เนื้อเรื่องอาจจะยาวมากไปหน่อยนะคะ ฉันขอเล่าให้ฟังตั้งแต่ตอนคบกันแรกๆเลยค่ะ เพื่อให้เข้าใจความรู้สึกฉัน เริ่มเรื่องตั้งแต่ปีแรกที่เราคบกัน
ปีที่ 1 ของเรา
ฉันกับแฟนรู้จักกันครั้งแรกในฐานะเพื่อนของแฟนเพื่อน ตั้งแต่ม.4 ก็แค่รู้จักมีคุยกันบ้างนิดๆหน่อยๆ อยู่มาวันหนึ่งช่วงประมาณ ม. 5 เขาโทรมาหาฉันปรึกษาเรื่องแฟนเขาที่นอกใจเขา เขาเครียดไม่รู้จะปรึกษาหรือระบายกับใคร เนื่องจากฉันนั้นเป็นคนที่อ้วนมากๆประมาณ75 กก.ค่ะ ไม่แต่งตัวมีดีแค่ผิวขาว ส่วนเขานั้นเป็นคนหน้าตาดี มีผู้หญิงมาชอบมากมาย แต่งตัวดูดี แต่เขาขอคบกับฉันเพราะเขารู้สึกอยู่ใกล้ ได้คุยกับฉันแล้วรู้สึกดีมากๆ ส่วนความสัมพันธ์นั้นก็คืบหน้าไปเรื่อยๆ จากเป็นคนชอบกลายมาเป็นแฟน คุยกันมาตลอดตอนแรกที่คุยกันแบบแฟนฉันรู้เลยว่าใจแฟนฉันนั้นยังไม่ลืมแฟนเก่า
เหมือนตอนคุยกับฉันก็พูดถึงแฟนเก่าตลอดๆ แต่ฉันก็พยายามทำทุกอย่างให้แฟนเรารักเรา ฉันเอาอกเอาใจ แทคแคร์ ดูแลเอาใจใส่ พูดเพราะ ทำทุกอย่างเพื่อให้เขามีความสุข อยากเห็นรอยยิ้มของเขา แค่นั้นจริงๆ
ปีที่ 2 ของเรา
จนเมื่อปีหนึ่งฉันเข้าเรียนมหาลัย ฉันรู้สึกได้เลยว่าแฟนฉันนั้นรักฉันจริงๆ มันเป็นอะไรที่รู้สึกดีมากๆเพราะฉันสัมผัสได้ว่าเรารักกันเขารักฉันแล้วจริงๆ เราก็คบกันคุยกันต่อไป จนช่วงที่ฉันเรียนอยู่ปีสองทางบ้านฉันเองมีปัญหาพ่อกับแม่หย่ากัน ทำให้มีปัญหาเรื่องเงิน แฟนฉันจึงหยุดเรียนและออกมาทำงานหาเงินส่งฉันเรียนต่อ
ปีที่ 3 และ ปีที่ 4 ของเรา
เราเริ่มใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันตั้งแต่เรียนปีสอง เราลำบากมาด้วยกันทุกอย่าง อดก็อดด้วยกัน อิ่มก็อิ่มด้วยกัน แต่เราเข้าใจกัน เรารักกันมากๆ วันเกิดเขาเรากะเพื่อนเราซื้อของขวัญวันเกิดให้แฟนเรา คือลูกสุนัขสีดำ พันธ์ผสมปอมพุดเดิ้ล (ที่จริงคือเราอยากได้เอง แต่อ้างว่าซื้อให้เขา) ตอนที่เขาเห็นเขารักใยไหมมากๆ(ใยไหมชื่อหมาเราเรียกว่าลูกสาว) แต่เขาห่วงกลัวลูกหมาอยู่ตัวเดียวไม่ได้จึงไปหาซื้อลูกหมามาเป็นเพื่อนกันอีกตัวชื่อหมูอ้วน เราทั้งคู่ยิ่งมีความสุข ทุกเย็นเราทั้งคู่พาลูกๆไปเดินเล่นวิ่งเล่นในมหาวิทยาลัย นั่งคู่กันที่สวนสาธารณะ และวาดฝันว่าวันนี้เราเหนื่อยแต่เราจะต้องสู้ไปด้วยกัน เราจะอยู่เคียงข้างกันไม่ทิ้งกัน ต่อให้ลำบากมากกว่านี้เราก็จะไม่ทิ้งกัน เป็นอย่างนี้เกือบทุกเย็น ด้วยความที่ฉันอ้วนมากๆๆเขาก็จะพยายามพาเราไปวิ่งไปออกกำลังกาย เราพยายามหาเงินเพื่อมาใช้ในการเรียนแล้วก็กินอยู่ เราจึงไปรับจ้างนั่งเสียบหมูสะเต๊ะด้วยกัน เหนื่อยมากๆแต่เราก็อดทนด้วยกัน ทำตุ๊กตาแฮนด์เมดขายที่ถนนคนเดิน ทำกับข้าวหลายอย่างมากๆที่เราทำกันมา แต่เราก็สู้แฟนก็ไม่ถอย เรามีความสุขกันมากถึงจะอดแต่ขอให้รู้ว่าเรารักกันมันก็ทำให้ชีวิตคู่ของเราไปด้วยกันได้
ปีที่ 5 ของเรา
พอปีสี่ เราต้องไปฝึกงานต่างจังหวัดถึงสี่เดือน เป็นครั้งแรกตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาที่เราต้องห่างกัน แฟนต้องกลับบ้าน เราช่วยกันขนของทุกอย่างกลับบ้าน รวมทั้งลูกสาวลูกชาย(หมา)ด้วย ช่วงปีนั้นน้ำท่วมใหญ่มากๆๆเราขนย้ายของกันแบบทุลักทุเลมากๆจริงๆ พอฉันไปฝึกงานที่ต่างจังหวัด แฟนฉันต้องกลับมาทำงานที่บ้านเพื่อส่งเงินให้ฉันฝึกงานเพราะฉันใช้เงินเยอะมากๆ แฟนทำงานทุกอย่างที่จะทำได้ ไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย ฉันยิ่งรักแฟนฉันมากฉันเห็นความดีในตัวเขาทุกอย่างจริงๆ เขาพิสูจน์ให้ฉันเห็นทุกอย่างจริงๆว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่จะดูแลเราไปตลอดชีวิตได้ คิดดูนะคะแม้กระทั่งลูกสาวเราอึติดก้น ฉันนี่แขยงไม่ทำหรอกแต่แฟนทำได้หมด โอ้ยฉันยิ่งรักเขาเต็มหัวใจเพราะถ้าขนาดหมาเขายังทำได้ แล้วกับลูกกับเมียล่ะถ้าเป็นอะไรขึ้นมาเขาก็ต้องทำได้สิ ฉันคิดแบบนี้นะ
ช่วงที่ฝึกงานเราทั้งคู่ห่างกันมากไม่ได้เจอหน้ากันเลยตลอดสามเดือน เราคิดถึงกันมากๆ เวลาโทรคุยกันฉันนี่ร้องไห้กะเขาทุกที เขาก็จะคอยปลอบโยน ปลอบใจจนฉันรู้สึกดี
ปีที่ 6 ของเรา
พอฉันเรียนจบ ฉันก็เริ่มมาทำงานที่รพ.สต แถวบ้าน (อ่อลืมบอกฉันกับแฟนเป็นคนจังหวัดเดียวกันนะคะ พอดีเรื่องมันยาวบางทีไม่ได้ลงรายละเอียดมาก ขอโทดด้วยนะคะ) เงินเดือนแบบต่ำต้อยมากเพราะเขาไม่มีเงินจ้างใช้งบ อบต. ฉันทนทำได้อยู่ 2 เดือน เพราะฉันอยากเจอหน้าแฟนบ่อยๆ แต่สุดท้ายทนไม่ไหวจริงๆ ฉันจึงไปทำงานที่กทม. เป็นศูนย์แพทย์เอกชนแห่งหนึ่ง ไปวันแรกเหงามากๆก็โทรคุยกับแฟนร้องไห้ด้วยกันอีกแล้วเพราะคิดถึงกัน จนสุดท้ายแฟนทนไม่ไหวจึงมาหางานทำและเช่าห้องอยู่ด้วยกันที่กทม. เรามาแบบเสื่อผืนหมอนใบจริงๆนะ มาแบบไม่มีอะไรเลยมีแต่ห้องว่างเปล่าๆ เราทั้งคู่ค่อยๆสร้างไปด้วยกัน ค่อยซื้อตู้เย็น ทีวีมือสองมาใช้ จานดาวเทียมไม่มี ก็ใช้หนวดกุ้งกันไป ซื้อกระทะไฟฟ้าทำกับข้าว จนเริ่มมีของเต็มห้อง ส่วนเงินทองก็มีมากขึ้น ถือว่าอยู่ในระดับที่สบายมากๆๆ เราอยู่กันด้วยความเข้าใจ รักกัน ห่วงใยกัน ตัวติดกันตลอด อยู่ด้วยกันมาได้ 6 - 7 เดือน อยู่ๆพี่รหัสฉันโทรมาหาฉันบอกว่ามีตำแหน่งหนูเปิดรับที่โรงพยาบาลแถวบ้านแล้วนะ จะมาไหม ฉันก็ลังเล แต่สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจกลับมาทำงานที่บ้านเพื่อหวังอนาคตหวังว่าจะได้บรรจุ เป็นข้าราชการ แต่วันที่ฉันต้องแยกกับแฟนเพื่อมาอยู่ที่บ้าน แฟนฉันมาส่งที่ท่ารถ ฉันกอดหลังแฟนน้ำตาไหลแบบไม่เคยเป็นมาก่อนมันใจหายมากๆที่รู้ว่าเราจะต้องจากกันอีกแล้ว แฟนฉันก็ร้องไห้ ร้องด้วยกันทั้งคู่ แต่ต้องตัดใจมาจริงๆเพื่ออนาคต
ปีที่ 7 ของเรา
จากนั้นเมื่อฉันมาทำงานที่บ้านแล้ว แฟนอยู่ที่กทม เขาโทรมาหาฉันทุกวัน ทุกเวลา ขนาดพี่ที่ทำงานเก่าฉันที่กทมเขาอยู่หอเดียวกับแฟน ยังชื่นชมแฟนเราว่า ขนาดฉันกลับไปอยู่บ้าน แฟนฉันก็กลับห้องตรงเวลาทุกวัน ไม่กินไม่เที่ยว อิจฉาจริงๆที่มีแฟนที่ซื่อสัตย์แบบนี้ ฉันนี่ได้ฟังยิ้มแก้มแทบปริ แม้อยู่ห่างกันแต่เราไม่เคยระแวงกันเลย เชื่อใจกันทุกครั้ง ระหว่างที่ฉันทำงานที่บ้าน แฟนก็พยายามหางานติดต่องานที่บ้านไว้บ้าง จนอีกสามเดือนต่อมาแฟนได้งานเป็นช่างยนต์ที่อยู่ในอำเภอเดียวกับบ้านฉัน ฉันและแฟนดีใจมากๆ ที่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก ทีนี้ฉันและแฟนจึงเช่าห้องอยู่ด้วยกันอีกในอำเภอ เป็นการกลับมาสร้างครอบครัวด้วยกันรอบที่สาม เรามีความสุขด้วยกันมาก
อยู่ด้วยกันได้สักสี่ห้าเดือน ต่อไปนี้คือชีวิตจริงแล้วล่ะ เมื่อเราทั้งคู่ทำงาน ต่างคนต่างเหนื่อย ฉันเริ่มขี้เกียจเก็บกวาดห้อง เริ่มขี้เกียจทำกับข้าว เริ่มไม่เอาใจใส่หรือสนใจแฟน เพราะฉันเหนื่อย ฉันอยากให้แฟนช่วยฉันทำงานบ้าง ฉันจึงบ่นๆๆๆๆ ใช้ให้แฟนซักผ้า รีดผ้า ให้ เก็บกวาดห้อง คือหน้าที่แฟน แรกๆเขาก็ทำดี หลังๆก็คงเริ่มเบื่อ เริ่มไม่อยากทำ ก็มีปากเสียงกันตลอด ทะเลาะกันด้วนเรื่องไม่เป็นเรื่อง ฉันเริ่มหน้าบูด เริ่มปล่อยตัวเอง จากน้ำหนักแปดสิบมาเป็น 95 ไม่สนใจแฟนเลย ไม่โทรหาเวลาทำงานเพราะคิดว่าอยู่ด้วยกันทุกวันเดี๋ยวก็เจอกัน มีแต่แฟนที่โทรหาฉันสม่ำเสมอ บอกรักบอกคิดถึงตลอด ทำงานให้ทุกอย่างเพื่อให้ฉันพอใจแต่ฉันก็ไม่แคร์ ฉันคิดแค่ว่าฉันกลับมาจากทำงานฉันเหนื่อย แค่นั้น เป็นแบบนี้มาประมาณเกือบหกเดือน
ปีที่ 8 ของเรา จุดไคล์แมกส์ ต่อไปนี้ฉันจะใช้ชื่อสมมุตินะคะ
จนหลังๆแฟนฉันเริ่มบอกว่าลดความอ้วนได้แล้วนะ เป็นห่วงสุขภาพนะ เริ่มบอกให้ฉันหาครีม หาอะไรมาบำรุงตัวเองบ้างแต่ฉัน ก็ไม่แคร์ไม่สนใจ เริ่มบอกว่าให้เราโทรหาบ้าง ถามเราว่าถ้าไม่มีเค้าฉันจะอยู่ได้ไหม อะไรแบบนี้ แต่คือฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร ในหัวนี่คือไม่มีความคิดว่าแฟนจะนอกใจเลย เพราะที่ผ่านมาแฟนดีๆมากๆๆ คือเรื่องอื่นอาจจะพอเชื่อนะ แต่เรื่องแฟนนอกใจเรานี่เราคิดเลยว่าเป็นไปไม่ได้จริงๆ มั่นใจสุดๆ จนผ่านไปอีกเดือน แฟนเริ่มเปลี่ยนไปติดไลน์ ติดโทรศัพท์ หวงของ ล็อครหัสต่างๆ เพื่อไม่ให้ใครดู กลับดึกมาก กลับบ้านที่ต่างอำเภอบ่อย ทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียว ฉันเริ่มสังหรณ์ในใจแต่ก็ยังไม่คิดอะไร คิดแค่ว่าเขาอาจจะเบื่อเราที่เราชอบทำหน้าบูดเป็นตูดก็ได้
ขอระบายค่ะ ไม่ไหวแล้วจริงๆ ถึงคราวฉันบ้างแล้วล่ะ เมื่อแฟนที่คบกันมา 8 ปี นอกใจฉัน
ปีที่ 1 ของเรา
ฉันกับแฟนรู้จักกันครั้งแรกในฐานะเพื่อนของแฟนเพื่อน ตั้งแต่ม.4 ก็แค่รู้จักมีคุยกันบ้างนิดๆหน่อยๆ อยู่มาวันหนึ่งช่วงประมาณ ม. 5 เขาโทรมาหาฉันปรึกษาเรื่องแฟนเขาที่นอกใจเขา เขาเครียดไม่รู้จะปรึกษาหรือระบายกับใคร เนื่องจากฉันนั้นเป็นคนที่อ้วนมากๆประมาณ75 กก.ค่ะ ไม่แต่งตัวมีดีแค่ผิวขาว ส่วนเขานั้นเป็นคนหน้าตาดี มีผู้หญิงมาชอบมากมาย แต่งตัวดูดี แต่เขาขอคบกับฉันเพราะเขารู้สึกอยู่ใกล้ ได้คุยกับฉันแล้วรู้สึกดีมากๆ ส่วนความสัมพันธ์นั้นก็คืบหน้าไปเรื่อยๆ จากเป็นคนชอบกลายมาเป็นแฟน คุยกันมาตลอดตอนแรกที่คุยกันแบบแฟนฉันรู้เลยว่าใจแฟนฉันนั้นยังไม่ลืมแฟนเก่า
เหมือนตอนคุยกับฉันก็พูดถึงแฟนเก่าตลอดๆ แต่ฉันก็พยายามทำทุกอย่างให้แฟนเรารักเรา ฉันเอาอกเอาใจ แทคแคร์ ดูแลเอาใจใส่ พูดเพราะ ทำทุกอย่างเพื่อให้เขามีความสุข อยากเห็นรอยยิ้มของเขา แค่นั้นจริงๆ
ปีที่ 2 ของเรา
จนเมื่อปีหนึ่งฉันเข้าเรียนมหาลัย ฉันรู้สึกได้เลยว่าแฟนฉันนั้นรักฉันจริงๆ มันเป็นอะไรที่รู้สึกดีมากๆเพราะฉันสัมผัสได้ว่าเรารักกันเขารักฉันแล้วจริงๆ เราก็คบกันคุยกันต่อไป จนช่วงที่ฉันเรียนอยู่ปีสองทางบ้านฉันเองมีปัญหาพ่อกับแม่หย่ากัน ทำให้มีปัญหาเรื่องเงิน แฟนฉันจึงหยุดเรียนและออกมาทำงานหาเงินส่งฉันเรียนต่อ
ปีที่ 3 และ ปีที่ 4 ของเรา
เราเริ่มใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันตั้งแต่เรียนปีสอง เราลำบากมาด้วยกันทุกอย่าง อดก็อดด้วยกัน อิ่มก็อิ่มด้วยกัน แต่เราเข้าใจกัน เรารักกันมากๆ วันเกิดเขาเรากะเพื่อนเราซื้อของขวัญวันเกิดให้แฟนเรา คือลูกสุนัขสีดำ พันธ์ผสมปอมพุดเดิ้ล (ที่จริงคือเราอยากได้เอง แต่อ้างว่าซื้อให้เขา) ตอนที่เขาเห็นเขารักใยไหมมากๆ(ใยไหมชื่อหมาเราเรียกว่าลูกสาว) แต่เขาห่วงกลัวลูกหมาอยู่ตัวเดียวไม่ได้จึงไปหาซื้อลูกหมามาเป็นเพื่อนกันอีกตัวชื่อหมูอ้วน เราทั้งคู่ยิ่งมีความสุข ทุกเย็นเราทั้งคู่พาลูกๆไปเดินเล่นวิ่งเล่นในมหาวิทยาลัย นั่งคู่กันที่สวนสาธารณะ และวาดฝันว่าวันนี้เราเหนื่อยแต่เราจะต้องสู้ไปด้วยกัน เราจะอยู่เคียงข้างกันไม่ทิ้งกัน ต่อให้ลำบากมากกว่านี้เราก็จะไม่ทิ้งกัน เป็นอย่างนี้เกือบทุกเย็น ด้วยความที่ฉันอ้วนมากๆๆเขาก็จะพยายามพาเราไปวิ่งไปออกกำลังกาย เราพยายามหาเงินเพื่อมาใช้ในการเรียนแล้วก็กินอยู่ เราจึงไปรับจ้างนั่งเสียบหมูสะเต๊ะด้วยกัน เหนื่อยมากๆแต่เราก็อดทนด้วยกัน ทำตุ๊กตาแฮนด์เมดขายที่ถนนคนเดิน ทำกับข้าวหลายอย่างมากๆที่เราทำกันมา แต่เราก็สู้แฟนก็ไม่ถอย เรามีความสุขกันมากถึงจะอดแต่ขอให้รู้ว่าเรารักกันมันก็ทำให้ชีวิตคู่ของเราไปด้วยกันได้
ปีที่ 5 ของเรา
พอปีสี่ เราต้องไปฝึกงานต่างจังหวัดถึงสี่เดือน เป็นครั้งแรกตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาที่เราต้องห่างกัน แฟนต้องกลับบ้าน เราช่วยกันขนของทุกอย่างกลับบ้าน รวมทั้งลูกสาวลูกชาย(หมา)ด้วย ช่วงปีนั้นน้ำท่วมใหญ่มากๆๆเราขนย้ายของกันแบบทุลักทุเลมากๆจริงๆ พอฉันไปฝึกงานที่ต่างจังหวัด แฟนฉันต้องกลับมาทำงานที่บ้านเพื่อส่งเงินให้ฉันฝึกงานเพราะฉันใช้เงินเยอะมากๆ แฟนทำงานทุกอย่างที่จะทำได้ ไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย ฉันยิ่งรักแฟนฉันมากฉันเห็นความดีในตัวเขาทุกอย่างจริงๆ เขาพิสูจน์ให้ฉันเห็นทุกอย่างจริงๆว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่จะดูแลเราไปตลอดชีวิตได้ คิดดูนะคะแม้กระทั่งลูกสาวเราอึติดก้น ฉันนี่แขยงไม่ทำหรอกแต่แฟนทำได้หมด โอ้ยฉันยิ่งรักเขาเต็มหัวใจเพราะถ้าขนาดหมาเขายังทำได้ แล้วกับลูกกับเมียล่ะถ้าเป็นอะไรขึ้นมาเขาก็ต้องทำได้สิ ฉันคิดแบบนี้นะ
ช่วงที่ฝึกงานเราทั้งคู่ห่างกันมากไม่ได้เจอหน้ากันเลยตลอดสามเดือน เราคิดถึงกันมากๆ เวลาโทรคุยกันฉันนี่ร้องไห้กะเขาทุกที เขาก็จะคอยปลอบโยน ปลอบใจจนฉันรู้สึกดี
ปีที่ 6 ของเรา
พอฉันเรียนจบ ฉันก็เริ่มมาทำงานที่รพ.สต แถวบ้าน (อ่อลืมบอกฉันกับแฟนเป็นคนจังหวัดเดียวกันนะคะ พอดีเรื่องมันยาวบางทีไม่ได้ลงรายละเอียดมาก ขอโทดด้วยนะคะ) เงินเดือนแบบต่ำต้อยมากเพราะเขาไม่มีเงินจ้างใช้งบ อบต. ฉันทนทำได้อยู่ 2 เดือน เพราะฉันอยากเจอหน้าแฟนบ่อยๆ แต่สุดท้ายทนไม่ไหวจริงๆ ฉันจึงไปทำงานที่กทม. เป็นศูนย์แพทย์เอกชนแห่งหนึ่ง ไปวันแรกเหงามากๆก็โทรคุยกับแฟนร้องไห้ด้วยกันอีกแล้วเพราะคิดถึงกัน จนสุดท้ายแฟนทนไม่ไหวจึงมาหางานทำและเช่าห้องอยู่ด้วยกันที่กทม. เรามาแบบเสื่อผืนหมอนใบจริงๆนะ มาแบบไม่มีอะไรเลยมีแต่ห้องว่างเปล่าๆ เราทั้งคู่ค่อยๆสร้างไปด้วยกัน ค่อยซื้อตู้เย็น ทีวีมือสองมาใช้ จานดาวเทียมไม่มี ก็ใช้หนวดกุ้งกันไป ซื้อกระทะไฟฟ้าทำกับข้าว จนเริ่มมีของเต็มห้อง ส่วนเงินทองก็มีมากขึ้น ถือว่าอยู่ในระดับที่สบายมากๆๆ เราอยู่กันด้วยความเข้าใจ รักกัน ห่วงใยกัน ตัวติดกันตลอด อยู่ด้วยกันมาได้ 6 - 7 เดือน อยู่ๆพี่รหัสฉันโทรมาหาฉันบอกว่ามีตำแหน่งหนูเปิดรับที่โรงพยาบาลแถวบ้านแล้วนะ จะมาไหม ฉันก็ลังเล แต่สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจกลับมาทำงานที่บ้านเพื่อหวังอนาคตหวังว่าจะได้บรรจุ เป็นข้าราชการ แต่วันที่ฉันต้องแยกกับแฟนเพื่อมาอยู่ที่บ้าน แฟนฉันมาส่งที่ท่ารถ ฉันกอดหลังแฟนน้ำตาไหลแบบไม่เคยเป็นมาก่อนมันใจหายมากๆที่รู้ว่าเราจะต้องจากกันอีกแล้ว แฟนฉันก็ร้องไห้ ร้องด้วยกันทั้งคู่ แต่ต้องตัดใจมาจริงๆเพื่ออนาคต
ปีที่ 7 ของเรา
จากนั้นเมื่อฉันมาทำงานที่บ้านแล้ว แฟนอยู่ที่กทม เขาโทรมาหาฉันทุกวัน ทุกเวลา ขนาดพี่ที่ทำงานเก่าฉันที่กทมเขาอยู่หอเดียวกับแฟน ยังชื่นชมแฟนเราว่า ขนาดฉันกลับไปอยู่บ้าน แฟนฉันก็กลับห้องตรงเวลาทุกวัน ไม่กินไม่เที่ยว อิจฉาจริงๆที่มีแฟนที่ซื่อสัตย์แบบนี้ ฉันนี่ได้ฟังยิ้มแก้มแทบปริ แม้อยู่ห่างกันแต่เราไม่เคยระแวงกันเลย เชื่อใจกันทุกครั้ง ระหว่างที่ฉันทำงานที่บ้าน แฟนก็พยายามหางานติดต่องานที่บ้านไว้บ้าง จนอีกสามเดือนต่อมาแฟนได้งานเป็นช่างยนต์ที่อยู่ในอำเภอเดียวกับบ้านฉัน ฉันและแฟนดีใจมากๆ ที่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก ทีนี้ฉันและแฟนจึงเช่าห้องอยู่ด้วยกันอีกในอำเภอ เป็นการกลับมาสร้างครอบครัวด้วยกันรอบที่สาม เรามีความสุขด้วยกันมาก
อยู่ด้วยกันได้สักสี่ห้าเดือน ต่อไปนี้คือชีวิตจริงแล้วล่ะ เมื่อเราทั้งคู่ทำงาน ต่างคนต่างเหนื่อย ฉันเริ่มขี้เกียจเก็บกวาดห้อง เริ่มขี้เกียจทำกับข้าว เริ่มไม่เอาใจใส่หรือสนใจแฟน เพราะฉันเหนื่อย ฉันอยากให้แฟนช่วยฉันทำงานบ้าง ฉันจึงบ่นๆๆๆๆ ใช้ให้แฟนซักผ้า รีดผ้า ให้ เก็บกวาดห้อง คือหน้าที่แฟน แรกๆเขาก็ทำดี หลังๆก็คงเริ่มเบื่อ เริ่มไม่อยากทำ ก็มีปากเสียงกันตลอด ทะเลาะกันด้วนเรื่องไม่เป็นเรื่อง ฉันเริ่มหน้าบูด เริ่มปล่อยตัวเอง จากน้ำหนักแปดสิบมาเป็น 95 ไม่สนใจแฟนเลย ไม่โทรหาเวลาทำงานเพราะคิดว่าอยู่ด้วยกันทุกวันเดี๋ยวก็เจอกัน มีแต่แฟนที่โทรหาฉันสม่ำเสมอ บอกรักบอกคิดถึงตลอด ทำงานให้ทุกอย่างเพื่อให้ฉันพอใจแต่ฉันก็ไม่แคร์ ฉันคิดแค่ว่าฉันกลับมาจากทำงานฉันเหนื่อย แค่นั้น เป็นแบบนี้มาประมาณเกือบหกเดือน
ปีที่ 8 ของเรา จุดไคล์แมกส์ ต่อไปนี้ฉันจะใช้ชื่อสมมุตินะคะ
จนหลังๆแฟนฉันเริ่มบอกว่าลดความอ้วนได้แล้วนะ เป็นห่วงสุขภาพนะ เริ่มบอกให้ฉันหาครีม หาอะไรมาบำรุงตัวเองบ้างแต่ฉัน ก็ไม่แคร์ไม่สนใจ เริ่มบอกว่าให้เราโทรหาบ้าง ถามเราว่าถ้าไม่มีเค้าฉันจะอยู่ได้ไหม อะไรแบบนี้ แต่คือฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร ในหัวนี่คือไม่มีความคิดว่าแฟนจะนอกใจเลย เพราะที่ผ่านมาแฟนดีๆมากๆๆ คือเรื่องอื่นอาจจะพอเชื่อนะ แต่เรื่องแฟนนอกใจเรานี่เราคิดเลยว่าเป็นไปไม่ได้จริงๆ มั่นใจสุดๆ จนผ่านไปอีกเดือน แฟนเริ่มเปลี่ยนไปติดไลน์ ติดโทรศัพท์ หวงของ ล็อครหัสต่างๆ เพื่อไม่ให้ใครดู กลับดึกมาก กลับบ้านที่ต่างอำเภอบ่อย ทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียว ฉันเริ่มสังหรณ์ในใจแต่ก็ยังไม่คิดอะไร คิดแค่ว่าเขาอาจจะเบื่อเราที่เราชอบทำหน้าบูดเป็นตูดก็ได้