ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าเป็นครั้งแรกที่ จขกท ทำรีวิวการเดินทาง หากผิดพลาดประการใดติชมได้เลยค่ะ
และโปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม จขกทกับเพื่อนอาจทำพฤติกรรมติ่งไร้สติไปบ้าง อย่าเอาเยี่ยงอย่างนะคะ
ทริปนี้มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์คือป้าทิพ Sutivano เมนนิชคุณ (ตอนหลังหลงจุนโฮ ชานซอง และพี่คิมด้วย)
อย่าเผานางมาก เดี๋ยวนางจะมาแจ้งลบกระทู้ ฮา
ส่วนเราก็เมน....ม่วงมาเต็มขนาดนี้ เมนชานซองค่ะ
เริ่มจากวันแรก 25/1
ตี 5 ออกเดินทางจากสุวรรณภูมิด้วยสายการบินเดลต้า DL284
ถึงนาริตะประมาณบ่ายโมง พอผ่านตม.ออกมาก็เดินไปเอา wifi ที่ไปรษณีย์
ก่อนมาเราจอง wifi เอาไว้ผ่านทางเวบ
http://japan-wireless.com/ ตัวสีดำ Mobile Wifi Router 75Mbps LTE
ตกวันละ 250 บาท หาร 2 แล้วถือว่าคุ้มมากๆ สามารถให้ส่งไปที่โรงแรมก็ได้
แต่เราอยากมีเนตเล่นระหว่างอยู่ในรถไฟ เลยเลือกมารับที่ไปรษณีย์สนามบินค่ะ
พอหาอะไรกิน ซื้อโตเกียวบานาน่าไว้กินในรถแล้วก็ไปขึ้นตั๋ว JR Pass (ใช้แบบ 7 วัน)
จากนั้นก็ไปจองรถไฟจากนาริตะ – นาโกย่า ได้เลย พนักงานจะออกบัตรพร้อมจองที่นั่งให้เสร็จสรรพ โดยไม่มีค่าบริการเพิ่ม (ถ้าไม่นั่งกรีนคาร์)
เราออกจากสนามบินด้วย Narita Express NEX34 ต่อรถไฟชินกังเซนที่ Shinagawa แล้วยิงยาวไป Nagoya
มาถึง Nagoya เวลาประมาณทุ่มครึ่ง ไปเช็คอินที่โรงแรม Daiichi Fuji Hotel
http://www.fujihotel-nagoya.com/daiichi/eng/ อยู่ใกล้สถานีนาโกยะ
สะดวกมาก ราคาคืนละ 7000 เยน สำหรับห้องทวิน ตอนเราเช็คอินเห็นฮอตเทสญี่ปุ่นหลายคนเลย
พอเก็บของล้างหน้าอะไรเสร็จแล้วก็ได้เวลาอาหารเย็น
คือเราสองคนเป็นพวกไม่ประหยัดเรื่องกิน อยากกินอะไรก็กิน แพงก็ยอมขอให้อร่อย และไหนๆมานาโกยะแล้ว ก็ต้องจัดของดังของที่นี่
พวกเราจึงเสิร์ชหาร้านปีกไก่ ยามะจัง ซึ่งก็เจออยู่ใกล้ๆ โรงแรม เดินประมาณ 5-10 นาทีเท่านั้น
ไปถึงคนค่อนข้างเยอะเลย ต้องรอคิวประมาณ 3 โต๊ะ ข้างนอกร้านก็หน๊าวหนาว แต่ก็อดทน อยากกินไก่
สุดท้ายได้กินไก่ทอดร้อนๆ แกล้มเบียร์เย็นๆ กับอุด้งผัดกิมจิแซบๆ ฟินค่า
วันที่ 2 26/1
เดิมคาดการณ์ไว้ว่า 2PM จะมาถึงตอนเย็นๆ ก็เลยกะว่าจะไปปราสาทนาโกยะตอนเช้า
แต่พอ 8 โมงครึ่ง ตื่นมาไถๆทวิตเตอร์ อ้าวเห้ย ผู้ชายออกจากเกาหลีแล้วนี่หว่า เลยรีบอาบน้ำแต่งตัวไปสนามบิน
ใช้เวลานั่งรถไฟประมาณ 40 นาที ตอนแรกก็กลัวหิวเข้าไปหาของกิน จนตกรถไฟไปขบวนนึง ถ้าพลาดขบวนถัดไปคือไม่ทันแล้วนะ โชคดีเจอฮอตญี่ปุ่นกลุ่มนึง ก็เลยตามๆเค้าไป ถึงสนามบินก็ตัวใครตัวมัน วิ่งเข้าคอกที่เค้าจัดไว้
ประมาณ 20 นาทีหลังจากมาถึง เครื่อง 2PM ก็แลนด์ แล้วก็อีกเกือบครึ่งชม. 2PM ก็ออกมา
ตรงนี้มีการไฟว์ทกับการ์ดนิดหน่อย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คือการ์ดบอกให้เรานั่งยองๆ แต่มันเมื่อยไง แล้วผู้ชายก็ยังไม่ออกมา เราก็เลยยืนไปก่อน การ์ดก็เดินมาด่าอยู่นั่นแหละ เราเลยบอกเค้าไปว่าถ้าผู้ชายจะออกแล้วเราจะนั่งเอง (เป็นภาษาอังกฤษ) การ์ดก็นิ่งไป.... เดินหนีไม่คุยกับเราเลยจ้า
พอ 2PM ออกมาเราก็นั่งจริงๆ ไม่ได้บังใคร อยู่ประมาณแถว 2 น้องชานโบกมือให้ด้วย คือฟินตัวแตก
(ป้าทิพ เมนนางเดินไวมาก แล้วชานก็เดินมาบังนิชคุณอีก แต่นางก็ได้โบกมือเหมือนกัน นางถึงกับเพ้อ 55555)
หลังจากตารางเที่ยวพังเพราะผู้ชาย ก็เลยกลับไปตั้งลำใหม่ที่สถานีนาโกยะ หาอะไรกินก่อน หิวมาก
ของดีเมืองนาโกยะอีกอันคือ มิโสะแดง พี่แกจะเอามาผสมในทุกสิ่ง ซุปมิโสะ ซอสราดหมูทอด ซอสโอเด้ง บลาๆ
และที่เราไปกินก็คือ มิโสะนิโคมิอุด้ง (อุด้งตุ๋นซุปมิโสะ) ก็คือเค้าจะเอาเส้นอุด้งดิบๆลงไปต้มในน้ำซุปมิโสะ เส้นจะเหนียวหนึบมาก (และร้อนมากๆด้วย) ร้านดังของที่นี่คือร้าน Yamamotoya มี 2 สาขา ในสถานีนาโกยะกับสาขาหลักที่ Sakae
แทคยอนกับจุนโฮไปสาขาซากาเอะ เพราะพักโรงแรมแถวนั้น
กินของคาวเสร็จก็หาขนมต่อ ในสถานีนั่นแหละค่ะ มีแต่ขนมน่ากินๆ
รวมทั้งมาการองชื่อดังอย่าง Aoki Sadaharu ด้วย (ส่วนตัวก็ยังชอบ Pierre Hermer มากที่สุด)
หลังจากเอาพร๊อพติ่งไปเก็บที่โรงแรมแล้ว เราก็ไปต่อกันที่ปราสาทนาโกยะ
ยังไม่ถึงตัวปราสาทก็โดนดักไว้ด้วยร้านน้ำชา ชาเขียวมัทฉะแบบต้นตำหรับกำขนมหวานญี่ปุ่น เซทละ 450 เยน
ขนมแต่ละวันจะไม่เหมือนกัน วันนี้เป็นโยคัง (หรือ ยางเก็ง ที่ฮอตเทสรู้จักกันดี)
เดินมาอีกนิดก็ถึงตัวปราสาท
ถ่ายท่อระบายน้ำเป็นที่ระลึก ฝาท่อระบายแต่ละเมืองจะไม่เหมือนกัน ใครไปอย่าลืมสังเกตนะคะ
เข้าไปข้างในจะเจอปลาซาจิ หรือปลาวาฬเพชฌฆาต สัญลักษณ์ของปราสาทนี้ ถ่ายรูปคู่กันซะหน่อย
ลมแรงหัวเยินมากค่า
ในปราสาทมีลิฟต์นะคะ แนะนำให้ขึ้นลิฟต์ไปชมวิวชั้นบนสุดแล้วค่อยเดินลงมาชมพิพิธภัณฑ์ในแต่ละชั้น
วิวจากชั้นบนสุด
จบจากปราสาทเราก็ไปหาของกินกันต่อ
คราวนี้จะไปร้านข้าวหน้าปลาไหลแบบนาโกยะ หรือที่เรียกว่า Hitsumabushi ฮิทสึมะบุชิ
ที่ร้าน Atsuta Horaiken ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่อายุเป็นร้อยปี เราจะไปสาขาหลักที่สถานี Temmacho กันค่ะ
ที่เลือกไปร้านนี้เพราะ 1.อร่อย 2.ดัง 3.ร้านโปรด 2PM
ทางไปค่อนข้างหายาก หากไม่ชินทางควรเปิด GPS นำทางนะคะ
ป้ายร้านกับทางเข้าร้าน เป็นบ้านแบบญี่ปุ่น
เข้าไปถึงต้องถอดรองเท้า เนื่องจากร้านนี้ไม่รับจองก็ต้องต่อคิวกันหน่อย
แต่โชคดีค่ะ รอประมาณ 10 นาทีก็ได้โต๊ะ เป็นที่นั่งชั้น 2
นี่ก็หิวมาก สั่งเลยๆๆ มาถึงนี่ต้องสั่งอันนี้ค่ะ ฮิทสึมะบุชิ
ระหว่างรออาหารก็ถ่ายรูปเล่น มุมไหค่า
รอประมาณ 15 นาที อาหารมาแล้วๆ
อันแรกเป็น Hitsumabushi อีกอันเป็น Mini Hitsumabushi กับไข่เจียวไส้ปลาไหลย่าง
วิธีทานก็คือ ตักมาใส่ถ้วยเล็กๆ
ถ้วยแรกทานเปล่าๆ
ถ้วยที่ 2 ทานแบบใส่สาหร่าย ต้นหอม วาซาบิ
ถ้วยที่ 3 ใส่สาหร่าย ต้นหอม วาซาบิ แล้วราดน้ำซุปร้อนๆ ทานแบบข้าวต้ม
ถ้วยที่ 4 ชอบแบบไหนก็ทานแบบนั้น
เดี๋ยวจะหาว่าโม้ จุนโฮก็มากินนะเออ
กินเสร็จ กลับถึงโรงแรมก็เกือบ 4 ทุ่ม
ดู Cold eyes กินขนม นอนเอาแรง วันรุ่งขึ้นต้องไปคอนเสิร์ต
วันที่ 3 27/1
ออกจากโรงแรมแต่เช้าเพื่อไปต่อแถวซื้อเพนเพนที่ฮอลล์
แต่คนเยอะมากกกกกกกกกกก และเพนเพนก็หมดภายใน 15 นาทีแรก อดซื้อกันไป
เสียเวลาค่อนวันไปกับการต่อคิวซื้อของ กลับห้องเอาของไปเก็บแล้วค่อยออกมาใหม่
ที่นั่งวันแรกอยู่แถว 2 ค่ะ ตรงกับเวทีเล็กพอดี
เลิกคอนก็ต้องรีบขึ้นรถไฟเพราะกลัวรถไฟหมด ค่อยไปหาของกินแถวโรงแรม
วันนี้ได้จัดราเมง ชื่อว่าร้านราเมง Hongotei
อร่อยมากกก เกี๊ยวซ่าก็ดี โอ้ยฟินผู้ชายเสร็จ มาฟินของกิน ชีวิตดี คืนนี้นอนตาหลับ
วันที่ 4 28/1
ออกแต่เช้าเพื่อซื้อเพนเพน แต่ก็แห้วอะเกน เฮ้ออออ
กลับมากินข้าวหมูทอดราดซอสมิโสะ ต่อด้วย Afternoon Tea เก๋ๆ ปลอบใจชีวิต
เค้กเลม่อนเมอแรงก์ช่วยปลอบใจฉันที
คอนเสิร์ตวันที่ 2 จบไป
ขอถ่ายรูปคู่กับผู้ชายหน่อย พรุ่งนี้ต้องไปเมืองอื่นแล้ว
วันที่ 5 29/1
ไม่ได้ไปส่งผู้ชายที่สนามบินเพราะต้องไปโอซาก้าต่อ
หลังจากเช็คเอาท์โรงแรม ก็ออกไปหาของกินที่สถานีพร้อมซื้อของฝาก
ยังคงกินของดีเมืองนาโกย่าต่อไป มื้อนี้เป็น Kishimen ค่ะ
เส้นจะแบนๆ เครื่องมีกุ้งเทมปุระ ปลาคัตสึโอะแห้ง ผักต้ม เห็ดหอม ลูกชิ้นปลา และไข่ม้วน
ขึ้นชินคังเซนไปถึงโอซาก้า ก็เอาของไปเก็บที่โรงแรมก่อน
คืนนี้นอนไฮโซนิดนุง Hotel Monterey Grasmere Osaka
ในห้องก็ประมาณนี้ แคบนะ แต่อยู่ 2 คนก็โอเค
ออกไปเดินเล่นที่ปราสาทโอซาก้าก่อนค่ะ
รีวิว ทริปติ่งไปดูคอนเสิร์ต GENESIS OF 2PM นาโกยะ/โยโกฮามะ/โอซาก้า
และโปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม จขกทกับเพื่อนอาจทำพฤติกรรมติ่งไร้สติไปบ้าง อย่าเอาเยี่ยงอย่างนะคะ
ทริปนี้มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์คือป้าทิพ Sutivano เมนนิชคุณ (ตอนหลังหลงจุนโฮ ชานซอง และพี่คิมด้วย)
อย่าเผานางมาก เดี๋ยวนางจะมาแจ้งลบกระทู้ ฮา
ส่วนเราก็เมน....ม่วงมาเต็มขนาดนี้ เมนชานซองค่ะ
เริ่มจากวันแรก 25/1
ตี 5 ออกเดินทางจากสุวรรณภูมิด้วยสายการบินเดลต้า DL284
ถึงนาริตะประมาณบ่ายโมง พอผ่านตม.ออกมาก็เดินไปเอา wifi ที่ไปรษณีย์
ก่อนมาเราจอง wifi เอาไว้ผ่านทางเวบ http://japan-wireless.com/ ตัวสีดำ Mobile Wifi Router 75Mbps LTE
ตกวันละ 250 บาท หาร 2 แล้วถือว่าคุ้มมากๆ สามารถให้ส่งไปที่โรงแรมก็ได้
แต่เราอยากมีเนตเล่นระหว่างอยู่ในรถไฟ เลยเลือกมารับที่ไปรษณีย์สนามบินค่ะ
พอหาอะไรกิน ซื้อโตเกียวบานาน่าไว้กินในรถแล้วก็ไปขึ้นตั๋ว JR Pass (ใช้แบบ 7 วัน)
จากนั้นก็ไปจองรถไฟจากนาริตะ – นาโกย่า ได้เลย พนักงานจะออกบัตรพร้อมจองที่นั่งให้เสร็จสรรพ โดยไม่มีค่าบริการเพิ่ม (ถ้าไม่นั่งกรีนคาร์)
เราออกจากสนามบินด้วย Narita Express NEX34 ต่อรถไฟชินกังเซนที่ Shinagawa แล้วยิงยาวไป Nagoya
มาถึง Nagoya เวลาประมาณทุ่มครึ่ง ไปเช็คอินที่โรงแรม Daiichi Fuji Hotel http://www.fujihotel-nagoya.com/daiichi/eng/ อยู่ใกล้สถานีนาโกยะ
สะดวกมาก ราคาคืนละ 7000 เยน สำหรับห้องทวิน ตอนเราเช็คอินเห็นฮอตเทสญี่ปุ่นหลายคนเลย
พอเก็บของล้างหน้าอะไรเสร็จแล้วก็ได้เวลาอาหารเย็น
คือเราสองคนเป็นพวกไม่ประหยัดเรื่องกิน อยากกินอะไรก็กิน แพงก็ยอมขอให้อร่อย และไหนๆมานาโกยะแล้ว ก็ต้องจัดของดังของที่นี่
พวกเราจึงเสิร์ชหาร้านปีกไก่ ยามะจัง ซึ่งก็เจออยู่ใกล้ๆ โรงแรม เดินประมาณ 5-10 นาทีเท่านั้น
ไปถึงคนค่อนข้างเยอะเลย ต้องรอคิวประมาณ 3 โต๊ะ ข้างนอกร้านก็หน๊าวหนาว แต่ก็อดทน อยากกินไก่
สุดท้ายได้กินไก่ทอดร้อนๆ แกล้มเบียร์เย็นๆ กับอุด้งผัดกิมจิแซบๆ ฟินค่า
วันที่ 2 26/1
เดิมคาดการณ์ไว้ว่า 2PM จะมาถึงตอนเย็นๆ ก็เลยกะว่าจะไปปราสาทนาโกยะตอนเช้า
แต่พอ 8 โมงครึ่ง ตื่นมาไถๆทวิตเตอร์ อ้าวเห้ย ผู้ชายออกจากเกาหลีแล้วนี่หว่า เลยรีบอาบน้ำแต่งตัวไปสนามบิน
ใช้เวลานั่งรถไฟประมาณ 40 นาที ตอนแรกก็กลัวหิวเข้าไปหาของกิน จนตกรถไฟไปขบวนนึง ถ้าพลาดขบวนถัดไปคือไม่ทันแล้วนะ โชคดีเจอฮอตญี่ปุ่นกลุ่มนึง ก็เลยตามๆเค้าไป ถึงสนามบินก็ตัวใครตัวมัน วิ่งเข้าคอกที่เค้าจัดไว้
ประมาณ 20 นาทีหลังจากมาถึง เครื่อง 2PM ก็แลนด์ แล้วก็อีกเกือบครึ่งชม. 2PM ก็ออกมา
ตรงนี้มีการไฟว์ทกับการ์ดนิดหน่อย [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากตารางเที่ยวพังเพราะผู้ชาย ก็เลยกลับไปตั้งลำใหม่ที่สถานีนาโกยะ หาอะไรกินก่อน หิวมาก
ของดีเมืองนาโกยะอีกอันคือ มิโสะแดง พี่แกจะเอามาผสมในทุกสิ่ง ซุปมิโสะ ซอสราดหมูทอด ซอสโอเด้ง บลาๆ
และที่เราไปกินก็คือ มิโสะนิโคมิอุด้ง (อุด้งตุ๋นซุปมิโสะ) ก็คือเค้าจะเอาเส้นอุด้งดิบๆลงไปต้มในน้ำซุปมิโสะ เส้นจะเหนียวหนึบมาก (และร้อนมากๆด้วย) ร้านดังของที่นี่คือร้าน Yamamotoya มี 2 สาขา ในสถานีนาโกยะกับสาขาหลักที่ Sakae
แทคยอนกับจุนโฮไปสาขาซากาเอะ เพราะพักโรงแรมแถวนั้น
กินของคาวเสร็จก็หาขนมต่อ ในสถานีนั่นแหละค่ะ มีแต่ขนมน่ากินๆ
รวมทั้งมาการองชื่อดังอย่าง Aoki Sadaharu ด้วย (ส่วนตัวก็ยังชอบ Pierre Hermer มากที่สุด)
หลังจากเอาพร๊อพติ่งไปเก็บที่โรงแรมแล้ว เราก็ไปต่อกันที่ปราสาทนาโกยะ
ยังไม่ถึงตัวปราสาทก็โดนดักไว้ด้วยร้านน้ำชา ชาเขียวมัทฉะแบบต้นตำหรับกำขนมหวานญี่ปุ่น เซทละ 450 เยน
ขนมแต่ละวันจะไม่เหมือนกัน วันนี้เป็นโยคัง (หรือ ยางเก็ง ที่ฮอตเทสรู้จักกันดี)
เดินมาอีกนิดก็ถึงตัวปราสาท
ถ่ายท่อระบายน้ำเป็นที่ระลึก ฝาท่อระบายแต่ละเมืองจะไม่เหมือนกัน ใครไปอย่าลืมสังเกตนะคะ
เข้าไปข้างในจะเจอปลาซาจิ หรือปลาวาฬเพชฌฆาต สัญลักษณ์ของปราสาทนี้ ถ่ายรูปคู่กันซะหน่อย
ลมแรงหัวเยินมากค่า
ในปราสาทมีลิฟต์นะคะ แนะนำให้ขึ้นลิฟต์ไปชมวิวชั้นบนสุดแล้วค่อยเดินลงมาชมพิพิธภัณฑ์ในแต่ละชั้น
วิวจากชั้นบนสุด
จบจากปราสาทเราก็ไปหาของกินกันต่อ
คราวนี้จะไปร้านข้าวหน้าปลาไหลแบบนาโกยะ หรือที่เรียกว่า Hitsumabushi ฮิทสึมะบุชิ
ที่ร้าน Atsuta Horaiken ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่อายุเป็นร้อยปี เราจะไปสาขาหลักที่สถานี Temmacho กันค่ะ
ที่เลือกไปร้านนี้เพราะ 1.อร่อย 2.ดัง 3.ร้านโปรด 2PM
ทางไปค่อนข้างหายาก หากไม่ชินทางควรเปิด GPS นำทางนะคะ
ป้ายร้านกับทางเข้าร้าน เป็นบ้านแบบญี่ปุ่น
เข้าไปถึงต้องถอดรองเท้า เนื่องจากร้านนี้ไม่รับจองก็ต้องต่อคิวกันหน่อย
แต่โชคดีค่ะ รอประมาณ 10 นาทีก็ได้โต๊ะ เป็นที่นั่งชั้น 2
นี่ก็หิวมาก สั่งเลยๆๆ มาถึงนี่ต้องสั่งอันนี้ค่ะ ฮิทสึมะบุชิ
ระหว่างรออาหารก็ถ่ายรูปเล่น มุมไหค่า
รอประมาณ 15 นาที อาหารมาแล้วๆ
อันแรกเป็น Hitsumabushi อีกอันเป็น Mini Hitsumabushi กับไข่เจียวไส้ปลาไหลย่าง
วิธีทานก็คือ ตักมาใส่ถ้วยเล็กๆ
ถ้วยแรกทานเปล่าๆ
ถ้วยที่ 2 ทานแบบใส่สาหร่าย ต้นหอม วาซาบิ
ถ้วยที่ 3 ใส่สาหร่าย ต้นหอม วาซาบิ แล้วราดน้ำซุปร้อนๆ ทานแบบข้าวต้ม
ถ้วยที่ 4 ชอบแบบไหนก็ทานแบบนั้น
เดี๋ยวจะหาว่าโม้ จุนโฮก็มากินนะเออ
กินเสร็จ กลับถึงโรงแรมก็เกือบ 4 ทุ่ม
ดู Cold eyes กินขนม นอนเอาแรง วันรุ่งขึ้นต้องไปคอนเสิร์ต
วันที่ 3 27/1
ออกจากโรงแรมแต่เช้าเพื่อไปต่อแถวซื้อเพนเพนที่ฮอลล์
แต่คนเยอะมากกกกกกกกกกก และเพนเพนก็หมดภายใน 15 นาทีแรก อดซื้อกันไป
เสียเวลาค่อนวันไปกับการต่อคิวซื้อของ กลับห้องเอาของไปเก็บแล้วค่อยออกมาใหม่
ที่นั่งวันแรกอยู่แถว 2 ค่ะ ตรงกับเวทีเล็กพอดี
เลิกคอนก็ต้องรีบขึ้นรถไฟเพราะกลัวรถไฟหมด ค่อยไปหาของกินแถวโรงแรม
วันนี้ได้จัดราเมง ชื่อว่าร้านราเมง Hongotei
อร่อยมากกก เกี๊ยวซ่าก็ดี โอ้ยฟินผู้ชายเสร็จ มาฟินของกิน ชีวิตดี คืนนี้นอนตาหลับ
วันที่ 4 28/1
ออกแต่เช้าเพื่อซื้อเพนเพน แต่ก็แห้วอะเกน เฮ้ออออ
กลับมากินข้าวหมูทอดราดซอสมิโสะ ต่อด้วย Afternoon Tea เก๋ๆ ปลอบใจชีวิต
เค้กเลม่อนเมอแรงก์ช่วยปลอบใจฉันที
คอนเสิร์ตวันที่ 2 จบไป
ขอถ่ายรูปคู่กับผู้ชายหน่อย พรุ่งนี้ต้องไปเมืองอื่นแล้ว
วันที่ 5 29/1
ไม่ได้ไปส่งผู้ชายที่สนามบินเพราะต้องไปโอซาก้าต่อ
หลังจากเช็คเอาท์โรงแรม ก็ออกไปหาของกินที่สถานีพร้อมซื้อของฝาก
ยังคงกินของดีเมืองนาโกย่าต่อไป มื้อนี้เป็น Kishimen ค่ะ
เส้นจะแบนๆ เครื่องมีกุ้งเทมปุระ ปลาคัตสึโอะแห้ง ผักต้ม เห็ดหอม ลูกชิ้นปลา และไข่ม้วน
ขึ้นชินคังเซนไปถึงโอซาก้า ก็เอาของไปเก็บที่โรงแรมก่อน
คืนนี้นอนไฮโซนิดนุง Hotel Monterey Grasmere Osaka
ในห้องก็ประมาณนี้ แคบนะ แต่อยู่ 2 คนก็โอเค
ออกไปเดินเล่นที่ปราสาทโอซาก้าก่อนค่ะ