สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 34
ฮีโร่เป็นสิ่งที่เกิดจากความต้องการของคนๆนึงที่ต้องการจะทำอะไรสักอย่างเพื่อสังคมที่ดีขึ้น
แต่ก็ไม่ได้แปลว่า สิ่งที่ฮีโร่ทำนั้นจะถูกต้อง เพราะสิ่งที่ดีขึ้นนั้น บางครั้งมันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีในสายตาของเขา แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าสิ่งๆนั้นมันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับจารีต บรรทัดฐาน หรือความคิดเห็นส่วนใหญ่ของคนในสังคมหรือบนโลกนี้ก็ได้
การนึกทึกทักเอาเองว่าตัวเองเป็นคนดี ทำสิ่งที่ดี โดยไม่สนว่าใครคนอื่นจะคิดหรือรู้สึกอย่างไรนี่ล่ะ ที่มันอันตรายมากๆ
ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับใครสักคนที่อยากจะเป็นฮีโร่ หรือคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่คือการกระทำของฮีโร่ ก็คือ การตระหนักถึงทุกๆการกระทำของตัวเองให้แน่ชัด ว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องจริงหรือไม่ หรือจริงๆแล้วก็แค่ถูกใจตัวเองเท่านั้น เพราะไม่งั้นสุดท้ายแล้วมันก็เป็นแค่การทำตามใจตัวเอง เหมือนเด็กๆที่งอแงเอาแต่ใจเท่านั้นแหล่ะ
Watchmen แปลตรงตัวว่า ผู้ที่เฝ้าระวัง คอยจับตามองสิ่งต่างๆ ดังนั้นเมื่อคิดจะเฝ้าระวังจับตาดูใครแล้ว อย่าลืมหันกลับมามองดูตัวเองบ้างก็แล้วกัน ไม่งั้น คุณอาจจะกลายเป็นจุดดำเพียงจุดเดียวที่เปรอะเปื้อนอยู่บนผ้าขาวก็ได้
แต่ก็ไม่ได้แปลว่า สิ่งที่ฮีโร่ทำนั้นจะถูกต้อง เพราะสิ่งที่ดีขึ้นนั้น บางครั้งมันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีในสายตาของเขา แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าสิ่งๆนั้นมันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับจารีต บรรทัดฐาน หรือความคิดเห็นส่วนใหญ่ของคนในสังคมหรือบนโลกนี้ก็ได้
การนึกทึกทักเอาเองว่าตัวเองเป็นคนดี ทำสิ่งที่ดี โดยไม่สนว่าใครคนอื่นจะคิดหรือรู้สึกอย่างไรนี่ล่ะ ที่มันอันตรายมากๆ
ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับใครสักคนที่อยากจะเป็นฮีโร่ หรือคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่คือการกระทำของฮีโร่ ก็คือ การตระหนักถึงทุกๆการกระทำของตัวเองให้แน่ชัด ว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องจริงหรือไม่ หรือจริงๆแล้วก็แค่ถูกใจตัวเองเท่านั้น เพราะไม่งั้นสุดท้ายแล้วมันก็เป็นแค่การทำตามใจตัวเอง เหมือนเด็กๆที่งอแงเอาแต่ใจเท่านั้นแหล่ะ
Watchmen แปลตรงตัวว่า ผู้ที่เฝ้าระวัง คอยจับตามองสิ่งต่างๆ ดังนั้นเมื่อคิดจะเฝ้าระวังจับตาดูใครแล้ว อย่าลืมหันกลับมามองดูตัวเองบ้างก็แล้วกัน ไม่งั้น คุณอาจจะกลายเป็นจุดดำเพียงจุดเดียวที่เปรอะเปื้อนอยู่บนผ้าขาวก็ได้
ความคิดเห็นที่ 13
ผมดูบอลถ่ายทอดสดอยู่พวกตัดไปเฉย
ถ้าเป็นรายการสำคัญ ข่าวด่วน ประกาศภัยพิบัติ
งานพระราชพิธี ข่าวในพระราชสำนัก
นี่ผมเข้าใจนะ ไม่บ่นด้วย
แต่นี่อะไร มาพูดอะไรไม่รู้ไปเรื่อยๆ แถมมีเย็นวันศุกร์กับเช้าวันเสาร์
แบบรีรันเป๊ะๆ เบื่อมากๆครับ
เหมือนคนที่พูดแล้วไม่มีใครฟังแล้วมาเรียกร้องความสนใจเลย
"ทำดีไม่ต้องอวดครับ"
ในหลวงท่านยังทรงสอนเรื่องปิดทองหลังพระเลย
ถ้าเป็นรายการสำคัญ ข่าวด่วน ประกาศภัยพิบัติ
งานพระราชพิธี ข่าวในพระราชสำนัก
นี่ผมเข้าใจนะ ไม่บ่นด้วย
แต่นี่อะไร มาพูดอะไรไม่รู้ไปเรื่อยๆ แถมมีเย็นวันศุกร์กับเช้าวันเสาร์
แบบรีรันเป๊ะๆ เบื่อมากๆครับ
เหมือนคนที่พูดแล้วไม่มีใครฟังแล้วมาเรียกร้องความสนใจเลย
"ทำดีไม่ต้องอวดครับ"
ในหลวงท่านยังทรงสอนเรื่องปิดทองหลังพระเลย
แสดงความคิดเห็น
หนัง Watchmen เรามาตรวจสอบฮีโร่กันเถอะ
หลายคนบอกว่าการมีฮีโร่เป็นเรื่องที่ดี หลายคนบอกว่า ถ้าโลกนี้มีฮีโร่จริง ๆ เราคงรู้สึกปลอดภัยแต่ตรงกันข้ามหากคุณเป็นแฟนหนังหรือหนังสือการ์ตูนก็มักจะรู้ว่า โลกที่มีฮีโร่ไม่ใช่โลกที่สงบสุขอย่างที่ใครคาดการณ์ไว้ แต่มันเป็นโลกที่แสนวุ่นวาย เปรียบเสมือนระเบิดปรมาณูที่พร้อมจะระเบิดตลอดเวลา เพราะไม่รู้ว่าวันใดหนึ่งจะมีใครมาทำลายโลกหรือไม่ และเราไม่มีทางรู้ได้ฮีโร่คิดอะไรอยู่ ศีลธรรมแบบไหนที่เขานิยม ศาสนาอะไรที่ฮีโร่พวกนี้ชอบ แล้วเขาจะทำยังไงกับคนที่เขารู้สึกไม่ชอบ ด้วยอำนาจที่ล้นเหลือนี้ มีอะไรที่จะรับประกันความปลอดภัยของเราจากอำนาจของพวกเขาได้บ้าง
หากไม่สามารถนึกออกว่า สังคมที่อำนาจพิเศษพวกนี้มีตัวตนนั้นจะเป็นสภาพสังคมหรือโลกแบบไหน คงไม่มีหนังเรื่องใดที่สามารถทำให้เราเห็นภาพของสังคมที่ฮีโร่ครองเมืองได้ชัดแจ้งที่สุดย่อมไม่พ้น Watchmen ผลงานภาพยนตร์แนวซุปเปอร์ฮีโร่ของผู้กำกับ Man of Steel อย่าง แซ็ค ชไนเดอร์ ที่ดัดแปลงมาจากกราฟฟิคโนเวลระดับตำนานของนัดเขียนชาวอังกฤษนาม อลัน มัวร์ ที่สร้างเรื่องของซุปเปอร์ฮีโร่ที่บอกเล่าถึงความมืดมนของสังคมได้อย่างน่าสนใจยิ่ง โดยเฉพาะการนำฮีโร่ทั้งหลายมาปลอกเปลือกเสียสิ้นจนมองเห็นเนื้อในที่ช่วยให้เราได้รู้ว่า เหตุใดเราจึงไม่ควรฝากอนาคตและอำนาจของเราให้กับพวกอำนาจพิเศษเหล่านี้
เพราะ ไม่มีซุปเปอร์ฮีโร่คนใดที่ควรค่าแก่การได้รับอำนาจอภิสิทธิ์แบบนั้นเลยสักคน
เรื่องราวของ Watchmen เกิดขึ้นในโลกยุคสงครามเย็นที่ตั้งโจทย์ว่าจะเกิดขึ้นถ้า โลกใบนี้มีซุปเปอร์ฮีโร่ขึ้นมาจริง ๆ จะเป็นอย่างไร ซุปเปอร์ฮีโร่ในเรื่องนั้นส่วนมากมักจะเป็นคนธรรมดาที่มีฝีมือในการต่อสู้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ไม่พอใจในสภาพสังคมที่เหลวแหลกจากอาชญากรรมและโจรผู้ร้ายที่มากมาย พวกเขาจึงปรากฏตัวขึ้นมาแล้วออกไล่ล่าจับผู้ร้ายแบ่งเบาภาระของตำรวจกันจนตั้งกลุ่มขึ้นมาหลายกลุ่ม จนกระทั่งการมาของซุปเปอร์ฮีโร่ที่มีพลังเหนือธรรมชาติ ๆ จริง ๆ ชื่อของ Watchmen ซึ่งเป็นชื่อของกลุ่มซุปเปอร์ฮีโร่กลุ่มนี้เกิดขึ้นจากนิทานปรัมปราในอดีตของโรมันกล่าวว่า ในสงครามหนึ่งชาวโรมันได้เกณฑ์ประชาชนจากหัวเมืองประเทศราชของตัวเองไปรบ แน่นอนว่า พวกผู้ชายที่ไปรบต่างแสดงความเป็นห่วงเมื่อพวกเขาต้องจากบ้านไปไกล ๆ พวกเขาห่วงภรรยาและลูก ๆ ของเขาจะอยู่ไม่ได้และไม่ปลอดภัยหากต้องอยู่กันตามลำพังแบบนั้น แน่นอนว่านายกองชาวโรมันรู้ถึงความกังวลนี้ของคนในหัวเมืองประเทศราช พวกเขาเลยบอกพวกนั้นว่า พวกเขาได้จัดส่งทหารโรมันมาดูแลลูกเมียของพวกเขาให้แทนแล้ว ทว่าคำตอบนั้นกลับยิ่งสร้างความกังวลกับประชาชนในประเทศราชที่รบอย่างยิ่งพวกเขาถามนายกองชาวโรมันว่า
“แล้วใครจะค่อยดูพวกทหารกันเล่า ?”
แน่นอนว่า คำพูดนี้ได้กลายเป็นคำถามที่ม๊อบตำรวจได้ตั้งคำถามต่อสังคม เมื่องานของพวกเขาถูกพวกฮีโร่สวมหน้ากากเหล่านี้ยึดไป ส่งผลให้ตำรวจที่เป็นผู้รักษากฎหมายรู้สึกว่า ความชอบธรรมของตัวเองถูกขโมยไปโดยฮีโร่หน้ากากเหล่านี้เสียแล้ว นั้นเองที่ทำให้พวกเขาผลักดันนโยบายต่อต้านฮีโร่หน้ากากร่วมทั้งประท้วงพวกฮีโร่เหล่านี้ไปด้วย
และคำพูดที่พวกเขาใช้ในการปลุกระดมสังคมให้หันมามองและตั้งข้อสงสัยแก่ศาลเตี้ยเหล่านี้ก็คือ
Who Watch The Watchmen ? (ใครจะตรวจสอบพวกว๊อชเม้นท์)
แน่นอนว่าคำพูดคำนี้มันมีความหมายในเชิงตั้งคำถามว่า ทุกอำนาจบนโลกนี้จำเป็นจะต้องมีการตรวจสอบ
- See more at: http://www.blogazine.in.th/blogs/misteramerican/post/4525#sthash.0nEJO9Cu.dpuf
พูดง่าย ๆ ก็คือ อำนาจที่ประชาชนสามารถตรวจสอบได้และมาอย่างถูกกฎหมายและไม่ได้เป็นอำนาจพิเศษที่มีอำนาจล้นฟ้า
เพราะเมื่อท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่มีอำนาจยิ่งอยู่นานเท่าไรมักจะทนกับเสียงวิจารณ์ไม่ได้ แม้นแต่ตัว ดร. แมนฮัดตันที่ได้ชื่อว่าเป็นคนมีเหตุมีผลที่สุดแล้วก็ตาม การใช้อำนาจใดๆของมนุษย์จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องถูกตรวจสอบ
อีกตอนหนึ่งที่เป็นคำถามได้ดีกับฮีโร่คือ ประชาชนที่ชื่นชอบฮีโร่ มีอะไรรับประกันว่าวันหนึ่งคุณอาจจะกลายเป็นคนที่ฮีโร่คิดว่าต้องถุกกำจัดไปก็ได้ เพื่อความสงบสุขของสังคม