เป็นอย่างที่ให้สัญญาไว้
เพื่อนละแวกบ้านทนพฤติกรรมของญาติผู้รับเลี้ยงดูเด็กไม่ไหว ออกมาให้ข่าวว่า เด็กได้รับการเลี้ยงดูอย่างโหดร้ายทารุณ โดนทำรายร่างกาย และยังบังคับให้เด็กกินอ้วกของตนเอง และยังบังคับให้กินข้าวสุนัข นอนในกรงสุนัข
พ่อน้ำตาตกใน ขอรับลูกไปเลี้ยง ญาติรับทำโทษจริง บังคับเด็กกินอ้วก เตรียมนำตัวหนูน้อยเฝ้าศพแม่ ที่เคยเป็นข่าวโด่งดัง ปี 55 ตรวจร่างกายและสภาพจิตใจ 31 ก.ค. หลังชีวิตถูกผู้ปกครองที่เป็นญาติ บังคับกินอ้วกตัวเอง เจ้าหน้าที่ศูนย์ประชาบดีระบุ หัวอกพ่อ น้ำตาตกใน ขอรับกลับไปเลี้ยงดูเองแล้ว ด้านผู้อุปการะ อ้างทำไปเพราะรัก ไม่คิดว่าเกินกว่าเหตุ ลั่นจะไม่ยอมปรับเปลี่ยนวิธีเลี้ยงดูในอนาคตด้วย ขณะที่พี่เลี้ยงเด็ก และชาวบ้านในละแวก ยืนยันเป็นเสียงเดียวกัน เด็กถูกเลี้ยงดูยิ่งกว่าทาส
ล่าสุดวันที่ 28 ก.ค. นางญาณี เลิศไกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีน้องกอหญ้าที่ถูกผู้ปกครองบังคับให้กินอ้วก ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไป ว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ประชาบดี ได้ดูแลให้ความคุ้มครองน้องกอหญ้าไว้ที่บ้านพักเด็กและครอบครัว ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กและครอบครัว ซึ่งล่าสุด ทางศูนย์ประชาบดี เตรียมนำตัวน้องกอหญ้า ไปตรวจสภาพร่างกายและจิตใจ ในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ที่ รพ.ตำรวจ เพื่อให้แพทย์ตรวจประเมินว่าน้องกอหญ้านั้น มีปัญหาทางร่างกายและจิตใจหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ทางศูนย์ประชาบดี ทำหน้าที่ในการแยกตัวเด็กออกจากผู้ปกครอง และความดูแลเพียงเท่านั้น แต่ยังไม่ได้มีการดำเนินคดีแต่อย่างใด เนื่องจากจะต้องดูข้อเท็จจริง พร้อมทั้งพยานหลักฐาน ภายหลังจากการตรวจสุขภาพและสภาพจิตใจเสียก่อน
นางญาณี กล่าวอีกว่า ส่วนการที่พ่อของน้องกอหญ้าได้ติดต่อขอรับเด็กไปไว้ในความดูแลนั้น เนื่องจากพ่อของเด็กประกอบอาชีพที่ต้องเดินทางเคลื่อนย้ายบ่อย ไม่เป็นหลักแหล่ง อีกทั้งยังไม่เคยติดต่อ หรือเลี้ยงดูตัวเด็กเลย ทางศูนย์ประชาบดี จะต้องมีการประเมินความพร้อมในการเลี้ยงดูของพ่อเด็ก และครอบครัวอีกครั้งว่าจะสามารถเลี้ยงดูได้หรือไม่.
ข่าวจาก :
http://news.tlcthai.com/news/343020.html
เรื่องน้องกอหญ้า เป็นเรื่องจริงเหรอ???
--------------------------------------------------------------------------------------------
เชื่อว่าหลายๆคนคงจะจำข่าว น้องกอหญ้า เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่นอนกอดศพแม่นาน 3 วันจนขึ้นอืด เปิดปากบอก ออกจากบ้านได้เพราะแม่เปิดประตูให้ และแม่ยังชงนมให้กินทุกวัน หลังจากเรื่องทุกอย่างจบแล้ว ทางป้าได้ขอรับหลานไปดูแล โดยให้สัญญาต่อหน้าศพแม่ของน้องกอหญ้าว่า จะเลี้ยงดูเป็นอย่างดี แต่หลายปีผ่านไป มันไม่ได้เป็นอย่างที่ให้สัญญาไว้
เพื่อนละแวกบ้านทนพฤติกรรมของญาติผู้รับเลี้ยงดูเด็กไม่ไหว ออกมาให้ข่าวว่า เด็กได้รับการเลี้ยงดูอย่างโหดร้ายทารุณ โดนทำรายร่างกาย และยังบังคับให้เด็กกินอ้วกของตนเอง และยังบังคับให้กินข้าวสุนัข นอนในกรงสุนัข
พ่อน้ำตาตกใน ขอรับลูกไปเลี้ยง ญาติรับทำโทษจริง บังคับเด็กกินอ้วก เตรียมนำตัวหนูน้อยเฝ้าศพแม่ ที่เคยเป็นข่าวโด่งดัง ปี 55 ตรวจร่างกายและสภาพจิตใจ 31 ก.ค. หลังชีวิตถูกผู้ปกครองที่เป็นญาติ บังคับกินอ้วกตัวเอง เจ้าหน้าที่ศูนย์ประชาบดีระบุ หัวอกพ่อ น้ำตาตกใน ขอรับกลับไปเลี้ยงดูเองแล้ว ด้านผู้อุปการะ อ้างทำไปเพราะรัก ไม่คิดว่าเกินกว่าเหตุ ลั่นจะไม่ยอมปรับเปลี่ยนวิธีเลี้ยงดูในอนาคตด้วย ขณะที่พี่เลี้ยงเด็ก และชาวบ้านในละแวก ยืนยันเป็นเสียงเดียวกัน เด็กถูกเลี้ยงดูยิ่งกว่าทาส
ล่าสุดวันที่ 28 ก.ค. นางญาณี เลิศไกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีน้องกอหญ้าที่ถูกผู้ปกครองบังคับให้กินอ้วก ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไป ว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ประชาบดี ได้ดูแลให้ความคุ้มครองน้องกอหญ้าไว้ที่บ้านพักเด็กและครอบครัว ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กและครอบครัว ซึ่งล่าสุด ทางศูนย์ประชาบดี เตรียมนำตัวน้องกอหญ้า ไปตรวจสภาพร่างกายและจิตใจ ในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ที่ รพ.ตำรวจ เพื่อให้แพทย์ตรวจประเมินว่าน้องกอหญ้านั้น มีปัญหาทางร่างกายและจิตใจหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ทางศูนย์ประชาบดี ทำหน้าที่ในการแยกตัวเด็กออกจากผู้ปกครอง และความดูแลเพียงเท่านั้น แต่ยังไม่ได้มีการดำเนินคดีแต่อย่างใด เนื่องจากจะต้องดูข้อเท็จจริง พร้อมทั้งพยานหลักฐาน ภายหลังจากการตรวจสุขภาพและสภาพจิตใจเสียก่อน
นางญาณี กล่าวอีกว่า ส่วนการที่พ่อของน้องกอหญ้าได้ติดต่อขอรับเด็กไปไว้ในความดูแลนั้น เนื่องจากพ่อของเด็กประกอบอาชีพที่ต้องเดินทางเคลื่อนย้ายบ่อย ไม่เป็นหลักแหล่ง อีกทั้งยังไม่เคยติดต่อ หรือเลี้ยงดูตัวเด็กเลย ทางศูนย์ประชาบดี จะต้องมีการประเมินความพร้อมในการเลี้ยงดูของพ่อเด็ก และครอบครัวอีกครั้งว่าจะสามารถเลี้ยงดูได้หรือไม่.
ข่าวจาก : http://news.tlcthai.com/news/343020.html