ถ้าใครกำลังกังวลกับปัญหาสะเก็ดเงินของตัวเองก็อยากขอให้ลองอ่านเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมดูนะครับ มันอาจจุดประกายอะไรบางอย่างของท่านก็เป็นได้ครับ
แน่นอนว่า ขอให้อ่านอย่างมีวิจารณญาณ สะเก็ดเงินสำหรับแต่ละคนก็มีอาการที่แตกต่างกันไป
สิ่งที่ไม่ได้ผลกับผม ก็อาจได้ผลกับท่าน สิ่งที่ได้ผลกับผม ก็อาจไม่ได้ผลกับท่านครับ
ทางออกของผม.... ไม่ได้ใช้ยา ไม่ได้เสียตังซื้ออุปกรณ์หรืออะไรใดๆเลยแม้แต่น้อย...
ทุกวันนี้ผมเหลือสะเก็ดเงินอยู่ไม่ถึง 10% แล้วครับ
................................
ผมเป็นโรคสะเก็ดเงินตั้งแต่อายุ 18 ปัจจุบันผมอายุ 31 นี่ก็ปาเข้าไป 13 ปีแล้ว ที่ต้องอยู่กับมันมา
สมัยปีแรกๆ ผมก็เหมือนทุกท่าน ลองยาทุกแขนง เม็ดเล็ก เม็ดใหญ่ ครีมขวดเล็ก ครีมขวดใหญ่ ยาแผนโบราณ คางคกผัดเผ็ด ยาหม้อ เห่อ
วายป่วง หายไปสักพักก็ดื้อยา ทั้งเจ็บ ทั้งเสียใจ ทั้งอับอาย สลับไปสลับมาหลายต่อหลายปี...
พออายุ 20 กว่า ผมก็หยุดยาทุกชนิด ใช้แค่วาสลีน สูบบุหรี่จัด กินอาหารมากมายหลายประเภทชนิดยัด- เอาจนเต็มปริทุกๆมื้อ น้ำหนักขึ้นเอาๆจนเกิน 100 กิโล
สะเก็ดเงินมันก็ประหลาดจริงๆ อยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป ไม่สามารถคาดเดาอะไรกับมันได้
กินยาหรือไม่ สำหรับผม มันไม่ต่างเลย เพราะมันมาเป้นช่วงๆ ผมไม่เข้าใจมัน...
หลังจากที่ผมมีลูกชาย.... ผมก็หยุดบุหรี่.... มันก็ยังไม่ดีขึ้น....
จนกระทั่งเมื่อเดือนเมษายน ปี 2557 ที่ผ่านมา ผมไปร่วมเข้าฝึกซ้อมศิลปะการต่อสุ้ตลอด 4 วัน วันละ 4 ชั่วโมง ระหว่างวันก็ยังเดินเที่ยวรอบโตเกียวอีก 6 ชั่วโมง
ผนวกกับอากาศที่เย็นเฉียบ ณ จุดนั้น.... ร่างกายผมเริ่มพังหนัก...สะเก็ดเงินเห่อกระจายทั่วท่อนล่าง ผิวหนัง เนื้อ ฉีก ปริ เลือดออก เดินแล้วเนื้อฉีกๆ เจ็บปวดทรมาณมาก
พอกลับมาไทย.... ปกติแผลมันก็จะหาย แล้วก็อาการดีขึ้น... ปรากฎว่าคราวนี้มันไม่หายครับ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10152034121636960
อาการหนักขึ้นๆเรื่อยๆจนกระทั่งขาบวมเป่ง ผมเข้าโรงพยาบาลตอนสิ้นเดือนเมษายนนั้นเอง
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10152036116721960
หมอให้ยาแก้อักเสบมาทานเม็ดโตบวกกับครีมยูเรีย และอะไรต่างๆมากมาย...
ไม่นานนัก ผมก็ยิ้มออก.... อาการเริ่มสงบ ที่อักเสบ ที่บวมก็ลดลง จนกลับเป็นขนาดขาปกติ
...... แต่การกระจายของเนื้อแดงก็ยังไม่ลดลง........
เมื่อยาหมด.... อาการอักเสบก็กลับมาอีกครั้ง....
แล้วคือยังไง? ผมต้องไปโรงพยาบาลอีกใช่มั้ย? ใช่ ผมกลับไป....
เมื่อได้รับยามาอีกครั้ง.... มันก็ยังไม่ลดลง.... เหมือนมันดื้อแล้ว มันไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น....
ตอนกลางคืนหลังอาบน้ำ ผมจะเจ็บปวดทรมาณ อยากจะร้องไห้ทุกๆอย่าง มันแสบ เนื้อมันปริ มันอักเสบ มันร้อน
มิถุนายน 2557
สเตฟาน....เพื่อนของผมบอกว่าผมเป็น Leaky Gut หรืออาหารลำไส้รั่ว... มันไม่ใช่อาการทางผิวหนัง มันคือการขับของเสียที่รั่วออกมาจากลำไส้ของเรา หลงเข้ามาในกระแสเลือด ร่างกายจึงขับดันมันออกมาทางผิวหนังต่างหาก...
มัน make sense สำหรับผม... เมื่อหลายเดือนก่อนผมเคยท้องเสียหนักหลายวัน... ช่วงนั้นสะเก็ดเงินหายไปจนหมดเหมือนปาฏิหารย์
หลังจากที่ผมหยุดรับประทานอาหารบางชนิดตามที่เพื่อนผมบอก ผมก็เริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้น....
เวลาผมเผลอทานอาหารบางชนิด.... ผิวมันจะคันยุกยิกๆๆๆๆ ขึ้นมาทันที
แต่ถึงกระนั้น... ผมก็ยังไม่สามารถทำตามกฎข้อบังคับ Leaky Gut ทื่สเตฟานกำชับผมได้อยู่ดี (คนอ้วน.... ให้เลิก-นี่ยากจริงๆ)
เนื้อแดง ผื่นแดง แผลเนื้อแตก สะเก็ดเงินยังไม่ยอมหายไป....
ต้นกรกฎาคม 2557
เพื่อนอีกคนแนะนำให้ทำ detox แบบ Juice Fast (อดอาหารแล้วกินแต่น้ำผักผลไม้ตลอดสามมื้อตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป)
แรงบันดาลใจมาจากสารคดี
http://www.fatsickandnearlydead.com/ ที่โด่งดัง...
ผมก็ไปซื้อเครื่องคั้นน้ำผลไม้.... นั่งทำ Juice Fast อยู่สองวัน...
สะเก็ดเงินก็ยังไม่หายไป.... มันเครียดไปหมด.... พอหมดวันที่สอง ร่างกายชำรุดหนัก ปวดหัว
วายป่วง เสียงานเสียการ
สุดท้ายก็ต้องหยุด....
และเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา....
เพื่อนผมอีกคนเห็นผมมีความพยายามมาตลอดหลายอาทิตย์
เขาก็มาแนะนำอีกวิธีที่เบาใจกว่า.... มันคือการ "งดกินแป้งขาว (ข้าว เส้น ขนมปัง)" 6 วันต่อสัปดาห์ พอวันที่ 7 ให้กินให้เต็มที่ ร่างกายจะได้เบิร์นอาหารในระดับเท่าเดิม ไม่เข้าสู่ starve mode
เมื่อก่อนผมคงเฉยๆไม่สนใจ ตั้งหน้าตั้งตาซัดเส้นหมี่มาม่าต่อไป ชีวิตกู.... ผมเป็นคนรักแป้งมาก กินแป้งอย่างหนักมาทั้งชีวิต ซัดข้าวเป็นหม้อ ซัดเส้นพาสต้าคนเดียวหมดห่อ...
แต่หลังจากความทุกข์ทรมาณมาตั้งแต่เมษายน.... ผมไม่อยากเป็นแบบนั้นอีกแล้ว....
ผมหยุดกินแป้งขาวตามที่เขาบอก....
เพียงวันเดียวเท่านั้นของการไม่กินแป้งขาวเลยตลอดทั้งวัน....
พอตื่นเช้ามา.... บาดแผลมันก็อักเสบน้อยลง....
ผมตกใจกับการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นอย่างมาก.... แต่ผมก็ยังไม่อยากจะดีใจจนออกนอกหน้า... ผมลุยต่อ.... โอเค งดแป้งใช่มั้ย ได้เลย
เวลาผมหิวแป้ง ผมจะซัดเส้นบุกแทน
นอกนั้นผมจัดหมด ทั้งไก่ย่าง สลัดผัก เนื้อๆๆๆ ผักๆๆๆๆๆ
อะไรก็ได้ที่ยัดจนเต็ม ที่ไม่ใช่แป้งขาว.....
หนึ่งอาทิตย์เท่านั้น....
สะเก็ดเงินหายวันหายคืน.... ผื่นแดงเริ่มกลับมาเป็นเนื้อปรกติตามเดิม....
น้ำหนักผมลดจาก 117 ลงมา 114.... 113.... และกำลังลดลงไปอีกเรื่อยๆ....
ณ ปัจจุบันที่ผมกำลังเขียนอยู่นี้.... สะเก็ดเงินผมไม่เจ็บอีกต่อไปแล้ว...
มันลดลงไปมากจนเหลือแค่ประมาณ 10% ของหลังจากที่กลับมาจากญี่ปุ่น...
ผมดีใจมากๆ.... จากวันนั้นที่เนื้อปริเดินแทบจะไม่ไหว... เดินแล้วเนื้อฉีกฉีกฉีก!!!!
เมื่อคืนผมลองเต้น T25 เป็นวันแรกจนจบ 25 นาทีได้สำเร็จ....
สำหรับทุกท่านที่กำลังกังวลกับเรื่องสะเก็ดเงินของตัวเอง
ผมขออวยพรให้ท่านมีกำลังใจ และลองสังเกตุตัวเอง และหาทางทำความเข้าใจในสะเก็ดเงินของท่าน
หาจุดอ่อนของมันให้เจอ...
สำหรับผม....
จุดอ่อนที่ผมเจอคือ "แป้งขาว" นี่เอง.....
ขอบคุณครับ
ณกร ศรีสมวงษ์
"สะเก็ดเงิน" ของผม
แน่นอนว่า ขอให้อ่านอย่างมีวิจารณญาณ สะเก็ดเงินสำหรับแต่ละคนก็มีอาการที่แตกต่างกันไป
สิ่งที่ไม่ได้ผลกับผม ก็อาจได้ผลกับท่าน สิ่งที่ได้ผลกับผม ก็อาจไม่ได้ผลกับท่านครับ
ทางออกของผม.... ไม่ได้ใช้ยา ไม่ได้เสียตังซื้ออุปกรณ์หรืออะไรใดๆเลยแม้แต่น้อย...
ทุกวันนี้ผมเหลือสะเก็ดเงินอยู่ไม่ถึง 10% แล้วครับ
................................
ผมเป็นโรคสะเก็ดเงินตั้งแต่อายุ 18 ปัจจุบันผมอายุ 31 นี่ก็ปาเข้าไป 13 ปีแล้ว ที่ต้องอยู่กับมันมา
สมัยปีแรกๆ ผมก็เหมือนทุกท่าน ลองยาทุกแขนง เม็ดเล็ก เม็ดใหญ่ ครีมขวดเล็ก ครีมขวดใหญ่ ยาแผนโบราณ คางคกผัดเผ็ด ยาหม้อ เห่อวายป่วง หายไปสักพักก็ดื้อยา ทั้งเจ็บ ทั้งเสียใจ ทั้งอับอาย สลับไปสลับมาหลายต่อหลายปี...
พออายุ 20 กว่า ผมก็หยุดยาทุกชนิด ใช้แค่วาสลีน สูบบุหรี่จัด กินอาหารมากมายหลายประเภทชนิดยัด- เอาจนเต็มปริทุกๆมื้อ น้ำหนักขึ้นเอาๆจนเกิน 100 กิโล
สะเก็ดเงินมันก็ประหลาดจริงๆ อยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป ไม่สามารถคาดเดาอะไรกับมันได้
กินยาหรือไม่ สำหรับผม มันไม่ต่างเลย เพราะมันมาเป้นช่วงๆ ผมไม่เข้าใจมัน...
หลังจากที่ผมมีลูกชาย.... ผมก็หยุดบุหรี่.... มันก็ยังไม่ดีขึ้น....
จนกระทั่งเมื่อเดือนเมษายน ปี 2557 ที่ผ่านมา ผมไปร่วมเข้าฝึกซ้อมศิลปะการต่อสุ้ตลอด 4 วัน วันละ 4 ชั่วโมง ระหว่างวันก็ยังเดินเที่ยวรอบโตเกียวอีก 6 ชั่วโมง
ผนวกกับอากาศที่เย็นเฉียบ ณ จุดนั้น.... ร่างกายผมเริ่มพังหนัก...สะเก็ดเงินเห่อกระจายทั่วท่อนล่าง ผิวหนัง เนื้อ ฉีก ปริ เลือดออก เดินแล้วเนื้อฉีกๆ เจ็บปวดทรมาณมาก
พอกลับมาไทย.... ปกติแผลมันก็จะหาย แล้วก็อาการดีขึ้น... ปรากฎว่าคราวนี้มันไม่หายครับ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10152034121636960
อาการหนักขึ้นๆเรื่อยๆจนกระทั่งขาบวมเป่ง ผมเข้าโรงพยาบาลตอนสิ้นเดือนเมษายนนั้นเอง
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10152036116721960
หมอให้ยาแก้อักเสบมาทานเม็ดโตบวกกับครีมยูเรีย และอะไรต่างๆมากมาย...
ไม่นานนัก ผมก็ยิ้มออก.... อาการเริ่มสงบ ที่อักเสบ ที่บวมก็ลดลง จนกลับเป็นขนาดขาปกติ
...... แต่การกระจายของเนื้อแดงก็ยังไม่ลดลง........
เมื่อยาหมด.... อาการอักเสบก็กลับมาอีกครั้ง....
แล้วคือยังไง? ผมต้องไปโรงพยาบาลอีกใช่มั้ย? ใช่ ผมกลับไป....
เมื่อได้รับยามาอีกครั้ง.... มันก็ยังไม่ลดลง.... เหมือนมันดื้อแล้ว มันไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น....
ตอนกลางคืนหลังอาบน้ำ ผมจะเจ็บปวดทรมาณ อยากจะร้องไห้ทุกๆอย่าง มันแสบ เนื้อมันปริ มันอักเสบ มันร้อน
มิถุนายน 2557
สเตฟาน....เพื่อนของผมบอกว่าผมเป็น Leaky Gut หรืออาหารลำไส้รั่ว... มันไม่ใช่อาการทางผิวหนัง มันคือการขับของเสียที่รั่วออกมาจากลำไส้ของเรา หลงเข้ามาในกระแสเลือด ร่างกายจึงขับดันมันออกมาทางผิวหนังต่างหาก...
มัน make sense สำหรับผม... เมื่อหลายเดือนก่อนผมเคยท้องเสียหนักหลายวัน... ช่วงนั้นสะเก็ดเงินหายไปจนหมดเหมือนปาฏิหารย์
หลังจากที่ผมหยุดรับประทานอาหารบางชนิดตามที่เพื่อนผมบอก ผมก็เริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้น....
เวลาผมเผลอทานอาหารบางชนิด.... ผิวมันจะคันยุกยิกๆๆๆๆ ขึ้นมาทันที
แต่ถึงกระนั้น... ผมก็ยังไม่สามารถทำตามกฎข้อบังคับ Leaky Gut ทื่สเตฟานกำชับผมได้อยู่ดี (คนอ้วน.... ให้เลิก-นี่ยากจริงๆ)
เนื้อแดง ผื่นแดง แผลเนื้อแตก สะเก็ดเงินยังไม่ยอมหายไป....
ต้นกรกฎาคม 2557
เพื่อนอีกคนแนะนำให้ทำ detox แบบ Juice Fast (อดอาหารแล้วกินแต่น้ำผักผลไม้ตลอดสามมื้อตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป)
แรงบันดาลใจมาจากสารคดี http://www.fatsickandnearlydead.com/ ที่โด่งดัง...
ผมก็ไปซื้อเครื่องคั้นน้ำผลไม้.... นั่งทำ Juice Fast อยู่สองวัน...
สะเก็ดเงินก็ยังไม่หายไป.... มันเครียดไปหมด.... พอหมดวันที่สอง ร่างกายชำรุดหนัก ปวดหัว วายป่วง เสียงานเสียการ
สุดท้ายก็ต้องหยุด....
และเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา....
เพื่อนผมอีกคนเห็นผมมีความพยายามมาตลอดหลายอาทิตย์
เขาก็มาแนะนำอีกวิธีที่เบาใจกว่า.... มันคือการ "งดกินแป้งขาว (ข้าว เส้น ขนมปัง)" 6 วันต่อสัปดาห์ พอวันที่ 7 ให้กินให้เต็มที่ ร่างกายจะได้เบิร์นอาหารในระดับเท่าเดิม ไม่เข้าสู่ starve mode
เมื่อก่อนผมคงเฉยๆไม่สนใจ ตั้งหน้าตั้งตาซัดเส้นหมี่มาม่าต่อไป ชีวิตกู.... ผมเป็นคนรักแป้งมาก กินแป้งอย่างหนักมาทั้งชีวิต ซัดข้าวเป็นหม้อ ซัดเส้นพาสต้าคนเดียวหมดห่อ...
แต่หลังจากความทุกข์ทรมาณมาตั้งแต่เมษายน.... ผมไม่อยากเป็นแบบนั้นอีกแล้ว....
ผมหยุดกินแป้งขาวตามที่เขาบอก....
เพียงวันเดียวเท่านั้นของการไม่กินแป้งขาวเลยตลอดทั้งวัน....
พอตื่นเช้ามา.... บาดแผลมันก็อักเสบน้อยลง....
ผมตกใจกับการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นอย่างมาก.... แต่ผมก็ยังไม่อยากจะดีใจจนออกนอกหน้า... ผมลุยต่อ.... โอเค งดแป้งใช่มั้ย ได้เลย
เวลาผมหิวแป้ง ผมจะซัดเส้นบุกแทน
นอกนั้นผมจัดหมด ทั้งไก่ย่าง สลัดผัก เนื้อๆๆๆ ผักๆๆๆๆๆ
อะไรก็ได้ที่ยัดจนเต็ม ที่ไม่ใช่แป้งขาว.....
หนึ่งอาทิตย์เท่านั้น....
สะเก็ดเงินหายวันหายคืน.... ผื่นแดงเริ่มกลับมาเป็นเนื้อปรกติตามเดิม....
น้ำหนักผมลดจาก 117 ลงมา 114.... 113.... และกำลังลดลงไปอีกเรื่อยๆ....
ณ ปัจจุบันที่ผมกำลังเขียนอยู่นี้.... สะเก็ดเงินผมไม่เจ็บอีกต่อไปแล้ว...
มันลดลงไปมากจนเหลือแค่ประมาณ 10% ของหลังจากที่กลับมาจากญี่ปุ่น...
ผมดีใจมากๆ.... จากวันนั้นที่เนื้อปริเดินแทบจะไม่ไหว... เดินแล้วเนื้อฉีกฉีกฉีก!!!!
เมื่อคืนผมลองเต้น T25 เป็นวันแรกจนจบ 25 นาทีได้สำเร็จ....
สำหรับทุกท่านที่กำลังกังวลกับเรื่องสะเก็ดเงินของตัวเอง
ผมขออวยพรให้ท่านมีกำลังใจ และลองสังเกตุตัวเอง และหาทางทำความเข้าใจในสะเก็ดเงินของท่าน
หาจุดอ่อนของมันให้เจอ...
สำหรับผม....
จุดอ่อนที่ผมเจอคือ "แป้งขาว" นี่เอง.....
ขอบคุณครับ
ณกร ศรีสมวงษ์