ยาวหน่อยแต่อยากเขียนความในใจก่อนอำลาทีมรักของเรา
ก่อนแข่งบรรดาแฟนแฟนพันธ์แท้หนักใจ ไปแข่งถึงบราซิลจะไหวหรือ ถึงเราจะมีนักเตะเก่งๆ แต่อาถรรพ์อเมริกาใต้มันมีมานาน อากาศก็ร้อนยังกับอยู่ในเตาอบ ไหนนักเตะหลักของเราจะฟิตไม่เต็มร้อยถึง 3 คน รอยส์ก็เกิดมาเจ็บเอานาทีสุดท้าย แฟนพันธ์แท้ได้แต่แอบหวัง กองแช่งเริ่มเฮฮา นักเตะเก่งยังไงให้นายแบบมาคุมมันไม่มีทางรอดแน่
เลิฟเป็นบุนเดสเทรนนเนอร์ที่มีทั้งคนรักคนชัง คนเคารพและหมั่นใส้ เลิฟฟื้นวงการบอลเยอรมันด้วยเกมรุกกระหน่ำจนทำให้ใครๆกลับมาเกรงเยอรมัน ทำให้ทุกคนทึ่ง แต่การที่เลิฟหน้าตาดี แต่งตัวด้วยเสื้อสลิมฟิตแนบตัว หน้าหนาวผูกผ้าพันคอเก๋ไก๋ ผมดกดำเกินอายุ ท่านั่งท่ายืนดูเท่ห์ (ไม่นับตอนกินขี้มูก) ทำให้เป็นที่จับตาของคนทั่วโลกและทำให้หลายคนหมั่นใส้
เลิฟนำทีมเยอรมันพลาดตำแหน่งในทัวร์นาเมนท์ใหญ่ถึง 3 ครั้ง โดยเฉพาะการแพ้อิตาลีในรอบรองบอลยูโรและการเสมอสวีเดน 4-4 ในรอบคัดเลือกทั้งที่เรานำก่อน 4-0 ทำให้ชื่อเสียงของเลิฟแทบติดลบ ทั้งสื่อทั้งบรรดาผู้เชียวชาญวงการฟุตบอลรวมทั้งคนที่นึกว่าตัวเองคือบุนเดสเทรนเนอร์อีกหลายล้านค้นกระหน่ำโจมตีเลิฟแบบไม่ต้องการให้มีที่ยืน แต่เดเอฟเบอยู่ข้างเลิฟ และเลิฟได้นำบทเรียนจากความผิดพลาดมาแก้ไขและพร้อมที่จะสู้เพื่อเยอรมันและเพื่อตัวเอง
ในค่ายฝึกที่แคมโป บาเฮีย เลิฟแบ่งบ้านพักนักเตะเป็น 4 หลัง แต่ละหลังให้น้ามิโร ลาห์ม ไชวนี่และแพร์เป็นพี่ใหญ่ ให้เลือกนักเตะที่จะไปอยู่ร่วมบ้านเองโดยมีข้อแม้ว่าจะต้องมีนักเตะจากทีมคู่อริมาอยู่ร่วมกันเพื่อให้ลืมความเป็นคู่แข่งและเพื่อสร้างความสามัคคี เลิฟบอกว่าเป็นครั้งแรกตั้งแต่คุมทีมมาที่ทีมเราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างที่สุด นักเตะทั้ง 23 คนกลมเกลียวกันและสู้เพื่อกันและกันอย่างแท้จริง ไม่มีความอิจฉาริษยาหรือการปีนเกลียวแต่อย่างใด มีแต่กันและกันเท่านั้น ไชวนี่อยู่ร่วมบ้านกับเฮอเวเดสและแดรกซ์เลอร์จากชาลเก้และโกรซครอยส์ตัวพ่อเจ้าอารมณ์จากดอร์ทมุนด์ ศัตรูกันขนาดนี้มันจะยังไงกันแน่ ไชวนี่ค่อนข้างกังวล แต่ปรากฎว่าไชวนี่เกิดกลายเป็นเพื่อนกับโกรซครอยซ์ซะงั้น แถมแดรกซ์เลอร์ก็เกี่ยวก้อยหนุงหนิงกับโกรซครอยส์อย่างไม่น่าเชื่อ ไชวนี่ว่าโกรซครอยส์นิสัยดีมากแถมตลกมากด้วย เลยแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะตลกและเจ้าพ่อปาร์ตี้ซะเลย หลังเราได้แชมป์โลก ไชวนี่กล่าวอำลาและขอบคุณเพื่อนร่วมบ้านทุกคนและแหย่โกรซครอยซ์ว่า ขอบคุณที่ไม่สร้างเรื่องปวดหัวให้
เริ่มแข่งกับโปรตุเกส เลิฟทำให้ทั่วโลกงงด้วยการเอาเซ็นเตอร์แบ็ค 4 คนเป็นกองหลังและให้ลาห์มเล่นกลาง สื่อและกองแช่งเริ่มไม่พอใจ จะเอาตามเป๊บมากไปมั๊ง แล้วคิดได้ไงที่เอาเฮอเวเดสไปเล่นปีกซ้าย เติมเกมไม่เป็นเอาเลย ติดทีมมาก็แปลกใจพอแล้ว นี่เล่นเอาลงตัวจริงแถมฝืนตำแหน่งอีก ไชวนี่ก็ให้เป็นสำรอง เดี๋ยวก็ซวยหรอก เลิฟบอกว่าทั้งไชวนี่และเคดีร่าไม่ฟิตพอที่จะเล่นตลอดเกม กะจะให้เล่นคนละครึ่งเวลา เราต้องถนอมตัว 2 คนนี้ไว้ในรอบลึก ผลเราชนะ 4-0 สื่อเงียบไปได้หน่อย เกมกานาเป็นเกมสยองขวัญ กานานำเราไป 2-1 แต่น้ามิโรมาช่วยเราไว้ ตีเสมอได้เป็น 2-2 และทำสถิติเป็นดาวซัลโวเทียบเท่าโรนัลโด เกมอเมริกาเป็นเกมอึดอัดวัดใจ แต่นักเตะของเราก็เอาตัวรอดมาแบบกองเชียร์หายใจไม่ทั่วท้อง จบสกอร์ 1-0 เราเข้ารอบตัดเชือกได้แล้ว
รอบ 16 ทีมกับแอลจีเรียคือหนังสุดสยองขวัญสำหรับแฟนๆ อกสั่นขวัญหายตลอดเกม ต้องต่อเวลาแบบจวนอยู่จวนไป ท้ายสุดเราชนะไปแบบหืดจับ 2-1 คราวนี้สื่อและบรรดากองแช่งด่าเลิฟไม่ยั้ง วางแผนโคตรห่วย เฮอเวเดสเล่นสุดห่วยต้องเอาออก ต้องเอาลาห์มไปเป็นแบ็ค ฯลฯ เฮอเวเดสตอบสื่อว่าใครจะด่าผมไม่สน ผมฟังบุนเดสเทรนเนอร์คนเดียว แต่คราวนี้เลิฟฟังทุกคน เลิฟคนหัวดื้อมีบทเรียนจากความเจ็บช้ำมามากพอ เลิฟฟังฮันซี่และเริ่มให้ความสำคัญกับลูกเตะมุมและลูกแสตนดาร์ด เลิฟเรียนรู้ว่าเกมสวยงามไม่อาจทำให้เป็นแชมป์ได้หากกองหลังไม่มั่นคง เลิฟจึงเปลี่ยนแนวการคิดว่าอุดไว้ก่อนดีกว่า ถ้าจังหวะดีค่อยบุก ผลการแข่งสำคัญกว่าเกมหรูหรา เล่นไม่ดีแต่ชนะดีกว่าเล่นสุดหรูแล้วแพ้
รอบ 8 ทีมกับฝรั่งเศส เคดีร่าและไชวนี่กลับมาฟิตเกือบเต็มร้อย เลิฟจึงให้ทั้งคู่ลงพร้อมกัน ย้ายลาห์มกลับไปเป็นแบ็คขวา น้ามิโรกลับมาเป็นตัวจริง เฮอเวเดสยังเป็นแบ็คซ้ายและเล่นดีขึ้นเรื่อยๆสมที่เลิฟไว้ใจ ฝรั่งเศสกลายเป็นทีมเต็งและเรากลายเป็นรอง แต่ทีมเราสู้ด้วยวินัย ด้วยความอดทนและด้วยหัวใจนักสู้จนชนะไป 1-0 มาถึงรอบรองกระหึ่มโลกกับบราซิล เราชนะไป 7-1 อย่างที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก น้ามิโรยิงประตูได้กลายเป็นดาวซัลโวบอลโลกตลอดกาล
รอบชิงกับอาเจน เลิฟบอกนักเตะว่า”พวกคุณต้องทุ่มเท ต้องดึงเอาความสามารถออกมาให้หมด มากกว่าครั้งไหนๆ เพื่อให้พวกคุณได้รับในสิ่งที่ไม่เคยได้รับมาก่อน” นักเตะของเราสู้ด้วยสปิริตทีม ด้วยวินัย หัวใจนักสู้และด้วยความอึดไม่ผิดกับนักเตะรุ่นก่อนๆ เมื่อต้องต่อเวลา เลิฟให้เกิตเซ่ลงแทนน้ามิโร เลิฟบอกเกิตเซ่ว่า “แสดงให้ทั้งโลกรู้ว่าคุณเก่งกว่าเมตซี่ แสดงให้เห็นว่าคุณสามารถชี้ชตาตัดสินเกมได้” และในที่สุดเกิตเซ่ก็ยิงลูกประวัติศาสตร์ให้เราชนะ 1-0 ได้เป็นแชมป์โลกสมัยที่ 4 อย่างสมศักดิ์ศรี
ในที่สุดเลิฟก็พาทีมรักของเราเป็นแชมป์โลกสมหวังหลังจากที่ต้องรอนานถึง 24 ปี นักเตะยุคทองอย่างน้ามิโร ลาห์ม ไชวนี่ แพร์และโพลดี้ที่น้ำตาตกมาหลายครั้งก็ได้อำลาบอลโลกอย่างสมเกียรติ ได้จารึกชื่อไว้ในวงการบอลเยอรมันด้วยความเป็นอมตะตลอดกาล บรรดาแฟนพันธ์แท้ยิ้มพร้อมน้ำตาไม่ผิดกับนักเตะ ดีใจเหลือเกินที่เราได้แชมป์ ดีใจที่ความมานะของพวกเขาได้รับผลตอบแทนซะที
ขอบคุณเลิฟ นักเตะและทีมงานทุกคน ขอบคุณเพื่อนๆที่มาร่วมกันเชียร์ทีมรัก พบกันใหม่บอลยูโร 2016
แฟนพันธ์แท้อำลาทีมชาติเยอรมันด้วยความรักและผูกพัน
ก่อนแข่งบรรดาแฟนแฟนพันธ์แท้หนักใจ ไปแข่งถึงบราซิลจะไหวหรือ ถึงเราจะมีนักเตะเก่งๆ แต่อาถรรพ์อเมริกาใต้มันมีมานาน อากาศก็ร้อนยังกับอยู่ในเตาอบ ไหนนักเตะหลักของเราจะฟิตไม่เต็มร้อยถึง 3 คน รอยส์ก็เกิดมาเจ็บเอานาทีสุดท้าย แฟนพันธ์แท้ได้แต่แอบหวัง กองแช่งเริ่มเฮฮา นักเตะเก่งยังไงให้นายแบบมาคุมมันไม่มีทางรอดแน่
เลิฟเป็นบุนเดสเทรนนเนอร์ที่มีทั้งคนรักคนชัง คนเคารพและหมั่นใส้ เลิฟฟื้นวงการบอลเยอรมันด้วยเกมรุกกระหน่ำจนทำให้ใครๆกลับมาเกรงเยอรมัน ทำให้ทุกคนทึ่ง แต่การที่เลิฟหน้าตาดี แต่งตัวด้วยเสื้อสลิมฟิตแนบตัว หน้าหนาวผูกผ้าพันคอเก๋ไก๋ ผมดกดำเกินอายุ ท่านั่งท่ายืนดูเท่ห์ (ไม่นับตอนกินขี้มูก) ทำให้เป็นที่จับตาของคนทั่วโลกและทำให้หลายคนหมั่นใส้
เลิฟนำทีมเยอรมันพลาดตำแหน่งในทัวร์นาเมนท์ใหญ่ถึง 3 ครั้ง โดยเฉพาะการแพ้อิตาลีในรอบรองบอลยูโรและการเสมอสวีเดน 4-4 ในรอบคัดเลือกทั้งที่เรานำก่อน 4-0 ทำให้ชื่อเสียงของเลิฟแทบติดลบ ทั้งสื่อทั้งบรรดาผู้เชียวชาญวงการฟุตบอลรวมทั้งคนที่นึกว่าตัวเองคือบุนเดสเทรนเนอร์อีกหลายล้านค้นกระหน่ำโจมตีเลิฟแบบไม่ต้องการให้มีที่ยืน แต่เดเอฟเบอยู่ข้างเลิฟ และเลิฟได้นำบทเรียนจากความผิดพลาดมาแก้ไขและพร้อมที่จะสู้เพื่อเยอรมันและเพื่อตัวเอง
ในค่ายฝึกที่แคมโป บาเฮีย เลิฟแบ่งบ้านพักนักเตะเป็น 4 หลัง แต่ละหลังให้น้ามิโร ลาห์ม ไชวนี่และแพร์เป็นพี่ใหญ่ ให้เลือกนักเตะที่จะไปอยู่ร่วมบ้านเองโดยมีข้อแม้ว่าจะต้องมีนักเตะจากทีมคู่อริมาอยู่ร่วมกันเพื่อให้ลืมความเป็นคู่แข่งและเพื่อสร้างความสามัคคี เลิฟบอกว่าเป็นครั้งแรกตั้งแต่คุมทีมมาที่ทีมเราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างที่สุด นักเตะทั้ง 23 คนกลมเกลียวกันและสู้เพื่อกันและกันอย่างแท้จริง ไม่มีความอิจฉาริษยาหรือการปีนเกลียวแต่อย่างใด มีแต่กันและกันเท่านั้น ไชวนี่อยู่ร่วมบ้านกับเฮอเวเดสและแดรกซ์เลอร์จากชาลเก้และโกรซครอยส์ตัวพ่อเจ้าอารมณ์จากดอร์ทมุนด์ ศัตรูกันขนาดนี้มันจะยังไงกันแน่ ไชวนี่ค่อนข้างกังวล แต่ปรากฎว่าไชวนี่เกิดกลายเป็นเพื่อนกับโกรซครอยซ์ซะงั้น แถมแดรกซ์เลอร์ก็เกี่ยวก้อยหนุงหนิงกับโกรซครอยส์อย่างไม่น่าเชื่อ ไชวนี่ว่าโกรซครอยส์นิสัยดีมากแถมตลกมากด้วย เลยแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะตลกและเจ้าพ่อปาร์ตี้ซะเลย หลังเราได้แชมป์โลก ไชวนี่กล่าวอำลาและขอบคุณเพื่อนร่วมบ้านทุกคนและแหย่โกรซครอยซ์ว่า ขอบคุณที่ไม่สร้างเรื่องปวดหัวให้
เริ่มแข่งกับโปรตุเกส เลิฟทำให้ทั่วโลกงงด้วยการเอาเซ็นเตอร์แบ็ค 4 คนเป็นกองหลังและให้ลาห์มเล่นกลาง สื่อและกองแช่งเริ่มไม่พอใจ จะเอาตามเป๊บมากไปมั๊ง แล้วคิดได้ไงที่เอาเฮอเวเดสไปเล่นปีกซ้าย เติมเกมไม่เป็นเอาเลย ติดทีมมาก็แปลกใจพอแล้ว นี่เล่นเอาลงตัวจริงแถมฝืนตำแหน่งอีก ไชวนี่ก็ให้เป็นสำรอง เดี๋ยวก็ซวยหรอก เลิฟบอกว่าทั้งไชวนี่และเคดีร่าไม่ฟิตพอที่จะเล่นตลอดเกม กะจะให้เล่นคนละครึ่งเวลา เราต้องถนอมตัว 2 คนนี้ไว้ในรอบลึก ผลเราชนะ 4-0 สื่อเงียบไปได้หน่อย เกมกานาเป็นเกมสยองขวัญ กานานำเราไป 2-1 แต่น้ามิโรมาช่วยเราไว้ ตีเสมอได้เป็น 2-2 และทำสถิติเป็นดาวซัลโวเทียบเท่าโรนัลโด เกมอเมริกาเป็นเกมอึดอัดวัดใจ แต่นักเตะของเราก็เอาตัวรอดมาแบบกองเชียร์หายใจไม่ทั่วท้อง จบสกอร์ 1-0 เราเข้ารอบตัดเชือกได้แล้ว
รอบ 16 ทีมกับแอลจีเรียคือหนังสุดสยองขวัญสำหรับแฟนๆ อกสั่นขวัญหายตลอดเกม ต้องต่อเวลาแบบจวนอยู่จวนไป ท้ายสุดเราชนะไปแบบหืดจับ 2-1 คราวนี้สื่อและบรรดากองแช่งด่าเลิฟไม่ยั้ง วางแผนโคตรห่วย เฮอเวเดสเล่นสุดห่วยต้องเอาออก ต้องเอาลาห์มไปเป็นแบ็ค ฯลฯ เฮอเวเดสตอบสื่อว่าใครจะด่าผมไม่สน ผมฟังบุนเดสเทรนเนอร์คนเดียว แต่คราวนี้เลิฟฟังทุกคน เลิฟคนหัวดื้อมีบทเรียนจากความเจ็บช้ำมามากพอ เลิฟฟังฮันซี่และเริ่มให้ความสำคัญกับลูกเตะมุมและลูกแสตนดาร์ด เลิฟเรียนรู้ว่าเกมสวยงามไม่อาจทำให้เป็นแชมป์ได้หากกองหลังไม่มั่นคง เลิฟจึงเปลี่ยนแนวการคิดว่าอุดไว้ก่อนดีกว่า ถ้าจังหวะดีค่อยบุก ผลการแข่งสำคัญกว่าเกมหรูหรา เล่นไม่ดีแต่ชนะดีกว่าเล่นสุดหรูแล้วแพ้
รอบ 8 ทีมกับฝรั่งเศส เคดีร่าและไชวนี่กลับมาฟิตเกือบเต็มร้อย เลิฟจึงให้ทั้งคู่ลงพร้อมกัน ย้ายลาห์มกลับไปเป็นแบ็คขวา น้ามิโรกลับมาเป็นตัวจริง เฮอเวเดสยังเป็นแบ็คซ้ายและเล่นดีขึ้นเรื่อยๆสมที่เลิฟไว้ใจ ฝรั่งเศสกลายเป็นทีมเต็งและเรากลายเป็นรอง แต่ทีมเราสู้ด้วยวินัย ด้วยความอดทนและด้วยหัวใจนักสู้จนชนะไป 1-0 มาถึงรอบรองกระหึ่มโลกกับบราซิล เราชนะไป 7-1 อย่างที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก น้ามิโรยิงประตูได้กลายเป็นดาวซัลโวบอลโลกตลอดกาล
รอบชิงกับอาเจน เลิฟบอกนักเตะว่า”พวกคุณต้องทุ่มเท ต้องดึงเอาความสามารถออกมาให้หมด มากกว่าครั้งไหนๆ เพื่อให้พวกคุณได้รับในสิ่งที่ไม่เคยได้รับมาก่อน” นักเตะของเราสู้ด้วยสปิริตทีม ด้วยวินัย หัวใจนักสู้และด้วยความอึดไม่ผิดกับนักเตะรุ่นก่อนๆ เมื่อต้องต่อเวลา เลิฟให้เกิตเซ่ลงแทนน้ามิโร เลิฟบอกเกิตเซ่ว่า “แสดงให้ทั้งโลกรู้ว่าคุณเก่งกว่าเมตซี่ แสดงให้เห็นว่าคุณสามารถชี้ชตาตัดสินเกมได้” และในที่สุดเกิตเซ่ก็ยิงลูกประวัติศาสตร์ให้เราชนะ 1-0 ได้เป็นแชมป์โลกสมัยที่ 4 อย่างสมศักดิ์ศรี
ในที่สุดเลิฟก็พาทีมรักของเราเป็นแชมป์โลกสมหวังหลังจากที่ต้องรอนานถึง 24 ปี นักเตะยุคทองอย่างน้ามิโร ลาห์ม ไชวนี่ แพร์และโพลดี้ที่น้ำตาตกมาหลายครั้งก็ได้อำลาบอลโลกอย่างสมเกียรติ ได้จารึกชื่อไว้ในวงการบอลเยอรมันด้วยความเป็นอมตะตลอดกาล บรรดาแฟนพันธ์แท้ยิ้มพร้อมน้ำตาไม่ผิดกับนักเตะ ดีใจเหลือเกินที่เราได้แชมป์ ดีใจที่ความมานะของพวกเขาได้รับผลตอบแทนซะที
ขอบคุณเลิฟ นักเตะและทีมงานทุกคน ขอบคุณเพื่อนๆที่มาร่วมกันเชียร์ทีมรัก พบกันใหม่บอลยูโร 2016