แชร์ประสบการณ์การเปิดโรงเรียนกวดวิชา/สอนภาษา+การขอจดทะเบียน

พอดีเรายังเห็นกระทู้ที่มีคนถามเกี่ยวกับการจดทะเบียนโรงเรียนกวดวิชา/สอนภาษาอยู่ วันนี้ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์ของตัวเราเองนะคะ (รร.ของเราพึ่งจดผ่านมาเมื่อช่วงต้นปีค่ะ) สำหรับคนที่ต้องการลู่ทางว่าควรเริ่มจากไหน ใช้งบประมาณเรื่องอะไรบ้างนะคะ หรือพร้อมแค่ไหนที่จะขอจดทะเบียนค่า ^^

ขอแนะนำตัวนิดนึงนะคะ เราเป็นอาจารย์ประจำที่มหาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งการเปิดโรงเรียนนี้ก็เป็นเหมือนงานพาร์ทไทม์ แต่เราก็คิดว่าเปิดทั้งทีก็ต้องเปิดให้ถูกกฎหมายสิ อีกอย่างคนรู้จักสองคนเคยโดนสั่งปิดเพราะเรื่องนี้ค่ะ จริงๆแพลนที่อยากเปิดโรงเรียนสอนภาษาเป็นของตัวเองเนี่ยก็มีมาตั้งแต่ม.ปลายแล้ว เพราะช่วงนั้นก็เริ่มรับสอนพิเศษเด็กเล็กๆแล้วค่ะ ก็เลยศึกษาหาข้อมูลมาค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว แต่ก็ล้มเลิกไปพักหนึ่งเพราะต้องไปเรียนต่อโทค่ะ พอกลับมาเป็นอาจารย์รับสอนพิเศษข้างนอกบ้างอะไรบ้าง ก็เลยคิดที่จะสานต่อความฝันตัวเองค่ะ (เว่อร์นิดๆ ^^)

3 ปีที่แล้วที่ตอนที่เริ่มจริงจัง ก็เริ่มหาที่ทางค่ะ เราไปได้ตึกแถวเก่าๆหน่อยแต่อยู่ใกล้ชุมชนค่ะ พอดีเจ้าของมีปัญหาเรื่องเงินที่บ้านก็เลยตัดสินใจซื้อ เพราะได้ราคาถูกค่ะ ตอนนั้นพวกเอกสารที่เคยขอจากกระทรวงมาก็เอามานั่งอ่านใหม่ค่ะ กะว่าไม่พลาดแน่นอน ซึ่งตอนนั้นที่เรารู้อยู่แล้วก็คือ ต้องมีพื้นที่ใช้สอย 100 ตร.ม. ต้องมีห้องพักครู ห้องน้ำแยกหญิงชาย ห้องเรียนหลักซึ่งมีพื้นที่อย่างต่ำ 24 ตร.ม.(หน้ากว้างอย่างต่ำ4ม.) บันไดหนีไฟ (ถ้าอาคารมี 3ชั้นขึ้นไป) มีอุปกรณ์ดับเพลิง ไฟฉุกเฉิน และวิศวกรเซ็นรับรองโครงสร้างค่ะ อันนี้พูดถึงเฉพาะสถานที่ก่อนนะคะ เพื่อป้องกันความผิดพลาดเพิ่มเติม เราโทรหากระทรวงค่ะ ถามว่าระเบียบการเป็นยังไง อาคารสถานที่ต้องเป็นแบบไหน ซึ่งแน่นอน คำตอบที่ได้มาก็ตามที่เรารู้อยู่แล้วค่ะ แล้วเขาก็บอกว่า ทำอาคารเสร็จก็มาเริ่มยื่นเรื่องได้เลย เราก็โอเคเลย อ่อ ลืมบอกค่ะ เราเคยยื่นแล้วรอบนึงหลังจบป.ตรี แต่ตอนนั้นใช้บ้านที่เป็นที่อยู่สอนด้วยเลยไม่ได้ค่ะ (แค่อยากลองค่ะ :p)

หลังจากนั้น เราก็เรียกช่างมาดูค่ะปรากฎว่าบ้านโทรมมาก บันไดไม่ได้ระดับ หลังคา/ผนังรั่วซึม งานใหญ่เลย แต่ทำยังไงได้ ซื้อแล้วนี่นา ก็ให้ช่างเริ่มลุยเลยค่ะ เพดานฝ้า ผนัง พื้น เจาะทำใหม่หมด ใช้เวลายาวนานค่ะ แต่เราไม่ได้รีบอะไร เพราะติดสอนด้วยค่ะ ที่บ้านก็มาช่วยคุมให้ เสร็จเรียบร้อยก็เรียกเขามาติดแอร์ค่ะ ทั้งหมด 7 ห้อง แต่ติดแค่ 4 ห้องก่อนเพราะงบบานปลายค่ะ --"ร้องไห้เหยียบ7หลักเลยทีเดียว เงินเก็บหมดตัวเลยค่ะ) ตอนนั้นก็เริ่มสั่งซื้อโต๊ะเรียน เก้าอี้มาบ้าง เรียกวิศวกรที่รู้จักมาดู แล้วก็คิดว่า เหลือแค่ตกแต่งและ มานั่งทำเอกสารยื่นกระทรวงดีกว่า

ส่วนของเอกสารเนี่ยค่อนข้างเยอะทีเดียว อันดับแรกต้องมีครูใหญ่ค่ะ ซึ่งต้องเป็นครูที่มีประสบการณ์การสอนอย่างต่ำ 3 ปีและปัจจุบันไม่มีงานประจำ เพราะวันที่ทางกระทรวงมาตรวจรร. ครูใหญ่ต้องอยู่ที่นั่นด้วยค่ะ เอกสารที่ใช้ก็จะเป็นพวกวุฒิครู ใบผ่านงาน สัญญาจ้าง และรูปถ่าย ประมาณนี้ค่ะ ต่อมาก็จะต้องมีรายชื่อครูซึ่งต้องมีวุฒิอย่างต่ำปริญญาตรีที่เกี่ยวข้องกับวิชาที่สอน ต้องมีใบจบกับสัญญาเช่นกันค่ะ ส่วนจำนวนครูผู้สอนก็ควรสอดคล้องกับจำนวนห้องที่มีค่ะ ต่อมาก็รายละเอียดเกี่ยวกับเจ้าของโรงเรียน รายละเอียดของรร. และส่วนที่ยากสุดสำหรับเรานะคะ คือหลักสูตรค่ะ จริงๆเรามีรุ่นพี่ที่เคยขอจดแล้วผ่านเอาหลักสูตรมาให้ดูนะคะ แต่เราไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าใช้หนังสือของกระทรวงได้รึป่าวหรือต้องจัดหลักสูตรขึ้นเองใหม่หมด เราก็เลยโทรถามค่ะ

พอโทรไปถามถึงเอกสารที่ต้องใช้ ก็รู้เลยค่ะว่า งานเข้าแล้ว ทางกระทรวงบอกว่ากฎหมายเปลี่ยนแล้วนะ เปลี่ยนประมาณสองเดือนก่อนเราตกแต่งอาคารเสร็จค่ะ ซึ่งคือจะไม่มีการใช้แค่วิศวกรรับรองแล้ว แต่จะต้องมีใบอนุญาตการใช้อาคารเพื่อการศึกษาแนบมากับเอกสารอื่นๆด้วย เราก็ถามเค้าว่าขอยังไง เค้าก็บอกว่าให้ติดต่อฝ่ายโยธากทม.ที่ดินแดง2 เราก็เลยโทรไปค่ะ ทางนั้นบอกว่าถ้าอาคารไม่เกิน 6หรือ7ชั้น (ไม่ค่อยแน่ใจนะคะ) ให้ติดต่อกับฝ่ายโยธาของเขตที่เราอยู่ค่ะ

คำถามแรกที่เราได้รับหลังจากโทรไปคือ ทำโรงเรียนสอนพิเศษใครเค้าขอกัน เราก็อ่าว ก็เพิ่งถามกระทรวงมาค่ะว่าต้องใช้ เค้าก็ถามว่าเป็นอาคารแบบไหน เราก็บอกไป เค้าก็บอกกลับมาว่าทำไม่ได้ แล้วก็วางสายไป เราก็วืดเลยค่ะ แบบตอนแรกคิดว่าน่าจะขอได้ล่ะ บอกมาคำเดียวนี่จบเลยค่ะ เราโทรกลับไปทางฝั่งดินแดงอีกรอบนึง ว่ามันต้องมีกฎอะไรบ้าง ทางนั้นก็พูดมาแล้วก็บอกว่าทำได้ค่ะ เราก็งงโทรกลับไปที่เขตบอกว่าทางกทม.พูดว่าทำได้ เขตเลยบอกว่า งั้นเดี๋ยวไปดูที่อาคาร เราก็โอเคค่ะ

เดี๋ยวกลับมาต่อนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่