กลายเป็นข่าวร้อนแห่งวันเลยทีเดียวเมื่อ CTH ประกาศรวมธุรกิจกับ GMM Z ซึ่งการเข้ารวมกันครั้งนี้ CTH จะอยู่ในสถานะเป็นบริษัทแม่ในการดำเนินธุรกิจของทั้ง 2 แบรนด์อย่างเต็มตัว โดยแบ่งสัดส่วนผู้ถือหุ้นของบริษัทคือ วิชัย ทองแตง 30% ยิ่งลักษณ์ วัชรพล (เจ้าของหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ) 30% แกรมมี่ 10% และ ผู้ถือหุ้นรายย่อย 30%
การควบรวมธุรกิจครั้งนี้จะทำให้ฐานลูกค้าของทั้งสองบริษัทมีรวมกันประมาณ 3 ล้านกล่อง โดยแบ่งเป็น CTH ในรูปแบบธุรกิจ Pay TV แบบจ่ายรายเดือน 5 แสนราย ส่วน GMM Z มีจำนวน 2.5 ล้านราย โดยในจำนวนนี้มีลูกค้าที่อยู่ในระบบรายเดือน 4 แสนราย
ส่วนเหตุผลของการควบรวมธุรกิจครั้งนี้ 1. เพื่อเพิ่มเงินทุนในการทำธุรกิจ 2.เมื่อมีจำนวนฐานลูกค้ามากย่อมมีอำนาจต่อรองในการแข่งขันซื้อ Content ต่าง ๆ 3.เพิ่มช่องทาง “ดิสทริบิวเตอร์” ในการขายกล่องตลอดจนเพิ่มลูกค้าในระบบรายเดือน 4 ช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกิจ
ส่วนนัยยะในการควบรวมธุรกิจกันครั้งนี้ก็เพื่อต้องการสร้างธุรกิจให้มีกำไรทั้งสองฝ่าย เพราะที่ผ่านมา GMM Z ขาดทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วน CTH ขาดทุนอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท ซึ่งแน่นอนการควบรวมธุรกิจครั้งนี้ต้องคาดหวังรายได้ที่สูงลิบคือมากกว่า 6,000 ล้านบาทเมื่อถึงสิ้นปี 2014
ที่น่าสนใจคือการผนึกกำลังCTH + GMM Zครั้งนี้จะทำให้ฐานลูกค้าเขยิบเข้าใกล้ผู้นำตลาด Pay TV อย่าง “ทรู วิชั่น” มากขึ้นที่ในเวลานี้มีจำนวนประมาณ 3 ล้านราย
โมเดลนี้ไม่ต่างอะไรจากครั้งหนึ่งที่ บิ๊กซี เข้าซื้อกิจการของ คาร์ฟูร์ ก็เพื่อที่จะให้สาขาและรายได้ของตัวเองเทียบเท่าผู้นำตลาดห้างค้าปลีกอย่าง “โลตัส” นับเป็นวิธีของแบรนด์รองเบอร์ 2 ที่นิยมใช้กันเพื่อเข้าใกล้เบอร์ 1 ในตลาดที่แข็งแกร่ง
ที่มา :
http://marketeer.co.th/2014/07/cth-gmm-z-เกมผสานธุรกิจ-จ่อแซง/
CTH + GMM Z : เกมผสานธุรกิจ จ่อแซง “ทรู วิชั่น”
กลายเป็นข่าวร้อนแห่งวันเลยทีเดียวเมื่อ CTH ประกาศรวมธุรกิจกับ GMM Z ซึ่งการเข้ารวมกันครั้งนี้ CTH จะอยู่ในสถานะเป็นบริษัทแม่ในการดำเนินธุรกิจของทั้ง 2 แบรนด์อย่างเต็มตัว โดยแบ่งสัดส่วนผู้ถือหุ้นของบริษัทคือ วิชัย ทองแตง 30% ยิ่งลักษณ์ วัชรพล (เจ้าของหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ) 30% แกรมมี่ 10% และ ผู้ถือหุ้นรายย่อย 30%
การควบรวมธุรกิจครั้งนี้จะทำให้ฐานลูกค้าของทั้งสองบริษัทมีรวมกันประมาณ 3 ล้านกล่อง โดยแบ่งเป็น CTH ในรูปแบบธุรกิจ Pay TV แบบจ่ายรายเดือน 5 แสนราย ส่วน GMM Z มีจำนวน 2.5 ล้านราย โดยในจำนวนนี้มีลูกค้าที่อยู่ในระบบรายเดือน 4 แสนราย
ส่วนเหตุผลของการควบรวมธุรกิจครั้งนี้ 1. เพื่อเพิ่มเงินทุนในการทำธุรกิจ 2.เมื่อมีจำนวนฐานลูกค้ามากย่อมมีอำนาจต่อรองในการแข่งขันซื้อ Content ต่าง ๆ 3.เพิ่มช่องทาง “ดิสทริบิวเตอร์” ในการขายกล่องตลอดจนเพิ่มลูกค้าในระบบรายเดือน 4 ช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกิจ
ส่วนนัยยะในการควบรวมธุรกิจกันครั้งนี้ก็เพื่อต้องการสร้างธุรกิจให้มีกำไรทั้งสองฝ่าย เพราะที่ผ่านมา GMM Z ขาดทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วน CTH ขาดทุนอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท ซึ่งแน่นอนการควบรวมธุรกิจครั้งนี้ต้องคาดหวังรายได้ที่สูงลิบคือมากกว่า 6,000 ล้านบาทเมื่อถึงสิ้นปี 2014
ที่น่าสนใจคือการผนึกกำลังCTH + GMM Zครั้งนี้จะทำให้ฐานลูกค้าเขยิบเข้าใกล้ผู้นำตลาด Pay TV อย่าง “ทรู วิชั่น” มากขึ้นที่ในเวลานี้มีจำนวนประมาณ 3 ล้านราย
โมเดลนี้ไม่ต่างอะไรจากครั้งหนึ่งที่ บิ๊กซี เข้าซื้อกิจการของ คาร์ฟูร์ ก็เพื่อที่จะให้สาขาและรายได้ของตัวเองเทียบเท่าผู้นำตลาดห้างค้าปลีกอย่าง “โลตัส” นับเป็นวิธีของแบรนด์รองเบอร์ 2 ที่นิยมใช้กันเพื่อเข้าใกล้เบอร์ 1 ในตลาดที่แข็งแกร่ง
ที่มา : http://marketeer.co.th/2014/07/cth-gmm-z-เกมผสานธุรกิจ-จ่อแซง/