สวัสดีค่า วันนี้ Tipsfoodandtravel มาขอแชร์ประสบการณ์ที่ประเทศตุรกีกันต่อ แต่คราวนี้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกเมืองและโรงแรมที่ไปพักมา
ป.ล. รบกวนฝาก subscribe รับชมผลงานรีวิวประเทศตุรกีเมืองอื่นๆหรือประเทศอื่นได้ที่
www.tipsfoodandtravel.com และรบกวนฝากกด Like แฟนเพจด้วยนะคะที่
www.facebook.com/TipsFoodandTravel ค่า
ถึงแม้จะเคยไปตุรกีมาสองครั้งแต่มีอยู่ที่นึงอยากไปมากเพราะเห็นจาก Photo Gallery ที่สามีถ่ายเก็บไว้แล้วรู้สึกว่าถ้ามีโอกาสไปตุรกีอีก จะขอให้สามีพาไป ที่นั่นคือ Cappadocia ในที่สุดปีนี้ก็มีโอกาสได้ไปเยือนตุรกีเป็นครั้งที่ 3 เราสองคนก็เลยวางแผนไปเที่ยว Cappadocia และใช้เวลาที่นั่นไป 4 วัน 3 คืน
คนส่วนใหญ่จะเลือกพักเมืองที่นักท่องเที่ยวเยอะหรือไม่ก็ตามที่ทัวร์จัดให้ เช่นเมือง Göreme (มี Göreme Open Air Museum อยู่) มีนักท่องเที่ยวกว่าสามล้านคนมาที่นี่ทุกปี แต่สำหรับ จขกท ใช้ปัจจัยในการเลือกเมืองที่พักดังนี้ คือ
1. ไม่แพงมาก
2. นักท่องเที่ยวน้อย
3. สามารถเดินทางจากที่พักไปที่ๆเราอยากไปเที่ยวได้สะดวกและไม่ไกลมาก
4. เงียบสงบและปลอดภัย
สุดท้ายก็ลงตัวที่ Orthahisar สาเหตุที่เลือกเมืองเล็กก็เพราะไม่ชอบอยู่ที่คนพลุกพล่านมากจนเกินไป ถึงแม้ร้านอาหารจะมีให้เลือกไม่เยอะแต่ราคาจะไม่แพงเว่อร์แถมอร่อยอีกต่างหาก รวมทั้งจะมีร้านขายของชำที่คนพื้นเมืองใช้ซื้อของ เราก็จะได้เห็นวิถีชีวิตของคนแถวนั้นจริงๆว่าอาหารที่เค้าซื้อทานมันเป็นยังไง เค้าอยู่กันยังไง ไม่มีร้านขายของที่ระลึกหรือรถทัวร์ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกมากวนใจ
เราสองคนได้เริ่มการเดินทางด้วยการนั่งรถบัสจาก Ankara ไป Cappadocia ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ( รวมเวลาที่นั่งรถตู้ฟรีจากสถานีรถบัสที่ Cappadocia ไป Ortahisar ) ตอนที่ถึง Ortahisar อากาศค่อนข้างเย็น โชคดีที่วันไปถึงได้เห็นพายุฝนตอนพระอาทิตย์ตกดินพอดี ประกอบกับลักษณะของเมืองที่ไม่มีตึกสูงระฟ้า มีแต่บ้านเก่าๆที่มีสเน่ห์อยู่ในตัว ทำให้เป็นอีกวันที่ได้เห็นความสวยแบบเก่าๆที่มนุษย์สร้างขึ้นนั้นมันดูเข้ากันได้ดีกับความงามของธรรมชาติแบบไม่ต้องปรุงแต่งจริงๆ
จุดเด่นของเมืองนี้คือ castle เป็นเหมือนป้อมปราการของเมือง ด้านในมีห้องเยอะแยะมากมาย ถ้าคนที่ไม่กลัวความสูง แนะนำให้เดินขึ้นถึงยอดบนสุด จะเห็นวิวของทั้งเมืองเลย ว่าแต่ต้องเสียค่าเข้าชม (ปีนเขา) นะคะแต่ไม่แพง แนะนำให้แลกเงินเป็นสกุลของตุรกี หลายๆที่รับสกุลยูโรแต่พอมาคำนวณแล้วเราจ่ายแพงกว่าถ้าใช้ยูโร
พอลงจากรถตู้ เดินไม่ถึงนาทีก็จะเห็นโรงแรม Castle Inn ภายนอกดูเหมือนปราสาท จัดเป็น Boutique hotel ก็ว่าได้
มีห้องอยู่ทั้งหมด 5 ห้องเท่านั้น บรรยากาศเป็นกันเองเหมือนอยู่บ้าน สำหรับใครที่อยากสะดวกสบายในการไปเที่ยว ก็แค่แจ้งว่าอยากไปที่ไหนบ้าง เค้ามีทัวร์บริการให้ด้วย เจ้าของ( คุณ Suat และหุ้นส่วน) น่ารักมาก เป็นกันเองและคอยหาเวลามาคุยกับแขกที่มาพักตลอด งานประจำของ Suat กับหุ้นส่วน คือ นักบินขับบอลลูน เค้าเคยขับให้ Martha Stewart และราชวงค์จากภูฐานอีกด้วย
ขอเชิญรับชมรายละเอียดห้องพักและรูปภาพสวยๆเพิ่มเติมของ Castle Inn ต่อได้ที่ [
http://www.tipsfoodandtravel.com/hotel-review-in-cappadocia/รับรองไม่ผิดหวังค่า
ส่วนใครที่อยากรู้จักเมือง Safranbolu ( World Heritage City 1995) อยากรู้ว่าบรรยากาศเมืองเป็นแบบไหน จะเลือกพักที่ไหนดี ขอเชิญคลิกที่ link นี้ได้เลยค่า
http://www.tipsfoodandtravel.com/accommodation-in-safranbolu-turkey/
[CR] รีวิวโรงแรมที่ Cappadocia โดย TipsFoodandTravel
ป.ล. รบกวนฝาก subscribe รับชมผลงานรีวิวประเทศตุรกีเมืองอื่นๆหรือประเทศอื่นได้ที่ www.tipsfoodandtravel.com และรบกวนฝากกด Like แฟนเพจด้วยนะคะที่ www.facebook.com/TipsFoodandTravel ค่า
ถึงแม้จะเคยไปตุรกีมาสองครั้งแต่มีอยู่ที่นึงอยากไปมากเพราะเห็นจาก Photo Gallery ที่สามีถ่ายเก็บไว้แล้วรู้สึกว่าถ้ามีโอกาสไปตุรกีอีก จะขอให้สามีพาไป ที่นั่นคือ Cappadocia ในที่สุดปีนี้ก็มีโอกาสได้ไปเยือนตุรกีเป็นครั้งที่ 3 เราสองคนก็เลยวางแผนไปเที่ยว Cappadocia และใช้เวลาที่นั่นไป 4 วัน 3 คืน
คนส่วนใหญ่จะเลือกพักเมืองที่นักท่องเที่ยวเยอะหรือไม่ก็ตามที่ทัวร์จัดให้ เช่นเมือง Göreme (มี Göreme Open Air Museum อยู่) มีนักท่องเที่ยวกว่าสามล้านคนมาที่นี่ทุกปี แต่สำหรับ จขกท ใช้ปัจจัยในการเลือกเมืองที่พักดังนี้ คือ
1. ไม่แพงมาก
2. นักท่องเที่ยวน้อย
3. สามารถเดินทางจากที่พักไปที่ๆเราอยากไปเที่ยวได้สะดวกและไม่ไกลมาก
4. เงียบสงบและปลอดภัย
สุดท้ายก็ลงตัวที่ Orthahisar สาเหตุที่เลือกเมืองเล็กก็เพราะไม่ชอบอยู่ที่คนพลุกพล่านมากจนเกินไป ถึงแม้ร้านอาหารจะมีให้เลือกไม่เยอะแต่ราคาจะไม่แพงเว่อร์แถมอร่อยอีกต่างหาก รวมทั้งจะมีร้านขายของชำที่คนพื้นเมืองใช้ซื้อของ เราก็จะได้เห็นวิถีชีวิตของคนแถวนั้นจริงๆว่าอาหารที่เค้าซื้อทานมันเป็นยังไง เค้าอยู่กันยังไง ไม่มีร้านขายของที่ระลึกหรือรถทัวร์ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกมากวนใจ
เราสองคนได้เริ่มการเดินทางด้วยการนั่งรถบัสจาก Ankara ไป Cappadocia ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ( รวมเวลาที่นั่งรถตู้ฟรีจากสถานีรถบัสที่ Cappadocia ไป Ortahisar ) ตอนที่ถึง Ortahisar อากาศค่อนข้างเย็น โชคดีที่วันไปถึงได้เห็นพายุฝนตอนพระอาทิตย์ตกดินพอดี ประกอบกับลักษณะของเมืองที่ไม่มีตึกสูงระฟ้า มีแต่บ้านเก่าๆที่มีสเน่ห์อยู่ในตัว ทำให้เป็นอีกวันที่ได้เห็นความสวยแบบเก่าๆที่มนุษย์สร้างขึ้นนั้นมันดูเข้ากันได้ดีกับความงามของธรรมชาติแบบไม่ต้องปรุงแต่งจริงๆ
จุดเด่นของเมืองนี้คือ castle เป็นเหมือนป้อมปราการของเมือง ด้านในมีห้องเยอะแยะมากมาย ถ้าคนที่ไม่กลัวความสูง แนะนำให้เดินขึ้นถึงยอดบนสุด จะเห็นวิวของทั้งเมืองเลย ว่าแต่ต้องเสียค่าเข้าชม (ปีนเขา) นะคะแต่ไม่แพง แนะนำให้แลกเงินเป็นสกุลของตุรกี หลายๆที่รับสกุลยูโรแต่พอมาคำนวณแล้วเราจ่ายแพงกว่าถ้าใช้ยูโร
พอลงจากรถตู้ เดินไม่ถึงนาทีก็จะเห็นโรงแรม Castle Inn ภายนอกดูเหมือนปราสาท จัดเป็น Boutique hotel ก็ว่าได้
มีห้องอยู่ทั้งหมด 5 ห้องเท่านั้น บรรยากาศเป็นกันเองเหมือนอยู่บ้าน สำหรับใครที่อยากสะดวกสบายในการไปเที่ยว ก็แค่แจ้งว่าอยากไปที่ไหนบ้าง เค้ามีทัวร์บริการให้ด้วย เจ้าของ( คุณ Suat และหุ้นส่วน) น่ารักมาก เป็นกันเองและคอยหาเวลามาคุยกับแขกที่มาพักตลอด งานประจำของ Suat กับหุ้นส่วน คือ นักบินขับบอลลูน เค้าเคยขับให้ Martha Stewart และราชวงค์จากภูฐานอีกด้วย
ขอเชิญรับชมรายละเอียดห้องพักและรูปภาพสวยๆเพิ่มเติมของ Castle Inn ต่อได้ที่ [http://www.tipsfoodandtravel.com/hotel-review-in-cappadocia/รับรองไม่ผิดหวังค่า
ส่วนใครที่อยากรู้จักเมือง Safranbolu ( World Heritage City 1995) อยากรู้ว่าบรรยากาศเมืองเป็นแบบไหน จะเลือกพักที่ไหนดี ขอเชิญคลิกที่ link นี้ได้เลยค่า http://www.tipsfoodandtravel.com/accommodation-in-safranbolu-turkey/
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น