บทความ: รู้เช่นเห็นชาติอิสราเอล
ผู้เขียน : อาจารย์บรรจง บินกาซัน
ประธานโครงการอบรมผู้สนใจอิสลาม มูลนิธิสันติชน
“อิสราเอล” คือฉายาของยาโกบ หลานชายของอับราฮัม ยาโกบมีลูกชาย 12 คนจากภรรยา 4 คน ลูกชายทั้งหมดของยาโกบรวมทั้งลูกหลานที่เกิดจากลูกๆของเขาถูกเรียกในคัมภีร์ไบเบิลว่า ลูกหลานอิสราเอล ซึ่งตรงกับคำภาษาอาหรับในคัมภีร์กุรอานว่า “บนีอิสรออีล”
เรื่องราวของบนีอิสรออีลถูกกล่าวไว้ในคัมภีร์กุรอานมากกว่าชนกลุ่มใด ชาวบนีอิสรออีลมีทั้งคนดีและคนชั่ว ในหมู่คนดีมีหลายคนที่พระเจ้าทรงคัดเลือกให้เป็นนบีหรือผู้นำทางด้านจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดที่มนุษย์ได้รับ เช่น ยูซุฟ มูซา ฮารูน ดาวูด สุลัยมาน อีซา เป็นต้น ตำแหน่งอันมีเกียรตินี้เกิดจากการที่พระเจ้าตอบรับคำวิงวอนของอับราฮัมเมื่อเขานำอิสมาอีลลูกชายคนแรกที่เกิดจากนางฮาญัรฺภรรยาคนที่สองของเขาไปทิ้งไว้ที่หุบเขาเบกา
ขณะที่ยาโกบยังมีชีวิต ลูกๆของเขาอิจฉายูซุฟลูกชายคนที่ 11 เพราะยูซุฟได้รับความรักเป็นพิเศษจากพ่อ พวกพี่ๆของยาโกบจึงหาทางกำจัดยูซุฟด้วยการลวงเขาออกไปเล่นในที่ห่างไกลบ้านและจับเขาโยนลงไปบ่อน้ำแห่งหนึ่ง แต่พระเจ้าได้รักษาชีวิตของยูซุฟไว้โดยให้กองคาราวานสินค้ามาพบเขาในบ่อน้ำและนำตัวเขาไปขายเป็นทาสรับใช้เจ้าเมืองในอียิปต์
ต่อมาเมื่อโชคชะตาของยูซุฟพลิกผันกลายเป็นกษัตริย์ปกครองอียิปต์ เขาได้ให้อภัยพี่ๆที่คิดกำจัดเขาและให้พ่อกับพี่ๆพร้อมครอบครัวของเขาทั้งหมดอพยพจากแผ่นดินกันอานมาอาศัยอยู่ในอียิปต์ ซึ่งทำให้พวกบนีอิสรออีลหลายคนมีตำแหน่งสำคัญๆในสังคมอียิปต์เวลานั้น
เดิมทีบนีอิสราเอลเป็นผู้ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวและยูซุฟก็เป็นผู้เคร่งครัดในศรัทธาดังกล่าว แต่เมื่อยูซุฟจากไป พวกบนีอิสราเอลได้รับอิทธิพลความเชื่อจากชาวอียิปต์ท้องถิ่นจนพวกบนีอิสราเอลส่วนใหญ่หันไปเคารพเทพเจ้าต่างๆของชาวอียิปต์ ในที่สุดพวกบนีอิสรออีลก็ถูกพระเจ้าลงโทษด้วยการตกเป็นทาสชาวอียิปต์ท้องถิ่นภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฟาโรห์
ในช่วงที่ถูกใช้แรงงานเยี่ยงทาสอย่างทารุณในอียิปต์ พวกบนีอิสรออีลได้วิงวอนต่อพระเจ้าให้ส่งคนมาช่วยพวกตน พระเจ้าได้ตอบรับคำวิงวอนของคนพวกนี้ด้วยการส่งมูซา (โมเสส) มาปลดปล่อยพวกเขาจากการเป็นทาสของฟาโรห์ และพาคนพวกนี้ข้ามทะเลมายังแผ่นดินซีนาย แต่หลังจากนั้นไม่นาน พวกบนีอิสรออีลก็ทำบาปใหญ่อีกครั้งโดยการทำรูปโคทองคำขึ้นมาบูชาสักการะแทนพระเจ้าที่เคยช่วยเหลือพวกเขาให้รอดพ้นจากฟาโรห์ ไม่เพียงเท่านั้น พวกบนีอิสรออีลยังดื้อดึงจนโมเสสทนไม่ไหว จึงทิ้งพวกบนีอิสรออีลให้เร่ร่อนอยู่ในทะเลทรายโดยไร้แผ่นดินต่อไป
ระหว่างที่เร่ร่อนอยู่ในทะเลทราย พวกบนีอิสรออีลถูกชนเผ่าต่างๆรุกรานขับไล่จนไร้ถิ่นฐาน หนึ่งในกลุ่มชนที่ขับไล่พวกบนีอิสรออีลก็คือชาวฟิลัสตินหรือปาเลสไตน์ซึ่งในเวลานั้นมีโกไลแอธแม่ทัพร่างยักษ์เป็นผู้นำ แต่โกไลแอธถูกดาวิดซึ่งเป็นเด็กหนุ่มในหมู่บนีอิสรออีลสังหารด้วยการใช้หินขว้างเข้าที่หน้าผากจนเสียชีวิตซึ่งทำให้พวกฟิลัสตินแตกพ่ายไป
หลังจากนั้นดาวิดได้รวบรวมพวกบนีอิสรออีลที่เร่ร่อนกระจัดกระจายเข้ามาอยู่ด้วยกันเป็นหนึ่งเดียวภายใต้การปกครองของเขาในอาณาจักรอิสราเอลที่แข็งแกร่งเกรียงไกรโดยมีเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวง เมื่อดาวิดจากไป สุลัยมาน (โซโลมอน) ลูกชายของดาวิด ได้ขึ้นมาสืบทอดอำนาจต่อ ระหว่างที่สุลัยมานปกครองอาณาจักรอิสราเอล สุลัยมานได้สร้างศาสนวิหารขึ้นมาหลังหนึ่งตรงบริเวณที่เรียกว่า “ภูผาแห่งวิหาร” (TempleMount) เพื่อเป็นศูนย์รวมทางด้านจิตใจของพวกบนีอิสรออีล
หลังสมัยสุลัยมาน อาณาจักรอิสราเอลแตกเป็นสองส่วนจนอ่อนแอและถูกชนชาติต่างๆเข้ามารุกราน เนบูคัดเนสซาร์ได้บุกเข้ามาเข่นฆ่าสังหารและจับพวกบนีอิสรออีลที่รอดชีวิตไปเป็นทาส วิหารที่โซโลมอนสร้างไว้ถูกทำลายราบจนไม่เหลือซาก เมื่อพวกบนีอิสรออีลได้รับการปลดปล่อยจากกษัตริย์ไซรัส พวกบนีอิสรออีลได้พากันกลับมายังเยรูซเลมอีกครั้งหนึ่งและได้สร้างศาสนวิหารขึ้นมาแทนวิหารหลังเก่า แต่ต่อมาก็ถูกพวกโรมันบุกเข้ามาทำลายใน ค.ศ. 70 จนไม่เหลือซาก และทำให้พวกบนีอิสรออีลต้องแตกกระจายไปอาศัยอยู่ในประเทศต่างๆทั่วโลก ในจำนวนนี้มีสามเผ่าที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในชานเมืองมะดีนะฮฺก่อนสมัยนบีมุฮัมมัด
แม้จะร่อนเร่ไปอยู่ที่ไหนก็ตาม แต่ความผูกพันกับประวัติศาสตร์และศาสนาของพวกบนีอิสรออีลยังคงมีอยู่ไม่เสื่อมคลาย พวกบนีอิสรออีลกลุ่มหนึ่งใฝ่ฝันจะกลับมาสู่ประวัติศาสตร์ความรุ่งเรืองของตนอีกครั้งหนึ่งและจะสร้างศาสนวิหารของตนขึ้นมาใหม่โดยการทำลายมัสยิดอัลอักซอ สมบัติของคนมุสลิมทั่วโลก คนกลุ่มนี้ได้จัดประชุมลับกันขึ้นที่เมืองบาเซิล สวิตเซอร์แลนด์ใน ค.ศ. 1897 และวางแผนก่อตั้ง “อาณาจักรอิสราเอลอันยิ่งใหญ่” ขึ้นมาโดยมีขบวนการไซออนิสต์เป็นองค์กรขับเคลื่อน อาณาจักรนี้มีอาณาเขตตั้งแต่แม่น้ำไนล์จนถึงแม่น้ำยูเฟรตีสซึ่งกินดินแดนของประเทศอาหรับทั้งหมดที่อุดมไปด้วยน้ำมันและเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของโลก
ค.ศ. 1947 มหาอำนาจสหรัฐ สหภาพโซเวียตและอังกฤษได้แอบสมสู่กันจนเกิดรัฐอิสราเอลขึ้นมาบนแผ่นดินปาเลสไตน์ รัฐอิสราเอลเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างอาณาจักรอิสราเอลอันยิ่งใหญ่ตามเป้าหมายของขบวนการไซออนิสต์ที่ต้องการให้อิสราเอลเป็นรัฐของชาวยิวแต่เพียงชนชาติเดียว
กาซาเป็นดินแดนส่วนหนึ่งที่มีชาวปาเลสไตน์อาศัยอยู่จำนวนมากและรัฐบาลอิสราเอลต้องการกำจัดให้หมดไปจากแผ่นดินที่คนเหล่านี้อาศัยอยู่มานานนับเป็นพันปี
ที่กล่าวมาคือรากเหง้าของสาเหตุแห่งความขัดแย้งและการสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์ในประเทศอิสราเอลที่จะกลายเป็นชนวนสงครามใหญ่ในตะวันออกกลาง
เครดิต :
http://www.knowislamthailand.org/article/270-history-of-israel
บทความ: รู้เช่นเห็นชาติอิสราเอล
ผู้เขียน : อาจารย์บรรจง บินกาซัน
ประธานโครงการอบรมผู้สนใจอิสลาม มูลนิธิสันติชน
“อิสราเอล” คือฉายาของยาโกบ หลานชายของอับราฮัม ยาโกบมีลูกชาย 12 คนจากภรรยา 4 คน ลูกชายทั้งหมดของยาโกบรวมทั้งลูกหลานที่เกิดจากลูกๆของเขาถูกเรียกในคัมภีร์ไบเบิลว่า ลูกหลานอิสราเอล ซึ่งตรงกับคำภาษาอาหรับในคัมภีร์กุรอานว่า “บนีอิสรออีล”
เรื่องราวของบนีอิสรออีลถูกกล่าวไว้ในคัมภีร์กุรอานมากกว่าชนกลุ่มใด ชาวบนีอิสรออีลมีทั้งคนดีและคนชั่ว ในหมู่คนดีมีหลายคนที่พระเจ้าทรงคัดเลือกให้เป็นนบีหรือผู้นำทางด้านจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดที่มนุษย์ได้รับ เช่น ยูซุฟ มูซา ฮารูน ดาวูด สุลัยมาน อีซา เป็นต้น ตำแหน่งอันมีเกียรตินี้เกิดจากการที่พระเจ้าตอบรับคำวิงวอนของอับราฮัมเมื่อเขานำอิสมาอีลลูกชายคนแรกที่เกิดจากนางฮาญัรฺภรรยาคนที่สองของเขาไปทิ้งไว้ที่หุบเขาเบกา
ขณะที่ยาโกบยังมีชีวิต ลูกๆของเขาอิจฉายูซุฟลูกชายคนที่ 11 เพราะยูซุฟได้รับความรักเป็นพิเศษจากพ่อ พวกพี่ๆของยาโกบจึงหาทางกำจัดยูซุฟด้วยการลวงเขาออกไปเล่นในที่ห่างไกลบ้านและจับเขาโยนลงไปบ่อน้ำแห่งหนึ่ง แต่พระเจ้าได้รักษาชีวิตของยูซุฟไว้โดยให้กองคาราวานสินค้ามาพบเขาในบ่อน้ำและนำตัวเขาไปขายเป็นทาสรับใช้เจ้าเมืองในอียิปต์
ต่อมาเมื่อโชคชะตาของยูซุฟพลิกผันกลายเป็นกษัตริย์ปกครองอียิปต์ เขาได้ให้อภัยพี่ๆที่คิดกำจัดเขาและให้พ่อกับพี่ๆพร้อมครอบครัวของเขาทั้งหมดอพยพจากแผ่นดินกันอานมาอาศัยอยู่ในอียิปต์ ซึ่งทำให้พวกบนีอิสรออีลหลายคนมีตำแหน่งสำคัญๆในสังคมอียิปต์เวลานั้น
เดิมทีบนีอิสราเอลเป็นผู้ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวและยูซุฟก็เป็นผู้เคร่งครัดในศรัทธาดังกล่าว แต่เมื่อยูซุฟจากไป พวกบนีอิสราเอลได้รับอิทธิพลความเชื่อจากชาวอียิปต์ท้องถิ่นจนพวกบนีอิสราเอลส่วนใหญ่หันไปเคารพเทพเจ้าต่างๆของชาวอียิปต์ ในที่สุดพวกบนีอิสรออีลก็ถูกพระเจ้าลงโทษด้วยการตกเป็นทาสชาวอียิปต์ท้องถิ่นภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฟาโรห์
ในช่วงที่ถูกใช้แรงงานเยี่ยงทาสอย่างทารุณในอียิปต์ พวกบนีอิสรออีลได้วิงวอนต่อพระเจ้าให้ส่งคนมาช่วยพวกตน พระเจ้าได้ตอบรับคำวิงวอนของคนพวกนี้ด้วยการส่งมูซา (โมเสส) มาปลดปล่อยพวกเขาจากการเป็นทาสของฟาโรห์ และพาคนพวกนี้ข้ามทะเลมายังแผ่นดินซีนาย แต่หลังจากนั้นไม่นาน พวกบนีอิสรออีลก็ทำบาปใหญ่อีกครั้งโดยการทำรูปโคทองคำขึ้นมาบูชาสักการะแทนพระเจ้าที่เคยช่วยเหลือพวกเขาให้รอดพ้นจากฟาโรห์ ไม่เพียงเท่านั้น พวกบนีอิสรออีลยังดื้อดึงจนโมเสสทนไม่ไหว จึงทิ้งพวกบนีอิสรออีลให้เร่ร่อนอยู่ในทะเลทรายโดยไร้แผ่นดินต่อไป
ระหว่างที่เร่ร่อนอยู่ในทะเลทราย พวกบนีอิสรออีลถูกชนเผ่าต่างๆรุกรานขับไล่จนไร้ถิ่นฐาน หนึ่งในกลุ่มชนที่ขับไล่พวกบนีอิสรออีลก็คือชาวฟิลัสตินหรือปาเลสไตน์ซึ่งในเวลานั้นมีโกไลแอธแม่ทัพร่างยักษ์เป็นผู้นำ แต่โกไลแอธถูกดาวิดซึ่งเป็นเด็กหนุ่มในหมู่บนีอิสรออีลสังหารด้วยการใช้หินขว้างเข้าที่หน้าผากจนเสียชีวิตซึ่งทำให้พวกฟิลัสตินแตกพ่ายไป
หลังจากนั้นดาวิดได้รวบรวมพวกบนีอิสรออีลที่เร่ร่อนกระจัดกระจายเข้ามาอยู่ด้วยกันเป็นหนึ่งเดียวภายใต้การปกครองของเขาในอาณาจักรอิสราเอลที่แข็งแกร่งเกรียงไกรโดยมีเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวง เมื่อดาวิดจากไป สุลัยมาน (โซโลมอน) ลูกชายของดาวิด ได้ขึ้นมาสืบทอดอำนาจต่อ ระหว่างที่สุลัยมานปกครองอาณาจักรอิสราเอล สุลัยมานได้สร้างศาสนวิหารขึ้นมาหลังหนึ่งตรงบริเวณที่เรียกว่า “ภูผาแห่งวิหาร” (TempleMount) เพื่อเป็นศูนย์รวมทางด้านจิตใจของพวกบนีอิสรออีล
หลังสมัยสุลัยมาน อาณาจักรอิสราเอลแตกเป็นสองส่วนจนอ่อนแอและถูกชนชาติต่างๆเข้ามารุกราน เนบูคัดเนสซาร์ได้บุกเข้ามาเข่นฆ่าสังหารและจับพวกบนีอิสรออีลที่รอดชีวิตไปเป็นทาส วิหารที่โซโลมอนสร้างไว้ถูกทำลายราบจนไม่เหลือซาก เมื่อพวกบนีอิสรออีลได้รับการปลดปล่อยจากกษัตริย์ไซรัส พวกบนีอิสรออีลได้พากันกลับมายังเยรูซเลมอีกครั้งหนึ่งและได้สร้างศาสนวิหารขึ้นมาแทนวิหารหลังเก่า แต่ต่อมาก็ถูกพวกโรมันบุกเข้ามาทำลายใน ค.ศ. 70 จนไม่เหลือซาก และทำให้พวกบนีอิสรออีลต้องแตกกระจายไปอาศัยอยู่ในประเทศต่างๆทั่วโลก ในจำนวนนี้มีสามเผ่าที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในชานเมืองมะดีนะฮฺก่อนสมัยนบีมุฮัมมัด
แม้จะร่อนเร่ไปอยู่ที่ไหนก็ตาม แต่ความผูกพันกับประวัติศาสตร์และศาสนาของพวกบนีอิสรออีลยังคงมีอยู่ไม่เสื่อมคลาย พวกบนีอิสรออีลกลุ่มหนึ่งใฝ่ฝันจะกลับมาสู่ประวัติศาสตร์ความรุ่งเรืองของตนอีกครั้งหนึ่งและจะสร้างศาสนวิหารของตนขึ้นมาใหม่โดยการทำลายมัสยิดอัลอักซอ สมบัติของคนมุสลิมทั่วโลก คนกลุ่มนี้ได้จัดประชุมลับกันขึ้นที่เมืองบาเซิล สวิตเซอร์แลนด์ใน ค.ศ. 1897 และวางแผนก่อตั้ง “อาณาจักรอิสราเอลอันยิ่งใหญ่” ขึ้นมาโดยมีขบวนการไซออนิสต์เป็นองค์กรขับเคลื่อน อาณาจักรนี้มีอาณาเขตตั้งแต่แม่น้ำไนล์จนถึงแม่น้ำยูเฟรตีสซึ่งกินดินแดนของประเทศอาหรับทั้งหมดที่อุดมไปด้วยน้ำมันและเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของโลก
ค.ศ. 1947 มหาอำนาจสหรัฐ สหภาพโซเวียตและอังกฤษได้แอบสมสู่กันจนเกิดรัฐอิสราเอลขึ้นมาบนแผ่นดินปาเลสไตน์ รัฐอิสราเอลเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างอาณาจักรอิสราเอลอันยิ่งใหญ่ตามเป้าหมายของขบวนการไซออนิสต์ที่ต้องการให้อิสราเอลเป็นรัฐของชาวยิวแต่เพียงชนชาติเดียว
กาซาเป็นดินแดนส่วนหนึ่งที่มีชาวปาเลสไตน์อาศัยอยู่จำนวนมากและรัฐบาลอิสราเอลต้องการกำจัดให้หมดไปจากแผ่นดินที่คนเหล่านี้อาศัยอยู่มานานนับเป็นพันปี
ที่กล่าวมาคือรากเหง้าของสาเหตุแห่งความขัดแย้งและการสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์ในประเทศอิสราเอลที่จะกลายเป็นชนวนสงครามใหญ่ในตะวันออกกลาง
เครดิต : http://www.knowislamthailand.org/article/270-history-of-israel