ภาค 1
http://ppantip.com/topic/32336532
21. ทำไมเราถึงได้แชมป์
เลิฟตอบว่า “นอกเหนือจากการที่ทีมเราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวเต็มร้อยแล้ว ทีมีส่วนมากคือการปรับตัว ก่อนไปบราซิลนักเตะของเราฮึกเหิมมากและบอกว่าจะวิ่งสู้สุดฤทธิ์ แต่ผมบอกว่า ช้าก่อน เราไปบราซิลนะ อย่าลืมเรื่องอากาศ นั่นละศัตรูตัวสำคัญเลย และเราจะลงแข่งเวลาบ่ายโมงตรงด้วย เราไม่สามารถวิ่งคึกได้เหมือนที่วิ่งในยุโรปแน่ เพราะงั้นผมถึงเลือกไปฝึกซ้อมที่บาเฮียที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรที่สุด และให้เราลงซ้อมตอนบ่ายโมงตรงด้วย แรกๆนักเตะก็แทบขาดใจตายแต่พวกเขาค่อยๆปรับตัวจนร่างกายพร้อม”
“ผมรู้ว่าผมฝืนกฎตัวเองที่เอาเคดีร่าที่ไม่ฟิตติดทีมไปด้วย แต่ผมรู้ว่าเขาสำคัญต่อทีมมาก ไชวนี่และ น้ามิโรก็เหมือนกัน ผมรู้ว่าตอนแข่งรอบแบ่งกลุ่ม ทั้ง 3 คนไม่มีทางเล่นได้ครบ 90 นาที เพราะงั้นผมถึงให้เขาผลัดกันลง และทั้ง 3 คนยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข น้ามิโรบอกว่าลงแข่งกับกานาแค่ 2 นาทีก็หายใจแทบไม่ออก แต่ท้ายสุดทีมรักของเราก็ค่อยๆปรับตัวให้ชินกับอากาศ และด้วยวินัย ด้วยหัวใจนักสู้และความสามัคคี พวกเขาก็คว้าแชมป์โลกมาได้อย่างสมศักดิ์ศรี”
22. นักเตะสำรอง
เลิฟเรียกพวกเขาว่านักเตะพลังพิเศษที่พร้อมจะลงช่วยทีได้ทุกนาที ทั้งน้ามิโร ไชวนี่และลาห์มชื่นชมนักเตะสำรองมาก ถ้าไม่มีพวกเขาเราจะไม่มีวันได้แชมป์ พวกเขาบอกยังงั้น เวลามองไปที่ม้านั่งสำรอง เราแทบไม่อยากเชื่อที่เห็นพวกเขาเชียร์เราเอาเป็นเอาตายทุกนาที เวลาใครยิงประตูได้ พวกเขาจะดีอกดีใจยังกับตัวเองยิงได้ยังงั้นแหละ มันทำให้เรารู้สึกดีและยิ่งฮึกเหิมที่จะสู้มากขึ้นไปอีก เรารู้ว่าเรามีทีมที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจริงๆ ลาห์มแถมว่า เมื่อตอนยูโร 2012 น่ะ เวลามองไปที่ม้านั่งสำรอง เห็นพวกเขานั่งกันนิ่ง มีแต่ชิงดีชิงเด่น เห็นแล้วหดหู่
23. ความขุ่นเคืองจากบอลยูโร 2008
คิดทีไรเลิฟก็เสียดายที่ในปี 2008 ตัวเองไม่เด็ดขาดพอ ปีนั้นบัลลัคและฟริงส์ยังร่วมทีมอยู่ ทั้งสองคนถือว่าตัวเองมาก่อน ต้องมีสิทธ์มีเสียงมากพอ บัลลัคเติบโตในเยอรมันตะวันออกที่มีการปกครองว่าต้องเชื่อผู้นำเท่านั้น บัลลัคในฐานะกัปตันจึงใหญ่เหนือใครหมด ในบอลยูโร 2008 เราชนะเกมแรกในรอบแบ่งกลุ่ม หลังเกมบัลลัคและฟริงส์ไปบอกเลิฟให้ลดการซ้อมฟิตเนสซึ่งเลิฟยอมตามใจทั้งที่ไม่อยาก ผลปรากฎว่าเราแพ้ในเกมที่ 2 และท้ายสุดเราได้แค่รองแชมป์
24. นำบอลยูโร 2012 มาเป็นบทเรียน
เลิฟถูกกระทืบแทบจมดินว่าเราตกรอบรองเพราะวางแผนผิด เลิฟยอมรับ เก็บตัวหนักและแทบไม่ออกสื่อ และระหว่างแข่งบอลโลกคราวนี้เลิฟให้สัมภาษณ์เป็นทางการแค่ 2 ครั้ง เลิฟมุ่งมั่นเรื่องเดียวว่าจะทำยังไงให้เราได้แชมป์โลก เลิฟนำความผิดพลาดมาไต่ตรองและแก้ไข แรกสุด ทีมเราจะต้องเป็นหนึ่งเดียวให้ได้ เราจะทำอย่างปี 2012 ไม่ได้อีกเป็นอันขาด ทุกคนต้องหันหน้าเข้าหากัน บาร์เยิร์นกับดอร์ทมุนด์จะเกทับกันอีกไม่ได้ ชาลเก้กับดอร์ทมุนด์ห้ามทะเลาะกัน เลิฟจึงให้นักเตะจากทีมคู่อริอยู่บ้านเดียวกัน และคราวนี้จะชิงดีชิงเด่นกันเหมือนปี 2012 ไม่ได้ คราวนั้นใครได้เป็นตัวสำรองจะออกอาการไม่พอใจ โครสออกสื่อว่าไม่แฮปปี้ที่ต้องเป็นตัวสำรอง โกเมซโกรธที่จากตัวจริงต้องไปเป็นตัวสำรองตอนแข่งกับกรีก ฯลฯ เวลาแข่งนักเตะสำรองนั่งเฉย ไม่มีปฎิกริยา ไม่เชียร์เพื่อนร่วมทีม มาคราวนี้เลิฟเอาจริงมาก ถ้าไม่คิดจะสามัคคีกัน ถ้าไม่คิดจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันก็เตรียมแพ็คกระเป๋ากลับบ้านได้เลย เก่งยังไง ถ้าไม่ช่วยกันเราจะไม่มีวันชนะ เลิฟว่า
ไชวนี่ว่า นอกจากเลิฟจะเป็นบุนเดสเทรนเนอร์ยอดแทคติคแล้ว เขายังจัดการนักเตะจนอยู่หมัด ผมนึกไม่ถึงว่าเขาจะรวมพวกเราเป็นหนึ่งเดียวได้ยังงี้ เขาทำให้นักเตะทุกคน ทั้งคนที่ได้ลงเล่นแค่ป๊อบแป๊บและคนที่ไม่ได้ลงเล่นเลยสามารถมีความสุขได้ทุกนาที ผมนับถือจริงๆ
25. ความเป็นมิตร
นอกจากโกรซครอยซ์จะได้ตำแหน่งนางงามมิตรภาพแล้ว บรรดานักเตะรุ่นเยาว์ภายใต้การนำทีมของรุ่นพี่โพลดี้ก็คอยสังสรรค์เฮฮากันไม่หยุด มีพวกพี่ใหญ่คอยอมยิ้มดูเป็นประจำ โพลดี้สนุกสนานเป็นมิตรกับทุกคน เป็นที่รักของนักเตะและสื่อ ในพิธีต้อนรับที่เบอร์ลิน โพลดี่จะคอยเอาธงตีหัวและแหย่ตูดนักเตะอยู่ตลอดเวลา
26. ลาห์มอำลาทีมชาติ
ช็อคกันไปทั้งประเทศที่ลาห์มประกาศลาออก 5 วันหลังเราได้แชมป์ ประธานเดเอฟเบว่า วันที่ 3 กันยาที่เราจะแข่งกับอาเจน เดเอฟเบวางแผนให้ลาห์มลงแข่ง 15 นาทีเพื่อให้เกียรติแก่กัปตันที่พาเราเป็นแชมป์โลก และเพื่ออำลานักเตะตัวอย่างที่เป็นที่รักของทุกคน แต่จะเป็นไปได้หรือไม่ต้องรอคำตอบจากเลิฟและลาห์มก่อน
27. ดาเนียลลา ภรรยาของเลิฟ
เลิฟรักกับดาเนียลลา ตั้งแต่ปี 1977 และแต่งงานกันปี 1986 ดาเนียลลาไม่ต้องการออกสื่อแต่อย่างใด ไม่เคยก้าวก่ายงานของเลิฟแต่จะสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้เสมอ ทั้งสองคนไม่ชอบออกงานสังคม เวลาพักผ่อนจะมีแค่ญาติสนิทและมิตรแท้เท่านั้น เลิฟให้เกียรติภรรยามาก
เก็บตกแชมป์โลกเยอรมันภาค 2
http://ppantip.com/topic/32336532
21. ทำไมเราถึงได้แชมป์
เลิฟตอบว่า “นอกเหนือจากการที่ทีมเราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวเต็มร้อยแล้ว ทีมีส่วนมากคือการปรับตัว ก่อนไปบราซิลนักเตะของเราฮึกเหิมมากและบอกว่าจะวิ่งสู้สุดฤทธิ์ แต่ผมบอกว่า ช้าก่อน เราไปบราซิลนะ อย่าลืมเรื่องอากาศ นั่นละศัตรูตัวสำคัญเลย และเราจะลงแข่งเวลาบ่ายโมงตรงด้วย เราไม่สามารถวิ่งคึกได้เหมือนที่วิ่งในยุโรปแน่ เพราะงั้นผมถึงเลือกไปฝึกซ้อมที่บาเฮียที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรที่สุด และให้เราลงซ้อมตอนบ่ายโมงตรงด้วย แรกๆนักเตะก็แทบขาดใจตายแต่พวกเขาค่อยๆปรับตัวจนร่างกายพร้อม”
“ผมรู้ว่าผมฝืนกฎตัวเองที่เอาเคดีร่าที่ไม่ฟิตติดทีมไปด้วย แต่ผมรู้ว่าเขาสำคัญต่อทีมมาก ไชวนี่และ น้ามิโรก็เหมือนกัน ผมรู้ว่าตอนแข่งรอบแบ่งกลุ่ม ทั้ง 3 คนไม่มีทางเล่นได้ครบ 90 นาที เพราะงั้นผมถึงให้เขาผลัดกันลง และทั้ง 3 คนยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข น้ามิโรบอกว่าลงแข่งกับกานาแค่ 2 นาทีก็หายใจแทบไม่ออก แต่ท้ายสุดทีมรักของเราก็ค่อยๆปรับตัวให้ชินกับอากาศ และด้วยวินัย ด้วยหัวใจนักสู้และความสามัคคี พวกเขาก็คว้าแชมป์โลกมาได้อย่างสมศักดิ์ศรี”
22. นักเตะสำรอง
เลิฟเรียกพวกเขาว่านักเตะพลังพิเศษที่พร้อมจะลงช่วยทีได้ทุกนาที ทั้งน้ามิโร ไชวนี่และลาห์มชื่นชมนักเตะสำรองมาก ถ้าไม่มีพวกเขาเราจะไม่มีวันได้แชมป์ พวกเขาบอกยังงั้น เวลามองไปที่ม้านั่งสำรอง เราแทบไม่อยากเชื่อที่เห็นพวกเขาเชียร์เราเอาเป็นเอาตายทุกนาที เวลาใครยิงประตูได้ พวกเขาจะดีอกดีใจยังกับตัวเองยิงได้ยังงั้นแหละ มันทำให้เรารู้สึกดีและยิ่งฮึกเหิมที่จะสู้มากขึ้นไปอีก เรารู้ว่าเรามีทีมที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจริงๆ ลาห์มแถมว่า เมื่อตอนยูโร 2012 น่ะ เวลามองไปที่ม้านั่งสำรอง เห็นพวกเขานั่งกันนิ่ง มีแต่ชิงดีชิงเด่น เห็นแล้วหดหู่
23. ความขุ่นเคืองจากบอลยูโร 2008
คิดทีไรเลิฟก็เสียดายที่ในปี 2008 ตัวเองไม่เด็ดขาดพอ ปีนั้นบัลลัคและฟริงส์ยังร่วมทีมอยู่ ทั้งสองคนถือว่าตัวเองมาก่อน ต้องมีสิทธ์มีเสียงมากพอ บัลลัคเติบโตในเยอรมันตะวันออกที่มีการปกครองว่าต้องเชื่อผู้นำเท่านั้น บัลลัคในฐานะกัปตันจึงใหญ่เหนือใครหมด ในบอลยูโร 2008 เราชนะเกมแรกในรอบแบ่งกลุ่ม หลังเกมบัลลัคและฟริงส์ไปบอกเลิฟให้ลดการซ้อมฟิตเนสซึ่งเลิฟยอมตามใจทั้งที่ไม่อยาก ผลปรากฎว่าเราแพ้ในเกมที่ 2 และท้ายสุดเราได้แค่รองแชมป์
24. นำบอลยูโร 2012 มาเป็นบทเรียน
เลิฟถูกกระทืบแทบจมดินว่าเราตกรอบรองเพราะวางแผนผิด เลิฟยอมรับ เก็บตัวหนักและแทบไม่ออกสื่อ และระหว่างแข่งบอลโลกคราวนี้เลิฟให้สัมภาษณ์เป็นทางการแค่ 2 ครั้ง เลิฟมุ่งมั่นเรื่องเดียวว่าจะทำยังไงให้เราได้แชมป์โลก เลิฟนำความผิดพลาดมาไต่ตรองและแก้ไข แรกสุด ทีมเราจะต้องเป็นหนึ่งเดียวให้ได้ เราจะทำอย่างปี 2012 ไม่ได้อีกเป็นอันขาด ทุกคนต้องหันหน้าเข้าหากัน บาร์เยิร์นกับดอร์ทมุนด์จะเกทับกันอีกไม่ได้ ชาลเก้กับดอร์ทมุนด์ห้ามทะเลาะกัน เลิฟจึงให้นักเตะจากทีมคู่อริอยู่บ้านเดียวกัน และคราวนี้จะชิงดีชิงเด่นกันเหมือนปี 2012 ไม่ได้ คราวนั้นใครได้เป็นตัวสำรองจะออกอาการไม่พอใจ โครสออกสื่อว่าไม่แฮปปี้ที่ต้องเป็นตัวสำรอง โกเมซโกรธที่จากตัวจริงต้องไปเป็นตัวสำรองตอนแข่งกับกรีก ฯลฯ เวลาแข่งนักเตะสำรองนั่งเฉย ไม่มีปฎิกริยา ไม่เชียร์เพื่อนร่วมทีม มาคราวนี้เลิฟเอาจริงมาก ถ้าไม่คิดจะสามัคคีกัน ถ้าไม่คิดจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันก็เตรียมแพ็คกระเป๋ากลับบ้านได้เลย เก่งยังไง ถ้าไม่ช่วยกันเราจะไม่มีวันชนะ เลิฟว่า
ไชวนี่ว่า นอกจากเลิฟจะเป็นบุนเดสเทรนเนอร์ยอดแทคติคแล้ว เขายังจัดการนักเตะจนอยู่หมัด ผมนึกไม่ถึงว่าเขาจะรวมพวกเราเป็นหนึ่งเดียวได้ยังงี้ เขาทำให้นักเตะทุกคน ทั้งคนที่ได้ลงเล่นแค่ป๊อบแป๊บและคนที่ไม่ได้ลงเล่นเลยสามารถมีความสุขได้ทุกนาที ผมนับถือจริงๆ
25. ความเป็นมิตร
นอกจากโกรซครอยซ์จะได้ตำแหน่งนางงามมิตรภาพแล้ว บรรดานักเตะรุ่นเยาว์ภายใต้การนำทีมของรุ่นพี่โพลดี้ก็คอยสังสรรค์เฮฮากันไม่หยุด มีพวกพี่ใหญ่คอยอมยิ้มดูเป็นประจำ โพลดี้สนุกสนานเป็นมิตรกับทุกคน เป็นที่รักของนักเตะและสื่อ ในพิธีต้อนรับที่เบอร์ลิน โพลดี่จะคอยเอาธงตีหัวและแหย่ตูดนักเตะอยู่ตลอดเวลา
26. ลาห์มอำลาทีมชาติ
ช็อคกันไปทั้งประเทศที่ลาห์มประกาศลาออก 5 วันหลังเราได้แชมป์ ประธานเดเอฟเบว่า วันที่ 3 กันยาที่เราจะแข่งกับอาเจน เดเอฟเบวางแผนให้ลาห์มลงแข่ง 15 นาทีเพื่อให้เกียรติแก่กัปตันที่พาเราเป็นแชมป์โลก และเพื่ออำลานักเตะตัวอย่างที่เป็นที่รักของทุกคน แต่จะเป็นไปได้หรือไม่ต้องรอคำตอบจากเลิฟและลาห์มก่อน
27. ดาเนียลลา ภรรยาของเลิฟ
เลิฟรักกับดาเนียลลา ตั้งแต่ปี 1977 และแต่งงานกันปี 1986 ดาเนียลลาไม่ต้องการออกสื่อแต่อย่างใด ไม่เคยก้าวก่ายงานของเลิฟแต่จะสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้เสมอ ทั้งสองคนไม่ชอบออกงานสังคม เวลาพักผ่อนจะมีแค่ญาติสนิทและมิตรแท้เท่านั้น เลิฟให้เกียรติภรรยามาก