Words and Pictures
ให้ 7.5/10 เป็นหนังที่ได้ร่วมฉายในงานเทศกาล Toronto International Film Festival ปี 2013 เรื่องราวของการถกเถียงและการทำสงครามกันแบบย่อมๆระหว่างนักเขียนเก่าซึ่งเป็นครูวิชาภาษาอังกฤษ (Clive Owen) และศิลปินเก่าซึ่งเป็นครูวิชาศิลปะ (Juliette Binoche) ว่าการสื่อความด้วยคำ ตัวอักษร ภาษาที่เรา พูดอ่านเขียนและได้ยิน กับภาพ ท่าทาง สิ่งทีเรามองเห็นนั้น สิ่งไหนที่สำคัญกว่ากัน
ดูจากชื่อเรื่องก็คงจะพอเดาได้ว่าประเด็นของหนังไม่ได้อยู่ที่ฉากกุ๊กกิ๊กโรแมนติก ฉะนั้นใครที่คาดหวังว่าจะไปจิ้นไปฟินเรื่องราวความรักคงจะผิดหวังไปตามๆกัน เพราะ Words and Pictures เต็มไปด้วยฉากด่าจิกกัด เสียดสี ฟาดฟันกันทางคำพูดแสบๆคันๆแบบคนมีการศึกษาเชิงวรรณกรรมและศิลปะเขาคุยกัน ขุดหาสารพัดคำศัพท์สูงๆยากๆสละสลวย แม้กระทั่งที่มาของคำศัพท์แต่ละคำมาตอบโต้กัน ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้หนังสนุกและตลกทีเดียว ยิ่งถ้าคนที่พอฟังและเข้าใจภาษาอังกฤษดูแล้วจะฮากว่าเดิม เพราะช่างสำบัดสำนวนเล่นคำกันเหลือร้าย
ขนาดฉากรักยังไม่โรแมนติกแข็งทื่อ เพราะเต็มไปด้วยความตรงไปตรงมาและภาษาพูดมากมายถูกใส่เข้ามา แต่นั่นก็คือเสน่ห์ของหนัง รวมเข้ากับตัวละครพระเอกที่ถูกออกแบบมาให้มีลักษณะนิสัยที่รักการใช้ภาษา และชอบเล่าที่มาและความหมายของศัพท์ตัวนั้นตัวนี้ แล้วก็พบว่าเป็นตัวละครที่ค่อนข้างน่ารักทีเดียว ต้องขอชื่นชม Gerald Di Pego โปรดิวเซอร์และเขียนบท ที่ทำการบ้านมาดี ตอบโต้ภาษาทันกันแถมยังตลกอีก Phenomenon (1996), Instinct (1999) และ Message in a Bottle (1999) คือผลงานเขียนเก่าของเขา
แต่ที่น่าเสียดายในหนังเรื่องนี้คือเส้นดราม่าของทั้งตัวละครหลักทั้ง 2 ตัวมีการปูเอาไว้ แต่ลงไม่ลึกจนไม่สามารถพาคนดูให้คล้อยตามไปได้เท่าไหร่ จนคิดว่าบางฉากไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ในเส้นของพ่อกับลูก (คือลูกไม่หล่อด้วยไง 5555) ทั้งในประเด็นที่ชี้ให้เห็นว่า words หรือ pictures อันไหนที่สำคัญกว่ากันยังไม่แรงและชัดเจนเท่าที่ควร
ซึ่งอาจจะเป็นความตั้งใจของคนเขียนที่ต้องการเปรียบเปรยและสรุปความว่าไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่ากัน ต่างก็สำคัญเท่าๆกันและจะสมบูรณ์แบบก็ต่อเมื่อมีทั้ง 2 อย่างควบคู่กันไปเหมือนชายและหญิง (หรือในปัจุบันชาย-ชายและหญิง-หญิงก็เหมือนกัน) ซึ่งก็จะเข้า concept เดียวกับหนังเรื่อง Music and Lyrics (2007) นั่นเองที่พูดถึงการผสมผสานระหว่างทำนองและเนื้อร้องเข้าด้วยกันเป็นอันหนึ่งอันเดียว ซึ่ง Music and Lyrics เป็น 1 ในหนังรักในดวงใจของอิชั้น แล้วจะมาเขียนถึงหนังเรื่องนี้อย่างละเอียดให้อ่านกันค่ะ
ปล 1 . Words and Pictures มีฉายแค่ที่โรงหนัง House RCA, ลิโด้, SFW, Paragon และเอสพลานาดรัชดานะคะ
ปล 2 . นี่เป็นการให้คะแนนจากความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งแต่ละคนมีมุมมอง ความชอบ ความคิดต่างกัน ซึ่งเมื่อคุณไปดูแล้วคุณอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ค่ะ (แค่รักการดูหนังและอยากจะแชร์แลกเปลี่ยนความเห็นให้คนชอบดูหนังมาคุยกัน ไม่มีอะไรถูกหรือผิด ทุกคนไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นเหมือนกันค่ะ)
สามารถอ่าน Review หนังเรื่องอื่นๆได้ที่เพจ Movies Stalker ค่ะ
https://www.facebook.com/MoviesStalker
[CR] รีวิวหนังเรื่อง Words and Pictures
ให้ 7.5/10 เป็นหนังที่ได้ร่วมฉายในงานเทศกาล Toronto International Film Festival ปี 2013 เรื่องราวของการถกเถียงและการทำสงครามกันแบบย่อมๆระหว่างนักเขียนเก่าซึ่งเป็นครูวิชาภาษาอังกฤษ (Clive Owen) และศิลปินเก่าซึ่งเป็นครูวิชาศิลปะ (Juliette Binoche) ว่าการสื่อความด้วยคำ ตัวอักษร ภาษาที่เรา พูดอ่านเขียนและได้ยิน กับภาพ ท่าทาง สิ่งทีเรามองเห็นนั้น สิ่งไหนที่สำคัญกว่ากัน
ดูจากชื่อเรื่องก็คงจะพอเดาได้ว่าประเด็นของหนังไม่ได้อยู่ที่ฉากกุ๊กกิ๊กโรแมนติก ฉะนั้นใครที่คาดหวังว่าจะไปจิ้นไปฟินเรื่องราวความรักคงจะผิดหวังไปตามๆกัน เพราะ Words and Pictures เต็มไปด้วยฉากด่าจิกกัด เสียดสี ฟาดฟันกันทางคำพูดแสบๆคันๆแบบคนมีการศึกษาเชิงวรรณกรรมและศิลปะเขาคุยกัน ขุดหาสารพัดคำศัพท์สูงๆยากๆสละสลวย แม้กระทั่งที่มาของคำศัพท์แต่ละคำมาตอบโต้กัน ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้หนังสนุกและตลกทีเดียว ยิ่งถ้าคนที่พอฟังและเข้าใจภาษาอังกฤษดูแล้วจะฮากว่าเดิม เพราะช่างสำบัดสำนวนเล่นคำกันเหลือร้าย
ขนาดฉากรักยังไม่โรแมนติกแข็งทื่อ เพราะเต็มไปด้วยความตรงไปตรงมาและภาษาพูดมากมายถูกใส่เข้ามา แต่นั่นก็คือเสน่ห์ของหนัง รวมเข้ากับตัวละครพระเอกที่ถูกออกแบบมาให้มีลักษณะนิสัยที่รักการใช้ภาษา และชอบเล่าที่มาและความหมายของศัพท์ตัวนั้นตัวนี้ แล้วก็พบว่าเป็นตัวละครที่ค่อนข้างน่ารักทีเดียว ต้องขอชื่นชม Gerald Di Pego โปรดิวเซอร์และเขียนบท ที่ทำการบ้านมาดี ตอบโต้ภาษาทันกันแถมยังตลกอีก Phenomenon (1996), Instinct (1999) และ Message in a Bottle (1999) คือผลงานเขียนเก่าของเขา
แต่ที่น่าเสียดายในหนังเรื่องนี้คือเส้นดราม่าของทั้งตัวละครหลักทั้ง 2 ตัวมีการปูเอาไว้ แต่ลงไม่ลึกจนไม่สามารถพาคนดูให้คล้อยตามไปได้เท่าไหร่ จนคิดว่าบางฉากไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ในเส้นของพ่อกับลูก (คือลูกไม่หล่อด้วยไง 5555) ทั้งในประเด็นที่ชี้ให้เห็นว่า words หรือ pictures อันไหนที่สำคัญกว่ากันยังไม่แรงและชัดเจนเท่าที่ควร
ซึ่งอาจจะเป็นความตั้งใจของคนเขียนที่ต้องการเปรียบเปรยและสรุปความว่าไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่ากัน ต่างก็สำคัญเท่าๆกันและจะสมบูรณ์แบบก็ต่อเมื่อมีทั้ง 2 อย่างควบคู่กันไปเหมือนชายและหญิง (หรือในปัจุบันชาย-ชายและหญิง-หญิงก็เหมือนกัน) ซึ่งก็จะเข้า concept เดียวกับหนังเรื่อง Music and Lyrics (2007) นั่นเองที่พูดถึงการผสมผสานระหว่างทำนองและเนื้อร้องเข้าด้วยกันเป็นอันหนึ่งอันเดียว ซึ่ง Music and Lyrics เป็น 1 ในหนังรักในดวงใจของอิชั้น แล้วจะมาเขียนถึงหนังเรื่องนี้อย่างละเอียดให้อ่านกันค่ะ
ปล 1 . Words and Pictures มีฉายแค่ที่โรงหนัง House RCA, ลิโด้, SFW, Paragon และเอสพลานาดรัชดานะคะ
ปล 2 . นี่เป็นการให้คะแนนจากความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งแต่ละคนมีมุมมอง ความชอบ ความคิดต่างกัน ซึ่งเมื่อคุณไปดูแล้วคุณอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ค่ะ (แค่รักการดูหนังและอยากจะแชร์แลกเปลี่ยนความเห็นให้คนชอบดูหนังมาคุยกัน ไม่มีอะไรถูกหรือผิด ทุกคนไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นเหมือนกันค่ะ)
สามารถอ่าน Review หนังเรื่องอื่นๆได้ที่เพจ Movies Stalker ค่ะ https://www.facebook.com/MoviesStalker