เนื่องจากเวอร์ชั้นหนังมีแค่ 2 ท่อน และไม่ชอบเวอร์ชั่น end credit (Tim Finn) เป็นการส่วนตัว จึงขออนุญาตแปลฉบับหนังสือครับ
เลือกกาพย์ฉบังเพราะรู้สึกว่าทำนองน่าจะเข้ากับทำนอวเพลงในหนังที่สุดครับ
ขอฝากร้อยกรองไว้ด้วยครับ
แสนไกลใต้ผาเยียบเย็น
วงกตลึกเร้น
โดดเด่นถ้ำล้ำบุราณ
หมู่เราจำจากถิ่นฐาน
ค้นหาเนิ่นนาน
งามกาญจน์ซีดหมองมัวมนตร์
Far over the misty mountains cold
To dungeons deep, and caverns old
We must away ere break of day
To seek the pale enchanted gold.
ชาวแคระแห่งอดีตหน
ค้อนลิ่วสิ่วทน
ยลดั่งระฆังวังเวง
แดนดำลึกล้ำยำเกรง
นิทราว่าเพลง
กลวงในใต้หล้าพสุธา
The dwarves of yore made mighty spells,
While hammers fell like ringing bells
In places deep, where dark things sleep,
In hollow halls beneath the fells.
ท้าวพรายและบรรพ์ราชา
สมบัติพัสตรา
รุจาเหลือหลายเรืองรอง
กลึงเกลาสลักเหลาเข้าครอง
ชวาลาผอง
ซ่อนไว้ใด้ดาบศาสตรา
For ancient king and elvish lord,
There many a gleaming golden hoard
They shaped and wrought, and light they caught
To hide in gems on hilt of sword.
ฉายบนหิรัญถนิมา
ดาวกรรณิกา
มาลามงกุฏวิไล
มังกรบิดเบี้ยวเกลียวไฟ
ผสมปนไป
ทั้งในตะวันจันทรา
On silver necklaces they strung
The flowering stars, on crowns they hung
The dragon-fire, in twisted wire
They meshed the light of moon and sun.
แสนไกลทิวศิขรา
วงกตใต้หล้า
คูหากว้างขวางไพบูลย์
หมู่เรานิราศสิ้นสูญ
วารวันอาดูร
ทวงหวนสุวรรณนิรันดร์
Far over the misty mountains cold
To dungeons deep and caverns old
We must away, ere break of day,
To claim our long-forgotten gold.
โถถ้วนล้วนประดิษฐ์สรรค์
พิณทองร้องพลัน
ถิ่นนั้นไร้ไครใดมา
เพียงเพลงบรรเลงทั่วหล้า
อมรแลมรรตยา
ต่างพากระซิบก้องนาน
Goblets they carved there for themselves
And harps of gold; where no man delves
There lay they long, and many a song
Was sung unheard by men or elves.
สนลู่ลิวยอดสถาน
ลมพัดพาพาล
ครางไปในยามราตรี
เพลิงแดงแรงแพร่ชาดทวี
พรรณพืชพลอยพลี
ดุจไต้ไฟสว่างชวาลา
The pines were roaring on the height,
The winds were moaning in the night.
The fire was red, it flaming spread;
The trees like torches blazed with light.
กริ่งก้องนรนครา
ต่างซีดสีหน้า
ผวาทั้งหวาดพะวง
มังกรร้อนร้ายพุ่งตรง
หอคอยนอนลง
นครเคหาสน์พังภิณฑ์
The bells were ringing in the dale
And men looked up with faces pale;
Then dragon's ire more fierce than fire
Laid low their towers and houses frail.
ควันหมู่ภูซ่อนดวงอินทุ์
ชาวแคระทั้งสิ้น
ได้ยินเสียงแห่งมรณา
หลบหนีลี้ห้องใต้ผา
แต่ตายกรายมา
บาทาใต้ห้วงศศิธร
The mountain smoked beneath the moon;
The dwarves, they heard the tramp of doom.
They fled their hall to dying fall
Beneath his feet, beneath the moon.
แสนไกบใต้เขานิวรณ์
โศกเศร้าเคล้ากลอน
แห่งห้องหับลับอับมัว
หมู่เราเร่าเร่งรีบรัว
รบมังกรชั่ว
กำชัยหมายปองสนองคืน
Far over the misty mountains grim
To dungeons deep and caverns dim
We must away, ere break of day,
To win our harps and gold from him!
อยากลองแปล Far over, the Misty Mountain Cold ดูครับ
เลือกกาพย์ฉบังเพราะรู้สึกว่าทำนองน่าจะเข้ากับทำนอวเพลงในหนังที่สุดครับ
ขอฝากร้อยกรองไว้ด้วยครับ
แสนไกลใต้ผาเยียบเย็น
วงกตลึกเร้น
โดดเด่นถ้ำล้ำบุราณ
หมู่เราจำจากถิ่นฐาน
ค้นหาเนิ่นนาน
งามกาญจน์ซีดหมองมัวมนตร์
Far over the misty mountains cold
To dungeons deep, and caverns old
We must away ere break of day
To seek the pale enchanted gold.
ชาวแคระแห่งอดีตหน
ค้อนลิ่วสิ่วทน
ยลดั่งระฆังวังเวง
แดนดำลึกล้ำยำเกรง
นิทราว่าเพลง
กลวงในใต้หล้าพสุธา
The dwarves of yore made mighty spells,
While hammers fell like ringing bells
In places deep, where dark things sleep,
In hollow halls beneath the fells.
ท้าวพรายและบรรพ์ราชา
สมบัติพัสตรา
รุจาเหลือหลายเรืองรอง
กลึงเกลาสลักเหลาเข้าครอง
ชวาลาผอง
ซ่อนไว้ใด้ดาบศาสตรา
For ancient king and elvish lord,
There many a gleaming golden hoard
They shaped and wrought, and light they caught
To hide in gems on hilt of sword.
ฉายบนหิรัญถนิมา
ดาวกรรณิกา
มาลามงกุฏวิไล
มังกรบิดเบี้ยวเกลียวไฟ
ผสมปนไป
ทั้งในตะวันจันทรา
On silver necklaces they strung
The flowering stars, on crowns they hung
The dragon-fire, in twisted wire
They meshed the light of moon and sun.
แสนไกลทิวศิขรา
วงกตใต้หล้า
คูหากว้างขวางไพบูลย์
หมู่เรานิราศสิ้นสูญ
วารวันอาดูร
ทวงหวนสุวรรณนิรันดร์
Far over the misty mountains cold
To dungeons deep and caverns old
We must away, ere break of day,
To claim our long-forgotten gold.
โถถ้วนล้วนประดิษฐ์สรรค์
พิณทองร้องพลัน
ถิ่นนั้นไร้ไครใดมา
เพียงเพลงบรรเลงทั่วหล้า
อมรแลมรรตยา
ต่างพากระซิบก้องนาน
Goblets they carved there for themselves
And harps of gold; where no man delves
There lay they long, and many a song
Was sung unheard by men or elves.
สนลู่ลิวยอดสถาน
ลมพัดพาพาล
ครางไปในยามราตรี
เพลิงแดงแรงแพร่ชาดทวี
พรรณพืชพลอยพลี
ดุจไต้ไฟสว่างชวาลา
The pines were roaring on the height,
The winds were moaning in the night.
The fire was red, it flaming spread;
The trees like torches blazed with light.
กริ่งก้องนรนครา
ต่างซีดสีหน้า
ผวาทั้งหวาดพะวง
มังกรร้อนร้ายพุ่งตรง
หอคอยนอนลง
นครเคหาสน์พังภิณฑ์
The bells were ringing in the dale
And men looked up with faces pale;
Then dragon's ire more fierce than fire
Laid low their towers and houses frail.
ควันหมู่ภูซ่อนดวงอินทุ์
ชาวแคระทั้งสิ้น
ได้ยินเสียงแห่งมรณา
หลบหนีลี้ห้องใต้ผา
แต่ตายกรายมา
บาทาใต้ห้วงศศิธร
The mountain smoked beneath the moon;
The dwarves, they heard the tramp of doom.
They fled their hall to dying fall
Beneath his feet, beneath the moon.
แสนไกบใต้เขานิวรณ์
โศกเศร้าเคล้ากลอน
แห่งห้องหับลับอับมัว
หมู่เราเร่าเร่งรีบรัว
รบมังกรชั่ว
กำชัยหมายปองสนองคืน
Far over the misty mountains grim
To dungeons deep and caverns dim
We must away, ere break of day,
To win our harps and gold from him!