The Fault in Our Stars (Josh Boone,2014) คะแนน B+
By Form Corleone
"ช่วงเวลา ' อนันต์ ' ที่แสนสั้น " หนังสร้างมาจากนิยายขายดีของ “จอห์น กรีน” ไม่เคยอ่านครับ!! และไม่แปลกใจที่หนังจะมีรักแท้โดยปราศจากซึ่งเงื่อนไขทางร่างกาย “เพราะรักแท้คงมีแต่ในนิยายหรือเปล่า??” หนังได้ชื่อไทยว่า “ดาวบันดาล” หลังดูจบคงต้องไปหามาเก็บไว้สักเล่ม ตัวละครหลักทั้งหนุ่มและสาวคือผู้ป่วย “โรคมะเร็ง” ขึ้นชื่อว่า โรคมะเร็ง คงไม่มีใครอยากเป็นหรอกครับ แต่ถ้ามันเกิดขึ้นกับตัวคุณหรือคนรอบข้าง คุณจะตัดสินว่าพวกเขาเหล่านั้นจะมีชีวิตที่ “สมบูรณ์” เหมือนคนทั่วไปที่สภาพร่างกายแข็งแรงไม่ได้เลยหรือ?? คนเหล่านี้ควรทำใจและตายจากโลกนี้ไปแค่นั้นหรือเปล่า?? คำถามมากมายลอยมาระหว่างที่ผมกำลังนั่งดู แต่เอาเข้าจริงผมกับ “อิจฉา” ตัวละครทั้งสองตัวที่หนังกำลังนำเสนอมุมมองที่คนปกติอย่างผมไม่เคยใส่ใจและไม่เคยสนใจด้วยซ้ำไป ^^
ผมชอบ “ไดอะล็อก” ของหนังมากครับ เป็นบทสนทนาที่วิเศษเหมือนดาวบันดาลลงมาเลย ฟังแล้วตื้นตันเป็นบทสนทนาที่ดีมากและสวยมาก ความสัมพันธ์ของคนสองคน มันยิ่งใหญ่และสำคัญมากกว่าข้อจำกัดทางร่างกาย ถึงแม้ว่าตัวละครทั้งสองตัวจะเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็ง แต่ข้อแม้ตรงนี้กับเป็นสิ่งที่หายไประหว่างเรื่องราว เพราะเราสนใจแต่ความสัมพันธ์ของตัวละครเพียงอย่างเดียว ซึ่งความสัมพันธ์เหล่านั้นมันก็ “สวยงาม” ในแบบของมันและ “สมบูรณ์” ในตัวมันเอง ดูแล้วอิจฉาครับ!! ในทางกลับกันก็เศร้าใจที่ความสัมพันธ์ทางร่างกายได้จบไปแต่ความสัมพันธ์ของจิตใจยังคงอยู่ “ชีวิตนี้แสนสั้น ความรักนี้แสนสั้น ความรู้สึกนั้นแสนยาวนาน” ยิ่งไปกว่านั้นตัวละครทั้งสองตัวมีอายุใกล้เคียงกับผมครับ มันทำให้ผมรับรู้ความรู้สึกได้ง่ายมาก เมื่อเราดูตัวละครและจินตนาการถ้าเราเป็นแบบนี้เราจะทำยังไง?? เหตุผลมากมายที่คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่ใช้ชีวิตตามปกติกับเหตุผลที่น้อยนิดว่าทำไม โรคร้ายต้องพลัดพรากเขาและเธอจากไปก่อนวัยขนาดนั้น!!
แม้ว่าช่วงต้นเรื่องจะเล่าเรื่องได้ไม่ดีเท่าทีควร แต่ช่วงกลางเรื่องจนจบทำได้ดีเอามากๆ เรียกน้ำตาได้ไม่ยากเลยครับ ความสัมพันธ์ที่ไม่คิดว่าจะจบด้วยเหตุการณ์แบบนี้ และบทสรุปของตัวหนังเองก็ทำได้ซึ้งร้องไห้กันไปข้างหนึ่ง เป็นหนัง “ดราม่าโรแมนติก” ฉบับวัยรุ่นแต่วุฒิภาวะเข้าขั้นผู้ใหญ่ ผมชอบที่หนังไม่ได้บอกว่า “ความรัก” รักษาได้ทุกโรค แต่หนังยอมรับว่า ความรักนั้นคงอยู่ได้ตลอดแม้อีกฝ่ายจะจากไปแล้วก็ตาม “ความรักเป็นสิ่งสวยงามเสมอครับ ไม่ว่ามันจะเป็นรูปแบบไหน ความรักไม่เคยทำร้ายใคร” มนุษย์ทุกคนเกิดมาต้องการความรักตั้งแต่ลืมตาดูโลก แต่ถ้าเรามีกำหนดเวลาของการอยู่บนโลกนี้ “แสนสั้น” เราก็คงอยากให้เวลาที่แสนสั้นที่เราได้รับมา กลายเป็นช่วงเวลาทีแสนยาวนานที่เรียกกันว่า “อนันต์” นั้นคงอยู่กับใครสักคน ดูแล้วอาจจะน้ำเน่าสุดๆ แต่สำหรับผม “รักแท้ระหว่างหนุ่มสาวมันก็มีแต่ในนิยายครับ” รักแท้ที่แน่นอนที่สุดนั้นคือผู้ให้กำเนิดเรามา!!
ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้น แต่มันก็ยาวนานมากสำหรับคนดูครับ ความรู้สึกนั้นยาวนานเป็น “อนันต์” ได้จริงๆ และเราก็คงบอกกับคนทั่วไปและคนใกล้ตัวด้วยประโยคสั้นๆว่า “โอเค” และมันอาจกลายเป็น “ชั่วนิรันดร์” ของใครหลายคนก็เป็นได้ครับ โดยรวมเป็นหนังที่ให้ข้อคิดมากมายเกือบตลอดทั้งเรื่อง ทั้งการดำเนินชีวิตของเราจริงๆในโลกแห่งความเป็นจริง การเข้าใจที่มาของ “ความรัก” การตั้งคำถามต่อคนรอบข้าง การช่วยเหลือต่อคนรอบข้าง การเผชิญหน้ากับอนาคตที่ไม่มีใครรู้ และการตั้งรับเหตุการณ์ที่ไม่เคยคิดไว้ “ทั้งอิจฉาและกินใจ” ไปพร้อมกัน มันคงเป็นสิ่งดีงามที่ได้นั่งดูเรื่องราวที่ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ของคนสองคนเท่านั้นแต่มันส่งผลกระทบต่อจิตใจ และถ้ามันจะเป็น “ดาวบันดาล” มันก็คงเป็นดาวที่สวยมากแม้มันจะแสนสั้นและดับไปแต่อย่างน้อยมันก็อยู่ “ชั่วนิรันดร์” ในความทรงจำของเราครับ
สุดท้าย “The Fault in Our Stars” คือหนังที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจได้เป็นอย่างดี ทั้งด้วยเนื้อเรื่องที่ดีอยู่แล้วและบทภาพยนตร์ที่ดีเอามากๆ จนอยากหาหนังสือฉบับจริงมาเก็บไว้สักเล่ม แม้การตัดเรื่องราวจะดูไม่ค่อยไหลลื่นเท่าไหร่ในช่วงต้นเรื่อง แต่ตัวหนังก็ทำดีมากๆช่วงท้ายเรื่องจนลืมข้อผิดพลาดก่อนหน้านี้ได้จนหมด คำว่า “อนันต์” ของคนสองคนมันสวยงามและดูสดใส ในช่วง “เวลา” ที่แสนสั้นจริงๆครับ >< ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
อ่านเรื่องอื่น
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: The Fault in Our Stars (Josh Boone,2014)
By Form Corleone
"ช่วงเวลา ' อนันต์ ' ที่แสนสั้น " หนังสร้างมาจากนิยายขายดีของ “จอห์น กรีน” ไม่เคยอ่านครับ!! และไม่แปลกใจที่หนังจะมีรักแท้โดยปราศจากซึ่งเงื่อนไขทางร่างกาย “เพราะรักแท้คงมีแต่ในนิยายหรือเปล่า??” หนังได้ชื่อไทยว่า “ดาวบันดาล” หลังดูจบคงต้องไปหามาเก็บไว้สักเล่ม ตัวละครหลักทั้งหนุ่มและสาวคือผู้ป่วย “โรคมะเร็ง” ขึ้นชื่อว่า โรคมะเร็ง คงไม่มีใครอยากเป็นหรอกครับ แต่ถ้ามันเกิดขึ้นกับตัวคุณหรือคนรอบข้าง คุณจะตัดสินว่าพวกเขาเหล่านั้นจะมีชีวิตที่ “สมบูรณ์” เหมือนคนทั่วไปที่สภาพร่างกายแข็งแรงไม่ได้เลยหรือ?? คนเหล่านี้ควรทำใจและตายจากโลกนี้ไปแค่นั้นหรือเปล่า?? คำถามมากมายลอยมาระหว่างที่ผมกำลังนั่งดู แต่เอาเข้าจริงผมกับ “อิจฉา” ตัวละครทั้งสองตัวที่หนังกำลังนำเสนอมุมมองที่คนปกติอย่างผมไม่เคยใส่ใจและไม่เคยสนใจด้วยซ้ำไป ^^
ผมชอบ “ไดอะล็อก” ของหนังมากครับ เป็นบทสนทนาที่วิเศษเหมือนดาวบันดาลลงมาเลย ฟังแล้วตื้นตันเป็นบทสนทนาที่ดีมากและสวยมาก ความสัมพันธ์ของคนสองคน มันยิ่งใหญ่และสำคัญมากกว่าข้อจำกัดทางร่างกาย ถึงแม้ว่าตัวละครทั้งสองตัวจะเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็ง แต่ข้อแม้ตรงนี้กับเป็นสิ่งที่หายไประหว่างเรื่องราว เพราะเราสนใจแต่ความสัมพันธ์ของตัวละครเพียงอย่างเดียว ซึ่งความสัมพันธ์เหล่านั้นมันก็ “สวยงาม” ในแบบของมันและ “สมบูรณ์” ในตัวมันเอง ดูแล้วอิจฉาครับ!! ในทางกลับกันก็เศร้าใจที่ความสัมพันธ์ทางร่างกายได้จบไปแต่ความสัมพันธ์ของจิตใจยังคงอยู่ “ชีวิตนี้แสนสั้น ความรักนี้แสนสั้น ความรู้สึกนั้นแสนยาวนาน” ยิ่งไปกว่านั้นตัวละครทั้งสองตัวมีอายุใกล้เคียงกับผมครับ มันทำให้ผมรับรู้ความรู้สึกได้ง่ายมาก เมื่อเราดูตัวละครและจินตนาการถ้าเราเป็นแบบนี้เราจะทำยังไง?? เหตุผลมากมายที่คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่ใช้ชีวิตตามปกติกับเหตุผลที่น้อยนิดว่าทำไม โรคร้ายต้องพลัดพรากเขาและเธอจากไปก่อนวัยขนาดนั้น!!
แม้ว่าช่วงต้นเรื่องจะเล่าเรื่องได้ไม่ดีเท่าทีควร แต่ช่วงกลางเรื่องจนจบทำได้ดีเอามากๆ เรียกน้ำตาได้ไม่ยากเลยครับ ความสัมพันธ์ที่ไม่คิดว่าจะจบด้วยเหตุการณ์แบบนี้ และบทสรุปของตัวหนังเองก็ทำได้ซึ้งร้องไห้กันไปข้างหนึ่ง เป็นหนัง “ดราม่าโรแมนติก” ฉบับวัยรุ่นแต่วุฒิภาวะเข้าขั้นผู้ใหญ่ ผมชอบที่หนังไม่ได้บอกว่า “ความรัก” รักษาได้ทุกโรค แต่หนังยอมรับว่า ความรักนั้นคงอยู่ได้ตลอดแม้อีกฝ่ายจะจากไปแล้วก็ตาม “ความรักเป็นสิ่งสวยงามเสมอครับ ไม่ว่ามันจะเป็นรูปแบบไหน ความรักไม่เคยทำร้ายใคร” มนุษย์ทุกคนเกิดมาต้องการความรักตั้งแต่ลืมตาดูโลก แต่ถ้าเรามีกำหนดเวลาของการอยู่บนโลกนี้ “แสนสั้น” เราก็คงอยากให้เวลาที่แสนสั้นที่เราได้รับมา กลายเป็นช่วงเวลาทีแสนยาวนานที่เรียกกันว่า “อนันต์” นั้นคงอยู่กับใครสักคน ดูแล้วอาจจะน้ำเน่าสุดๆ แต่สำหรับผม “รักแท้ระหว่างหนุ่มสาวมันก็มีแต่ในนิยายครับ” รักแท้ที่แน่นอนที่สุดนั้นคือผู้ให้กำเนิดเรามา!!
ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้น แต่มันก็ยาวนานมากสำหรับคนดูครับ ความรู้สึกนั้นยาวนานเป็น “อนันต์” ได้จริงๆ และเราก็คงบอกกับคนทั่วไปและคนใกล้ตัวด้วยประโยคสั้นๆว่า “โอเค” และมันอาจกลายเป็น “ชั่วนิรันดร์” ของใครหลายคนก็เป็นได้ครับ โดยรวมเป็นหนังที่ให้ข้อคิดมากมายเกือบตลอดทั้งเรื่อง ทั้งการดำเนินชีวิตของเราจริงๆในโลกแห่งความเป็นจริง การเข้าใจที่มาของ “ความรัก” การตั้งคำถามต่อคนรอบข้าง การช่วยเหลือต่อคนรอบข้าง การเผชิญหน้ากับอนาคตที่ไม่มีใครรู้ และการตั้งรับเหตุการณ์ที่ไม่เคยคิดไว้ “ทั้งอิจฉาและกินใจ” ไปพร้อมกัน มันคงเป็นสิ่งดีงามที่ได้นั่งดูเรื่องราวที่ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ของคนสองคนเท่านั้นแต่มันส่งผลกระทบต่อจิตใจ และถ้ามันจะเป็น “ดาวบันดาล” มันก็คงเป็นดาวที่สวยมากแม้มันจะแสนสั้นและดับไปแต่อย่างน้อยมันก็อยู่ “ชั่วนิรันดร์” ในความทรงจำของเราครับ
สุดท้าย “The Fault in Our Stars” คือหนังที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจได้เป็นอย่างดี ทั้งด้วยเนื้อเรื่องที่ดีอยู่แล้วและบทภาพยนตร์ที่ดีเอามากๆ จนอยากหาหนังสือฉบับจริงมาเก็บไว้สักเล่ม แม้การตัดเรื่องราวจะดูไม่ค่อยไหลลื่นเท่าไหร่ในช่วงต้นเรื่อง แต่ตัวหนังก็ทำดีมากๆช่วงท้ายเรื่องจนลืมข้อผิดพลาดก่อนหน้านี้ได้จนหมด คำว่า “อนันต์” ของคนสองคนมันสวยงามและดูสดใส ในช่วง “เวลา” ที่แสนสั้นจริงๆครับ >< ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
อ่านเรื่องอื่น http://moviesdelightclub.blogspot.com/