ในมุมมองของผม เรื่องราวระหว่างโค้ชเชและน้องก้อยผมว่าก็เปรียบเสมือนกีฬาเทควนโดนั้นแหละครับ
(ผมไม่ทราบว่าที่น้องก้อยออกมาในสัมภาษณ์นั้นจริงเท็จประการใดนะครับ)
แต่อยากจะฝากถึงทั้งสองคนครับ
ในกีฬานั้นย่อมมีผู้ตัดสิน และผู้ตัดสินก็ย่อมต้องตัดสินไปตามดุลพินิจตามที่ได้รู้ได้เห็นในขณะนั้น
บางครั้ง.....ผู้ตัดสินก็ตัดสินให้เราฟาล์วทั้งๆที่เราไม่ผิด
แต่ เราก็ต้องยอมรับในผลการตัดสินนั้น
แน่นอนครับว่าโต้แย้งกันได้ แต่มันก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการ
บางครั้ง.....เราอาจจะถูกคู่ต่อสู้เล่นนอกเกมส์ เล่นตุกติก ล้มแล้วเหยียบซ้ำบ้าง ศอกบ้าง เข่าบ้าง
เราก็ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ ควบคุมตนเองให้อยู่ในเกมส์การแข่งขันต่อไป
เราอาจจะโดนคู่ต่อสู้เตะจนล้มซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่เราก็ต้องลุกขึ้นมาให้ได้
แม้จะโดนหนักขนาดไหนก็ต้องแข่งต่อสู้ต่อ
และสำหรับนักกีฬานั้น
ไม่มีความพ่ายแพ้ครั้งไหนที่มันจะน่าผิดหวังไปกว่า แพ้เพราะความผิดพลาดของเราเอง
ผมอยากให้ปัญหานี้จบลงด้วยดีครับ
เชื่อว่าทั้งโค้ชเช น้องก้อยและนักกีฬาทีมชาติทุกคนมีสิ่งทีเหมือนกัน คือ "สปิริตของนักกีฬา"
และทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ครับ
ฝากถึงโค้ชเช และน้องก้อย
(ผมไม่ทราบว่าที่น้องก้อยออกมาในสัมภาษณ์นั้นจริงเท็จประการใดนะครับ)
แต่อยากจะฝากถึงทั้งสองคนครับ
ในกีฬานั้นย่อมมีผู้ตัดสิน และผู้ตัดสินก็ย่อมต้องตัดสินไปตามดุลพินิจตามที่ได้รู้ได้เห็นในขณะนั้น
บางครั้ง.....ผู้ตัดสินก็ตัดสินให้เราฟาล์วทั้งๆที่เราไม่ผิด
แต่ เราก็ต้องยอมรับในผลการตัดสินนั้น
แน่นอนครับว่าโต้แย้งกันได้ แต่มันก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการ
บางครั้ง.....เราอาจจะถูกคู่ต่อสู้เล่นนอกเกมส์ เล่นตุกติก ล้มแล้วเหยียบซ้ำบ้าง ศอกบ้าง เข่าบ้าง
เราก็ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ ควบคุมตนเองให้อยู่ในเกมส์การแข่งขันต่อไป
เราอาจจะโดนคู่ต่อสู้เตะจนล้มซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่เราก็ต้องลุกขึ้นมาให้ได้
แม้จะโดนหนักขนาดไหนก็ต้องแข่งต่อสู้ต่อ
และสำหรับนักกีฬานั้น
ไม่มีความพ่ายแพ้ครั้งไหนที่มันจะน่าผิดหวังไปกว่า แพ้เพราะความผิดพลาดของเราเอง
ผมอยากให้ปัญหานี้จบลงด้วยดีครับ
เชื่อว่าทั้งโค้ชเช น้องก้อยและนักกีฬาทีมชาติทุกคนมีสิ่งทีเหมือนกัน คือ "สปิริตของนักกีฬา"
และทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ครับ