ป๋าเปลวสีเงินขียนดี ติงสรยุทธ์เสนอความข้างเดียว-ขอสังคมไทยเลิก "ถนิมสร้อย"

ขอตัดความมาเฉพาะพูดถึงประเด็นน้องก้อย-โค้ชเชนะครับ

http://www.thaipost.net/news/170714/93242
ถ้าไม่ดัด 'ปฏิวัติสังคม' ก็เหลว


สังคมไทยเป็น "สังคมถนิมสร้อย" เชื่อง่าย-หลอกง่าย, รักง่าย-ชังง่าย, เมตตาสงสารง่าย เท่ากับยามเกลียดก็เกลียดง่าย ดูเหมือนเข้มแข็ง แต่ที่แท้เปราะมาก "ไม่มีไส้-ไม่มีราก" เลื่อนไหลไปตามกระแส

    ดังนั้น "โลกออนไลน์" จึงถูกจริตสังคมไทย เพราะทั้งต้นทาง-ปลายทาง ใช้อินเทอร์เน็ตด้วย "มาตรฐานจริต" ตรงกัน!

    อย่างเรื่องนักกีฬาเทควันโด ที่เป็นข่าวตอนนี้ สะท้อนถึง "สังคมถนิมสร้อย" ได้ดีที่สุด นักกีฬาออกมาบอกว่า ถูกโค้ชซ้อม    พ่อแม่นักกีฬา ก็ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม ใช้ความรักลูก แทรกเข้ามาเป็นบุคคลที่ ๓  ทำเหมือนผู้ปกครองเด็กนักเรียน ไปโรงเรียนถูกครูทำโทษ ก็ไปโวยวาย ฟ้องร้อง หาว่าครูทำร้าย ทำทารุณลูก

    ผมเป็นเด็กวัด พระกระชากจากน่องถึงแก้มก้นด้วยกิ่งสนหน้าวัดจนเลือดซิบ หนีกลับไปบ้าน แม่ถาม..กลับมาทำไม...กลับเพราะพระตี แทนที่แม่จะโกรธพระ แล้วโอ๋ผมซึ่งเป็นลูก    แม่กลับคว้าไม้เรียวข้างฝาหวดอากาศเฟี้ยวๆ....เดี๋ยวแม่ตีซ้ำเลย รีบกลับไปวัดเดี๋ยวนี้ ไม่เอาถ่านละซี พระถึงตี!?

    กรณีโค้ชเชกับนักกีฬาเทควันโดที่เป็นข่าวนี่ก็ประมาณนั้น ตั้งแต่เกิดเรื่อง ได้ยินแต่ฝ่ายนักกีฬาให้ข่าวฝ่ายเดียว ยิ่งเย็นวาน ออกรายการคุณสรยุทธ ช่อง ๓
     เธอเป็นนักกีฬาหญิง เล่าถึงเหตุการณ์ที่ว่าโค้ชเชซ้อมเป็นตุ-เป็นตะ สารัตถะแห่งการที่ว่า "ซ้อม" นั้น ความหนักเบา และเนื้อหาเจตนามันอยู่ตรงไหน แค่ไหน    น่าเสียดาย.....!

    ประเด็นที่มี ๒ ด้านเช่นนี้ คุณสรยุทธนำแต่ตัวนักกีฬามาพูดฝ่ายเดียว โดยไม่รอให้โค้ชเช หรือใครที่รู้เห็น หรือได้สอบถามเรื่องราวกับโค้ชเชแล้ว และเป็นผู้ใหญ่ในสมาคม ได้ออกมาพูดในรายการพร้อมๆ กันด้วย

    ถ้าจะบอกว่า...เป็นการให้ความเป็นธรรมกับนักกีฬา  การพูดข้างเดียว มันเกิดความเป็นธรรมได้หรือ?
    และอีกอย่าง "ความเป็นธรรม" มีให้เฉพาะนักกีฬา  เฉพาะคนไทย ไม่มีให้กับโค้ชผู้ฝึกสอน ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติเช่นนั้นหรือ?
    
ครูตีนักเรียน, โค้ชตบตี-ดุด่านักกีฬา ถ้ามีเรื่องราวขึ้น  สิ่งแรกที่สังคมภายนอกควรทำคือ    ทำใจกลางๆ อย่าถนิมสร้อย แล้วรอฟังการไต่สวนทวนความ "ทั้ง ๒ ด้าน" ก่อนสรุปเป็น "ความเห็นชี้ขาด"!

    ยิ่งคนเป็นผู้ปกครอง คนเป็นพ่อ-แม่ ต้องเข้าใจว่า เมื่อฝากตัวเป็นศิษย์เขา ผู้ฝึกสอน-ครู ก็คือพ่อแม่คนที่สอง    รักลูก-ห่วงลูก ก็เข้าใจอยู่ แต่ก็ควรทำความเข้าใจในภาษิตที่ว่า "รักวัวให้ผูก-รักลูกให้ตี" ด้วย  การผลีผลามก้าวข้ามเส้นแบ่งเอาความเป็นพ่อแม่ที่บ้าน ไปตีโพยตีพาย ตำหนิติติงพ่อแม่ที่สองในสถานที่ฝึกสอน
    ผิด-ถูกเรื่องหนึ่ง แต่สมควรทำมั้ย...ตอบได้ว่า "ไม่สมควร?"

    โค้ชเช ซึ่งเป็นชาวเกาหลีใต้นั้น ผมเข้าใจธรรมชาติการฝึกคนระบบเกาหลีดี จะพูดว่าดีมากก็ไม่ถือว่าโม้ เพราะสมัยก่อนโน้น ผมเที่ยวกรุงโซลช่ำชองกว่าเที่ยวกรุงเทพฯ ซะอีก    ผมเห็นพ่อ-แม่คนเกาหลี ฝึกลูก-สอนลูก เห็นแรกๆ นึกว่านี่มันสอนลูก หรือจะฆ่าลูก นักกีฬาทุกคน ที่ผมพอสัมผัสบ้าง เป็นพวกฟุตบอล เห็นเขาฝึก ถ้าไม่บอกว่านี่คือการฝึก    ก็ต้องบอกว่า...นี่คือค่ายดัดสันดาน!
    เฮียบ-โหด-ระเบียบ-วินัย-เข้มแข็ง-อดทน ชนิด "ชนกับแรด" ได้สบาย!

    เพราะเฮียบ-โหด-ระเบียบ-วินัย ไม่ถนิมสร้อยอย่างคนไทยนี่แหละ แค่ ๓๐ กว่าปี ให้หลัง....    เกาหลีที่เคยทำเป็นแค่ก๊อบปี้สินค้าเสื้อผ้า-กระเป๋าแบรนด์เนมขาย มือถือซัมซุง-รถยนต์-บันไดเลื่อนตามห้าง ยังทำไม่เป็น     สินค้าขึ้นหน้า-ขึ้นตา คือ...กินโสม-โลมกิเซ็ง!    วันนี้ ด้วย เฮียบ-โหด-ระเบียบ-วินัย อย่าว่าแค่ซัมซุงเคี้ยวแอปเปิลเลย เทคโนโลยีไปโลกพระอังคาร ฝรั่งทำได้  ญี่ปุ่นทำได้ เกาหลีก็ทำได้
    จากยากจนมิตรประเทศต้องเรี่ยไรเจือจุน วันนี้เกาหลีใต้ "เป็นเจ้าหนี้" สหรัฐอเมริกา!

    เกาหลีเขา "สร้างชาติ-สร้างคน" ด้วยเฮียบในระเบียบ-วินัยถึงขั้นโหด ไม่ถนิมสร้อย ไม่มีนักกีฬา-นักเรียน ไปฟ้องแม่จ๊ะ-แม่จ๋าโค้ชซ้อม-ครูซ้อม    เพราะแบบนั้น ไม่ถึงครึ่งศตวรรษ เกาหลีจากเศษซากสังคมหลังสงคราม เรียกว่า ไม่มีอะไรเทียบไทยได้เลย     วันนี้ กลับสามารถทะยานยืนกระแทกไหล่ประเทศที่ว่าพัฒนาขีดสุดแล้วอย่างสหรัฐ-ยุโรป-ญี่ปุ่นได้ แถมคนเกาหลีรุ่นใหม่ เมื่อพูดถึงไทย เขาถามว่า...
    "ขี่ช้างไปไหน-มาไหนใช่มั้ย?"

    ๓๐ กว่าปีที่แล้ว นักฟุตบอลเกาหลี ต้องอ้อนวอนขอมาเตะกับไทยเป็นการหาประสบการณ์     แต่ ณ พ.ศ.นี้ เกาหลีไปแข่งบอลโลกแล้ว ไทยยังแยกไม่ออกกีฬาฟุตบอลกับการพนัน-การเมือง นักฟุตบอลกับดารา ถ้าไปขอเตะกับเขาวันนี้ เกาหลีคงหัวเราะ    ถ้าไทยหวังปฏิรูปให้ทันโลก ต้องเลิกเป็น "สังคมถนิมสร้อย"!

    ไม่เอาระเบียบ-ไม่เอาวินัย ซ่อนความไม่อดทน ไม่สู้โลก ไม่สู้ปัญหา ไว้ในการแสดงออก "รักไม่มีเหตุผล-สงสารไม่มีเหตุผล-เกลียดไม่มีเหตุผล-โกรธไม่มีเหตุผล"     หลายๆ อย่าง มองฉาบฉวย "ดูเหมือนดี"!    แต่ที่แท้ ไทยเป็นสังคมอ่อนแอ เปราะบาง เอาทุกข์ตัวเองเป็นปัญหาชาติให้สังคมรวมต้องแบก-ต้องแก้ตลอดกาล  โดยตัวเองไม่ยอมเอาบ่าแบกล้อแล้วเฆี่ยนควายให้เดิน

    สรุปทุกอย่างด้วย "คิดเอา-นึกเอา" อะไรที่ตรงจริต-ตรงใจ ก็ว่าดี-ก็ว่าใช่ อะไรที่ไม่ตรง ก็โวยวาย โดยไม่ยึด "ประโยชน์สังคมรวม" เป็นตัวตั้ง    คำว่าเหตุและผล, อดทน-เสียสละ, ยึดระเบียบ-วินัยเพื่อสังคมรวม เป็นภาษาไทย "วลีท้ายๆ" ที่คนไทยคิดจะศึกษา

    
ประเทศไม่มีตัวตนให้ปฏิรูป ถ้าต้องการเห็น "สิ่งดีกว่าปัจจุบัน" ในอนาคต ต้องปฏิรูปที่คน!


*********************************************


หวาย..พี่พันเซ็นเซอร์คำว่า HEAB ง่ะ ต้องแก้ ตัดไม้โทออกครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่