กรณีCoach เชยองซุก มุมมองนักกีฬาทีมชาติที่ประสบความสำเร็จต่อกรณีเหตุการณ์ครั้งนี้

พอดีผมได้ติดตามข่าวโค๊ชเชยองซุก ที่มีนักกีฬาแจ้งว่าโค๊ชได้ทำร้ายร่างกายและจะเอาเรื่องโค๊ช จนบานปลายซึ่งอาจถึงการที่ทางโค๊ชอาจหยุดการรับใช้ประเทศไทย. ผมมีโอกาสเห็นใน facebook นักกีฬาทีมชาติไทยที่ประสบความสำเร็จ และเคยซ้อมกับโค๊ชได้ออกความคิดเห็น มุมมองส่วนตัว จึงขอนำมาแชร์ทุกคน แต่ขอแจ้งเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้นน.  เม่าเนิร์ด  1. น้องเล็กชนาธิป  เหรียญทองแดง โอลิมปิก ลอนดอน. -----จากเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่ง ฝีมือก็ไม่ดีสักเท่าไหร่ เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กที่มาคัดด้วยกันตอนนั้นเราเองฝีมือก็ไม่เก่ง แต่โค้ชคนนี้กลับให้โอกาส ซึ้งน้อยคนจะได้รับคือการเป็นตัวแทนทีมชาติไทย หลังจากนั้นเราเองก็ได้รับการฝึกสอนและพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ นักกีฬาทุกคนที่เคยซ้อมกับโค้ชเชจะรู้ว่าโค้ชมีความตั้งใจและทุ่มเทให้กับนักกีฬามากแค่ไหน ตลอดระยะการทำงานของโค้ช สร้างผลงานต่างๆมากมายให้กับประเทศไทย ในขณะที่เค้าเป็นคนเกาหลี...หากวันนึงต้องเสียโค้ชดีๆแบบนี้ไป..ตอนนี้คุณอาจจะยังไม่รู้สึกอะไร แต่สำหรับเล็กและและนักกีฬาหลายๆคนที่เข้าใจโค้ชจะเสียใจมาก ถ้าหากโค้ชตัดสินใจไม่กลับมาคุมทีมต่อ..ไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น แต่ขอภาวนาให้โค้ชกลับมาค่ะ..พวกเราพร้อมจะเคียงข้างโค้ชเสมอ..    เม่านักช้อป 2. น้องวิวเยาวภา เหรียญทองแดงประวัติศาสตร์โอลิกปิก กริซ ----โค้ชเช มาประเทศไทยครั้งแรกปี 2002 ครั้งแรกที่ได้เจอโค้ช คือแมทช์ เทควันโดชิงแชมป์ประเทศไทย โค้ชมานั่งดูการแข่งขัน แล้วก็มีคนมาแนะนำว่านี่เป็นโค้ชเกาหลีคนใหม่ ที่จะมาดูแลนักกีฬาแข่งขันเอเชียนเกมส์ ที่ปูซาน เกาหลีใต้ ตอนนั้นรู้สึกตื่นเต้น โค้ชก็ยิ้มให้ เราก็สวัสดีโค้ช แล้วนึกยังไงไม่รู้ ภาษาอังกฤษก็ไม่แข็งแรง อยู่ๆก็พูดออกไปว่า i want to be national player โค้ชก็ยิ้มๆแล้วก็พยักหน้าให้ ในที่สุดหลังจากได้เหรียญทองในรายการนั้น ก็ทำให้มีชื่อของ เยาวภา บุรพลชัย อยู่ในรายชื่อของนักกีฬาที่เข้าร่วมเก็บตัวฝึกซ้อมสำหรับเอเชี่ยนเกมส์

การฝึกซ้อมในช่วงแรกที่โค้ชเชเข้ามาคุม นักกีฬากับโค้ชยังไม่ค่อยเข้าใจกันเท่าไหร่ โค้ชยังพูดภาษาไทยไม่ได้ และเวลาซ้อมนักกีฬายังทำไม่ค่อยได้ตามที่โค้ชต้องการ ทั้งเรื่องระเบียบวินัย และเทคนิคการเตะ แต่โค้ชก็จะมีวิธีการต่างๆนานา ที่จะดึงศักยภาพของเราออกมา กดดันเรา กระตุ้นเรา ดุด่าเรา ปลุกใจเรา ให้กำลังใจเรา หรือแม้แต่ลงโทษเรา ทำให้เราต้องเจ็บทั้งตัวและหัวใจ

ยอมรับนะคะเวลาฝึกซ้อมโค้ชลงโทษหนักจริงๆ การฝึกซ้อมก็หนัก การร้องไห้ตอนซ้อมเป็นเรื่องปกติ บอกอย่างไม่อายนะคะ น้ำตากับเหงื่อมันปนกัน จนแยกไม่ออก เวลาที่เล่นไม่ถูกใจ เนือย เอื่อย โค้ชก็เรียกมาเข้าคู่ค่ะ ใส่อุปกรณ์ป้องกัน ไม่ใส่บ้าง เรียกมาเตะ จริงเค้าก็ให้โอกาสเราสู้นะคะ แต่แรกๆค่ะสู้ไม่ได้เลย แรงน้อยกว่า ช้ากว่า เตี้ยกว่า ยิ่งเตะกับโค้ชเตะไปเค้าก็หลบได้ แรงหมด พอยิ่งทำท่าหมดแรง โค้ชก็ยิ่งเตะ เตะจริงๆนะคะ ไม่ได้ยั้ง เคยโดนเตะ ปากแตก เลือดกำเดาไหล ตาปิดไปข้างนึง หน้าบวม โดนเตะท้องลงไปชักดิ้นชักงอ ก็บ่อย วิวซ้อมแบบนี้กับโค้ชทุกวันนะคะ เพราะเค้าเรียกทุกวัน ร้องไห้ทุกวัน ร้องในสนาม ร้องไห้ในห้องน้ำ เวลาซ้อมไม่คำว่าผู้หญิงผู้ชายนะคะ ทุกคนเท่ากันหมด ยอมรับนะคะ ในใจลึกๆโกรธโค้ช ว่าต้องทำถึงขนาดนี้ บางครั้งไม่ได้ดั่งใจใช้ไม้ตีแรงๆหลายๆที แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้วยวิธีการนี้ โค้ชทำให้นักกีฬาอย่างวิว ที่ไม่มีพรสวรรค์อะไร เวลาแข่งขันมีแต่ความบ้าใช้พลัง ในเวลาไม่กี่เดือน โค้ชทำให้วิว ได้เหรียญในเอเชี่ยนเกมส์ และ สร้างชื่อให้กับประเทศชาติอย่างต่อเนื่องในรายการต่างๆ จนกระทั่งเหรียญประวัติศาสตร์ในโอลิมปิกเกมส์ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะ "ความศรัทธา" และ "ความเชื่อ" ลูกศิษย์เชื่อในตัวโค้ช โค้ชเชื่อในตัวนักกีฬา บวกกับความทุ่มเท พยายาม จึงเกิดความสำเร็จขึ้นมาได้ โค้ชทำให้สิ่งที่คนอื่นคิดว่า "ทำยาก" เป็นสิ่งที่ "ทำได้"

อยากให้สังคมมองหลายๆมุมนะคะ ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ใคร เพราะแต่ละคนความคิดก็แตกต่างกันไป แต่อยากให้วิพากษ์กันด้วยสติ อย่าใช้คำที่รุนแรง
อยากให้ทุกอย่างจบลง ด้วยผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้งค่ะโค้ชเชพูดอยู่ตลอดนะคะว่า ความฝันสูงสุดของโค้ช คือ "คนไทยได้เหรียญทองโอลิมปิก"
อยากให้โค้ชอยู่ทำความฝันให้เป็นจริง และเมื่อวันนั้นมาถึง เราคนไทยทุกคนจะได้มีความสุขพร้อมกันทั้งประเทศ
พาพันรีบฝุดๆ3. น้องจิ๊บ ชนภัทร เหรียญเงินเอเชี่ยนเกมส์ และแชมป์ซีเเกมส์หลายสมัย ---

1.เรื่องความรุนแรง อันนี้เข้าใจได้ ว่ามันอาจจะรุนแรงเกินไปสำหรับบางคน

2.ตามเหตุการณ์ที่น้องเล่าในข่าว ว่าโค้ชไทยสื่อสารให้รอ เดี๋ยวจะมาเรียก ยังไม่ถึงคู่ที่น้องจะแข่ง.. คำถามเกิด น้องอายุเท่าไหร่ น้องแข่งมากี่แมทช์ น้องเป็นนักกีฬาทีมชาติรึป่าว คำว่าทีมชาติก็เหมือนกับคำว่า "Professional หรือ มืออาชีพ" ไม่ใช่เล่นกรมพละหรือกีฬานักเรียน ต้องคอยดู คอยฟัง คอยตามว่าใกล้จะถึงคู่เรารึยัง ต้องวางแผนว่าควรจะต้องวอร์มก่อนคู่ตัวเองกี่คู่ แล้วจะใส่อุปกรณ์ตอนไหนยังไง ทุกอย่างต้องเตรียมพร้อม เราแข่ง ไม่ใช่โค้ชแข่ง มันคือความรับผิดชอบของเราเอง นักกีฬามีตั้งกี่คน จะให้โค้ช2-3คนมาดูแลทั่วถึงได้ยังไง ถ้ายังเป็นมืออาชีพไม่ได้ ก็ลาวงการไปจะดีกว่า แต่อย่าโทษใครเลย..

3.ขอแนะนำน้องๆรุ่นใหม่ ทุกครั้งเวลาแพ้เรามักจะโทษสิ่งรอบข้าง เช่นกรรมการโกง กรรมการไม่กดให้ โน่นนี่นั่น ไม่เถียง ว่ากรรมการมีส่วนในผลแพ้ชนะ แต่ทำไมเราไม่มองดูตัวเองก่อน ว่าเราผิดพลาดตรงไหน เราอาจจะเตะไม่ขาด ไม่ชัดเจนพอ ทำให้กรรมการเข้าข้างอีกฝ่ายได้ มองกลับกัน ถ้าเราเตะชัดเจน หนักหน่วง เค้าจะมาโกงกันง่ายๆได้ยังไง แล้วการที่เรามองข้อผิดพลาดตัวเองก่อน มันจะทำให้เราพัฒนาขึ้น เราจะพยายาม เราจะแก้ไข แล้วสิ่งที่ตามมาคือความสำเร็จ แต่ถ้าเรามัวแต่โทษคนอื่น เราก็จะย่ำอยู่ที่เดิม ในขณะที่คนอื่นแซงเราไป และสิ่งที่ตามมา คือความล้มเหลว..

4.การเป็นนักกีฬาเทควันโดทีมชาติ ไม่ใช่แค่เตะเก่ง แต่ต้องฉลาด ต้องรับผิดชอบ ต้องมีวินัย ถ้าทำไม่ได้ ก็แสดงว่ายังไม่ถึงเวลาของคุณ ส่วนตัวแล้วไม่ใช่สุดยอดนักกีฬา แพ้บ้างชนะบ้าง ทำผิดพลาดบ้าง แต่ตั้งแต่เริ่มติดทีมชาติมาตั้งแต่อายุ14ปี จนถึง24ปี ไม่เคยมีแมทช์ไหนลงสนามช้า ไม่เคยโดนปรับแพ้เพราะเรื่องเวลา หรือน้ำหนัก เพราะทุกครั้งที่แข่งความกระตือรือร้นต้องมี พึ่งตัวเอง รับผิดชอบตัวเอง รู้จักเวลา รู้จักสังเกตุ จริงๆมันเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ทุกคนเค้าปฏิบัติกันมาตั้งนาน ไม่เคยมีปัญหา หรือเพราะยุคสมัยเปลี่ยนไป การเลี้ยงดูแตกต่างออกไป ผลสรุปจึงเกิดเรื่องราวในวันนี้..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่