เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ผมกับภรรยาย้ายบ้านไปอยู่ในชุมชนแห่งหนึ่งย่านรามอินทรา ประมาณ กม.ที่ 5-6 ซึ่งมีร้านคาราโอเกะที่หน้าร้านเปิดโล่ง เปิดเพลงและร้องเพลงเสียงดังมาก ถึงมากที่สุด ช่วงแรกผมไปถามชาวบ้านระแวกนั้นว่า ทำไมเค้าถึงเปิดร้านแบบนี้ในย่านชุมชนที่มีหมู่บ้านนับร้อยหลังคาเรือน ชาวบ้านบอกว่า เค้าเพิ่งมาเปิดร้านได้ประมาณ 6 เดือน ถ้าไม่มีลูกค้า เค้าก็จะเปิดเพลงเสียงดังแบบนี้ทั้งคืน บางวันก็ดังตี 2 บางวันก็ดังถึงตี 4 โดยบ้านที่ผมอยู่อาศัย อยู่ห่างจากร้านคาราโอเกะประมาณ 20 ก้าวเดิน และประตูบ้านผมกับหน้าร้านเค้าซึ่งเปิดโล่งไม่มีประตูอยู่ตรงข้ามกัน.....คิดเอาเองครับว่า ผมจะทุกข์ทรมานแค่ไหน......... และต่อไปนี้ คือลำดับเหตุการณ์ที่ผมทำครับ
1. โทรหา สน.โคกคราม เจ้าของพื้นที่ บางทีต้องทนฟังเสียงเพลงในช่วงหัวค่ำนะครับ เพราะบางทีเปิดเพลงตั้งแต่ 2 ทุ่ม และกว่าจะแจ้งตำรวจได้ก็คงต้องเป็นช่วงยามวิกาล ผมอาศัยว่าหลัง 4 ทุ่มเป็นเวลาที่ควรต้องเงียบและควรพักผ่อน จึงเอาเวลานั้นโทรแจ้งตำรวจ ที่เบอร์ 02-5090666 โดยมีคุณดาบตำรวจ คอยประสานงานให้ ซึ่งนานมากกว่าตำรวจจะมาถึงหรืออาจจะไม่มาเลย โทรหลายรอบเข้า ทั้งคนโทรและตำรวจก็คงจะรำคาญด้วยกันทั้งคู่....ทำไงได้ครับ ก็เดือดร้อนจริงๆ ไม่เป็นหน้าบ้านคุณบ้าง จะได้เข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของผม...
2. หาวิธีป้องกันเสียง เสียเงิน 6000 กว่าบาท เพื่อจ้างช่างให้มาเปลี่ยนบานหน้าต่าง เป็นแบบเก็บเสียง โดยบานกระจกหนาและขอบกระจกเป็นยางซิลิโคน ซึ่งก็บรรเทาเสียงลงได้บ้าง แต่ยังคงได้ยินในลักษณะรำคาญ (noise) ต้องทนอยู่ดีครับ
3. ไปหาตำรวจให้ช่วยเลยครับ เอาที่บิ๊กๆ ผมขับรถยนต์ไป บก.น2 (กองบังคับการตำรวจนครบาล 2) ไปขอพบท่านผู้กำกับการเลยครับ (มันสุดจะทนแล้วจริงๆ) กะว่าจะไปเล่ารายละเอียดให้ท่านทราบ เผื่อมีแนวทางช่วยเหลือ แต่สุดท้ายเค้าไม่ให้ผมเข้าพบ แต่ให้ไปพบท่านรองผู้กำกับการ (ก็ยังดี) ผมให้รายละเอียดแก่ท่าน และท่านสัญญาว่าจะจัดการให้........ หลังจากนั้น 2 วันถัดมา มีทีมตำรวจเข้ามาที่ร้าน มีการถ่ายรูปหน้าร้านและมีการพูดคุยเจรจาตกลงกัน และตำรวจก็กลับออกไป ใช้เวลาประมาณ 15 นาที (เป็นทีมตำรวจ สน.โคกคราม)..............ได้ประมาณ 3 วันหลังจากนั้นจากที่ดูเหมือนจะเงียบก็ไม่เงียบอีกแล้ว......ก็ต้องกลับไปใช้วิธีที่ 1 แต่ครั้งนี้ ถามชื่อตำรวจที่รับเรื่อง และถ่ายคลิปวิดีโอเป็นหลักฐานเพิ่มเติม
............ทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นเวลายาวนานกว่า 1 ปีเศษ ผม ภรรยา และลูก ตลอดจนชาวบ้านละแวกเดียวกัน ต้องทนทุกข์กับเสียงดังรำคาญ บางครั้ง ตอนเช้า พระบิณฑบาตร ก็ยังแหกปากร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน....เฮ้อ ...คิดว่าสิ้นหวังแล้ว ....เฝ้าแต่รอๆๆๆๆๆๆๆ ว่าวันหนึ่งมันคงจะเจ๊ง และเลิกไปเอง ...แต่จะอีกนานแค่ไหน ?????
จนผมมาพบทางออก เมื่อทราบข้อกฎหมายจากนิติกรท่านหนึ่ง ฝ่ายเทศกิจ ที่อยู่สำนักงานเขตบางเขน โดยบังเอิญ ท่านแนะนำให้ผมทราบว่า ร้านอาหารประเภทคาราโอเกะ จะต้องขออนุญาตทางเขตเสียก่อน จึงจะเปิดดำเนินกิจการ และเป็นข้อมูลให้ผมทำในสิ่งเหล่านี้ และได้ผลครับ เหนื่อยนิดนึงแต่ไม่เกิน 2-4 เดือน (ขึ้นกับการเรา เจ้าหน้าที่ และตำรวจ) ร้านที่ว่านี้ก็ปิดตัวลง....ดีใจมากๆ ขออธิบายเป้นข้อๆ นะครับ
1. ให้คุณถ่ายคลิปภาพและเสียงในช่วงยามวิกาลเช่น เวลา 4 ทุ่ม เที่ยงคืน ตี 2 เป็นต้น เพื่อเป็นหลักฐาน จะได้ไม่กล่าวหาลอยๆ และให้บันทึกใส่ CD พร้อมเก็บไว้ ทำไว้สัก 2-3 คลิปนะครับ
2. ร่างหนังสือถึง ร้องเรียนการใช้เสียงดังจากร้านอาหารคาราโอเกะดังกล่าว โดยให้เรียนถึงผู้อำนวยเขต (ของผมเขตบางเขน) พร้อมเขียนแผนที่ของร้านดังกล่าว อย่างละเอียดแนบไปด้วย
3. คุณต้องสละเวลาไปที่สำนักงานเขตนะครับ และเดินตรงไปยังฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล จะมีเจ้าหน้าที่รับเรื่องของท่านไว้ โดยให้นำหนังสือร้องเรียน 1 ฉบับจากข้อ 2 +สำเนาหนังสือร้องเรียนอีก 1 ฉบับ+ CD ที่ท่านอัดไว้ ยื่นแก่เจ้าหน้าที่ โดยในส่วนของสำเนาหนังสือร้องเรียน 1 ฉบับนั้น ให้มอบแก่เจ้าหน้าที่เพื่อเซ็นชื่อว่าได้รับเอกสารของท่านแล้ว และให้เอาเอกสารนั้นกลับมา เพื่อเป็นหลักฐานในการรับเรื่องร้องเรียนของท่านครับ
4. หลังจากนี้ ทางเขตจะส่งเจ้าหน้าที่มาสังเกตการณ์ว่า ข้อมูลที่ท่านแจ้งนั้น มีข้อเท็จจริงตามที่แจ้งหรือไม่ ท่านสามารถโทรไปสอบถามความคืบหน้าได้เป็นระยะ แต่ในกรณีของผม ทางเขตโทรมาแจ้งเลยว่า ทางเขตตรวจสอบแล้ว พบว่า เปิดเป็นร้านอาหารคาราโอเกะ ที่ไม่ได้รับอนุญาต เครื่องเล่นคาราโอเกะถูกต้องลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย (นึกว่าเค้าจะละเมิดลิขสิทธิ์) และมีเสียงดังรำคาญจริง จึงได้ทำหนังสือแจ้งแก่เจ้าของตึกหรือเจ้าของกิจการนั้นทราบ เพื่อปรับปรุงภายใน 30 วัน ....ผมดีใจมากครับ คุณคิดดูนะครับ ผมต้องทนกับเสียงดังแบบนี้ทุกวัน วันแล้ววันเล่า บางวันนอนผวา ว่าเมื่อไหร่เสียงดังจะเริ่มขึ้น......คิดถึงตอนนั้น มันท้อใจจริงๆ
5.พอทางร้านได้รับจดหมาย ปฏิกิริยาก็ออก คือเจ้าตัวก็โวยวายพาลด่าคนโน้น ด่าคนนี้ไปทั่ว ประมาณว่า "ใครว่ะ พวก...มีอะไรหรือไง .....หยาบคายๆๆๆๆ" ผมได้ยินก็เฉยๆครับ รอดูพฤติกรรมห่างๆ....
6. ในช่วงเวลานี้ เค้าเหมือนจะกลัว เพราะในหนังสือระบุว่า หากฝ่าฝืนจะดำเนินคดีทั้งจำและปรับ ....ผมก็เฝ้าแต่สังเกตว่า จะเริ่มเสียงดังอีกวันไหน..... มีบ้างบางวันผีเข้า ก็เปิดเพลงร้องเอง...เปิดเพลงเต้นเอง..... บางวันก็เต็มที่เลย ดังสนั่นครึกโครม...แต่ผมก็ไม่ได้ลดมาตรฐานครับ ถ้ามีเสียงดัง ผมก็โทรไป สน. เช่นเดิมครับ เพราะตอนหลัง สน. เริ่มจะเอือมกับเค้าแล้ว (หรือเอือมกับผม ? แต่หวังว่าทุกท่านที่อ่านจะเข้าใจอารมณ์ผมตอนนั้นนะครับ) กับการที่ผมโทรหาตำรวจบ่อยๆ นายดาบตำรวจท่านนี้น่าจะจำเสียงผมได้ ช่วงหลังก็เลยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจมาระงับเหตุทุกครั้ง เริ่มดีใจกับตำรวจดีๆ นายนี้
7. เลยระยะเวลาครบ 30 วัน ผมโทรไปหาฝ่ายสิ่งแวดล้อม ว่าเรื่องถึงไหนแล้ว ทางเขตบอกว่า ทางเขตทำเรื่องถึง สน.โคกคราม ในการแจ้งความเอาผิดเจ้าของร้านที่ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับ โดยอยู่ระหว่างการประสานงาน เพื่อเข้าไปให้ปากคำและทำสำนวนฟ้องศาลต่อไป.....ในขั้นตอนนี้ ผมรอประมาณ 2 อาทิตย์ปรากฎว่า ทาง สน. ไม่เรียกให้ฝ่ายสิ่งแวดล้อมไปให้ปากคำ...ผมไม่รีรอที่จะโทรไปหาตำรวจที่ สน.โคกคราม และแจ้งแก่ทาง สน.ในนามของเขตบางเขน ว่าท่านจะสะดวกให้ทางเขตมาให้ปากคำตอนไหน ซึ่งสรุปแล้ว ผมเป็นธุระให้ทั้งตำรวจและฝ่ายสิ่งแวดล้อมมาเจอกัน สุดท้ายก็นัดวันได้สำเร็จ ทุกฝ่ายมาเจอกัน และทำสำนวนฟ้องศาลครับ (ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ครับ คนประเภทนี้ถึงจะกลัว)
8. รออีกประมาณ 1-2 อาทิตย์ มีหนังสือจากศาลสั่งให้หยุดและระงับกิจการไปจนกว่าจะปรับปรุงร้านให้มีความเหมาะสม โดยไม่เป็นการรบกวนคนอื่นให้ได้รับความเดือดร้อน
9. พอเค้าได้รับหนังสือจากศาล ทุกอย่างก็ยอมไปโดยศิโรราบ ไม่เปิดเพลง ขายเหล้า กับแกล้มแบบเงียบๆ แต่ยังคงเปิดร้านเลยตี 2 ทุกคน.....จนกระทั่ง กิจการต่างๆ ก็ค่อยจบลงไปด้วยดี
*ชีวิตปัจจุบันของครอบครัวผมดีขึ้นมากครับ ตอนกลางคืนก็เป็นกลางคืนจริงๆ ไม่มีเสียงรบกวนอีกแล้ว ขอบคุณเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทุกคนที่มีส่วนในการขับเคลื่อนเรื่องร้องเรียน ที่หลายๆ คนอาจประสบอยู่แต่ไม่กล้าหรือไม่รู้ช่องทางในการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิ์ตามกฎหมาย
*ไม่ได้ดีใจหรือสะใจที่ทำให้คนอื่นได้รับความเสียหายอย่างเช่นเจ้าของร้านคาราโอเกะรายนี้ แต่เพียงจะรักษาสิทธิ์ของตัวเองในฐานะพลเมืองที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีแก่รัฐและผดุงไว้ซึ่งความถูกต้อง ความเท่าเทียมกันของสังคม
*ผมจะไม่ไปยุ่งเลยครับ หากเจ้าของร้านคาราโอเกะ ทำงานภายใต้กรอบของกฎหมาย เช่น เปิดร้านโดยถูกต้องตามกฎหมาย เปิดปิดร้านเป็นเวลา ไม่ให้เกิดเสียงดังรำคาญแก่คนในชุมชน โดยไม่ไปลิดรอนสิทธิ์ของคนอื่นหรือสร้างความรำคาญให้แก่คนอื่น
*เป็นหน้าที่ของพลเมือง ในการแจ้งเหตุต่างๆ แก่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองให้ทราบ พึงจะได้แก้ไขผลกระทบได้ทันท่วงที ...อย่าตกอยู่ในภาระจำยอม (เพราะเห็นมาเยอะแล้วมาบ่นโน่นนี่นั่น สุขภาพเสื่อมโทรม ฯลฯ) ...หากเห็นว่าสิ่งนั้นไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม ควรทวงสิทธิ์นั้นคืนตามกฎหมาย
*ขอจบเพียงเท่านี้นะครับ หวังว่าเรื่องเล่าที่เขียนนี้จะเป็นประโยชน์แก่คนที่กำลังประสบชะตากรรมแบบนี้ หรือญาติพี่น้องคนใกล้ชิดของทุกท่านที่มีเรื่องทุกข์ใจเกี่ยวกับเสียงดังรบกวนจากกิจการร้านคาราโอเกะ ได้มีทางออกในการเข้าถึงข้อมูลและขั้นตอนในการดำเนินคดีตามกฎหมายครับ ....ผมไม่อยากให้ท่านคิดว่า เจ้าของกิจการเป็นผู้มีอิทธิพลหรือคนมีสีหนุนหลัง แต่ท่านควรรักษาสิทธิ์ของท่าน อย่ายอมให้คนอื่นมาเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ระเบียบของสังคม ......จงทำในสิ่งที่ "ถูกต้อง" .. สวัสดีครับ
วิธีจัดการกับร้านคาราโอเกะ เปิดเพลง ร้องเพลงเสียงดัง เปิดเกินเวลา 02.00 น
1. โทรหา สน.โคกคราม เจ้าของพื้นที่ บางทีต้องทนฟังเสียงเพลงในช่วงหัวค่ำนะครับ เพราะบางทีเปิดเพลงตั้งแต่ 2 ทุ่ม และกว่าจะแจ้งตำรวจได้ก็คงต้องเป็นช่วงยามวิกาล ผมอาศัยว่าหลัง 4 ทุ่มเป็นเวลาที่ควรต้องเงียบและควรพักผ่อน จึงเอาเวลานั้นโทรแจ้งตำรวจ ที่เบอร์ 02-5090666 โดยมีคุณดาบตำรวจ คอยประสานงานให้ ซึ่งนานมากกว่าตำรวจจะมาถึงหรืออาจจะไม่มาเลย โทรหลายรอบเข้า ทั้งคนโทรและตำรวจก็คงจะรำคาญด้วยกันทั้งคู่....ทำไงได้ครับ ก็เดือดร้อนจริงๆ ไม่เป็นหน้าบ้านคุณบ้าง จะได้เข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของผม...
2. หาวิธีป้องกันเสียง เสียเงิน 6000 กว่าบาท เพื่อจ้างช่างให้มาเปลี่ยนบานหน้าต่าง เป็นแบบเก็บเสียง โดยบานกระจกหนาและขอบกระจกเป็นยางซิลิโคน ซึ่งก็บรรเทาเสียงลงได้บ้าง แต่ยังคงได้ยินในลักษณะรำคาญ (noise) ต้องทนอยู่ดีครับ
3. ไปหาตำรวจให้ช่วยเลยครับ เอาที่บิ๊กๆ ผมขับรถยนต์ไป บก.น2 (กองบังคับการตำรวจนครบาล 2) ไปขอพบท่านผู้กำกับการเลยครับ (มันสุดจะทนแล้วจริงๆ) กะว่าจะไปเล่ารายละเอียดให้ท่านทราบ เผื่อมีแนวทางช่วยเหลือ แต่สุดท้ายเค้าไม่ให้ผมเข้าพบ แต่ให้ไปพบท่านรองผู้กำกับการ (ก็ยังดี) ผมให้รายละเอียดแก่ท่าน และท่านสัญญาว่าจะจัดการให้........ หลังจากนั้น 2 วันถัดมา มีทีมตำรวจเข้ามาที่ร้าน มีการถ่ายรูปหน้าร้านและมีการพูดคุยเจรจาตกลงกัน และตำรวจก็กลับออกไป ใช้เวลาประมาณ 15 นาที (เป็นทีมตำรวจ สน.โคกคราม)..............ได้ประมาณ 3 วันหลังจากนั้นจากที่ดูเหมือนจะเงียบก็ไม่เงียบอีกแล้ว......ก็ต้องกลับไปใช้วิธีที่ 1 แต่ครั้งนี้ ถามชื่อตำรวจที่รับเรื่อง และถ่ายคลิปวิดีโอเป็นหลักฐานเพิ่มเติม
............ทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นเวลายาวนานกว่า 1 ปีเศษ ผม ภรรยา และลูก ตลอดจนชาวบ้านละแวกเดียวกัน ต้องทนทุกข์กับเสียงดังรำคาญ บางครั้ง ตอนเช้า พระบิณฑบาตร ก็ยังแหกปากร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน....เฮ้อ ...คิดว่าสิ้นหวังแล้ว ....เฝ้าแต่รอๆๆๆๆๆๆๆ ว่าวันหนึ่งมันคงจะเจ๊ง และเลิกไปเอง ...แต่จะอีกนานแค่ไหน ?????
จนผมมาพบทางออก เมื่อทราบข้อกฎหมายจากนิติกรท่านหนึ่ง ฝ่ายเทศกิจ ที่อยู่สำนักงานเขตบางเขน โดยบังเอิญ ท่านแนะนำให้ผมทราบว่า ร้านอาหารประเภทคาราโอเกะ จะต้องขออนุญาตทางเขตเสียก่อน จึงจะเปิดดำเนินกิจการ และเป็นข้อมูลให้ผมทำในสิ่งเหล่านี้ และได้ผลครับ เหนื่อยนิดนึงแต่ไม่เกิน 2-4 เดือน (ขึ้นกับการเรา เจ้าหน้าที่ และตำรวจ) ร้านที่ว่านี้ก็ปิดตัวลง....ดีใจมากๆ ขออธิบายเป้นข้อๆ นะครับ
1. ให้คุณถ่ายคลิปภาพและเสียงในช่วงยามวิกาลเช่น เวลา 4 ทุ่ม เที่ยงคืน ตี 2 เป็นต้น เพื่อเป็นหลักฐาน จะได้ไม่กล่าวหาลอยๆ และให้บันทึกใส่ CD พร้อมเก็บไว้ ทำไว้สัก 2-3 คลิปนะครับ
2. ร่างหนังสือถึง ร้องเรียนการใช้เสียงดังจากร้านอาหารคาราโอเกะดังกล่าว โดยให้เรียนถึงผู้อำนวยเขต (ของผมเขตบางเขน) พร้อมเขียนแผนที่ของร้านดังกล่าว อย่างละเอียดแนบไปด้วย
3. คุณต้องสละเวลาไปที่สำนักงานเขตนะครับ และเดินตรงไปยังฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล จะมีเจ้าหน้าที่รับเรื่องของท่านไว้ โดยให้นำหนังสือร้องเรียน 1 ฉบับจากข้อ 2 +สำเนาหนังสือร้องเรียนอีก 1 ฉบับ+ CD ที่ท่านอัดไว้ ยื่นแก่เจ้าหน้าที่ โดยในส่วนของสำเนาหนังสือร้องเรียน 1 ฉบับนั้น ให้มอบแก่เจ้าหน้าที่เพื่อเซ็นชื่อว่าได้รับเอกสารของท่านแล้ว และให้เอาเอกสารนั้นกลับมา เพื่อเป็นหลักฐานในการรับเรื่องร้องเรียนของท่านครับ
4. หลังจากนี้ ทางเขตจะส่งเจ้าหน้าที่มาสังเกตการณ์ว่า ข้อมูลที่ท่านแจ้งนั้น มีข้อเท็จจริงตามที่แจ้งหรือไม่ ท่านสามารถโทรไปสอบถามความคืบหน้าได้เป็นระยะ แต่ในกรณีของผม ทางเขตโทรมาแจ้งเลยว่า ทางเขตตรวจสอบแล้ว พบว่า เปิดเป็นร้านอาหารคาราโอเกะ ที่ไม่ได้รับอนุญาต เครื่องเล่นคาราโอเกะถูกต้องลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย (นึกว่าเค้าจะละเมิดลิขสิทธิ์) และมีเสียงดังรำคาญจริง จึงได้ทำหนังสือแจ้งแก่เจ้าของตึกหรือเจ้าของกิจการนั้นทราบ เพื่อปรับปรุงภายใน 30 วัน ....ผมดีใจมากครับ คุณคิดดูนะครับ ผมต้องทนกับเสียงดังแบบนี้ทุกวัน วันแล้ววันเล่า บางวันนอนผวา ว่าเมื่อไหร่เสียงดังจะเริ่มขึ้น......คิดถึงตอนนั้น มันท้อใจจริงๆ
5.พอทางร้านได้รับจดหมาย ปฏิกิริยาก็ออก คือเจ้าตัวก็โวยวายพาลด่าคนโน้น ด่าคนนี้ไปทั่ว ประมาณว่า "ใครว่ะ พวก...มีอะไรหรือไง .....หยาบคายๆๆๆๆ" ผมได้ยินก็เฉยๆครับ รอดูพฤติกรรมห่างๆ....
6. ในช่วงเวลานี้ เค้าเหมือนจะกลัว เพราะในหนังสือระบุว่า หากฝ่าฝืนจะดำเนินคดีทั้งจำและปรับ ....ผมก็เฝ้าแต่สังเกตว่า จะเริ่มเสียงดังอีกวันไหน..... มีบ้างบางวันผีเข้า ก็เปิดเพลงร้องเอง...เปิดเพลงเต้นเอง..... บางวันก็เต็มที่เลย ดังสนั่นครึกโครม...แต่ผมก็ไม่ได้ลดมาตรฐานครับ ถ้ามีเสียงดัง ผมก็โทรไป สน. เช่นเดิมครับ เพราะตอนหลัง สน. เริ่มจะเอือมกับเค้าแล้ว (หรือเอือมกับผม ? แต่หวังว่าทุกท่านที่อ่านจะเข้าใจอารมณ์ผมตอนนั้นนะครับ) กับการที่ผมโทรหาตำรวจบ่อยๆ นายดาบตำรวจท่านนี้น่าจะจำเสียงผมได้ ช่วงหลังก็เลยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจมาระงับเหตุทุกครั้ง เริ่มดีใจกับตำรวจดีๆ นายนี้
7. เลยระยะเวลาครบ 30 วัน ผมโทรไปหาฝ่ายสิ่งแวดล้อม ว่าเรื่องถึงไหนแล้ว ทางเขตบอกว่า ทางเขตทำเรื่องถึง สน.โคกคราม ในการแจ้งความเอาผิดเจ้าของร้านที่ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับ โดยอยู่ระหว่างการประสานงาน เพื่อเข้าไปให้ปากคำและทำสำนวนฟ้องศาลต่อไป.....ในขั้นตอนนี้ ผมรอประมาณ 2 อาทิตย์ปรากฎว่า ทาง สน. ไม่เรียกให้ฝ่ายสิ่งแวดล้อมไปให้ปากคำ...ผมไม่รีรอที่จะโทรไปหาตำรวจที่ สน.โคกคราม และแจ้งแก่ทาง สน.ในนามของเขตบางเขน ว่าท่านจะสะดวกให้ทางเขตมาให้ปากคำตอนไหน ซึ่งสรุปแล้ว ผมเป็นธุระให้ทั้งตำรวจและฝ่ายสิ่งแวดล้อมมาเจอกัน สุดท้ายก็นัดวันได้สำเร็จ ทุกฝ่ายมาเจอกัน และทำสำนวนฟ้องศาลครับ (ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ครับ คนประเภทนี้ถึงจะกลัว)
8. รออีกประมาณ 1-2 อาทิตย์ มีหนังสือจากศาลสั่งให้หยุดและระงับกิจการไปจนกว่าจะปรับปรุงร้านให้มีความเหมาะสม โดยไม่เป็นการรบกวนคนอื่นให้ได้รับความเดือดร้อน
9. พอเค้าได้รับหนังสือจากศาล ทุกอย่างก็ยอมไปโดยศิโรราบ ไม่เปิดเพลง ขายเหล้า กับแกล้มแบบเงียบๆ แต่ยังคงเปิดร้านเลยตี 2 ทุกคน.....จนกระทั่ง กิจการต่างๆ ก็ค่อยจบลงไปด้วยดี
*ชีวิตปัจจุบันของครอบครัวผมดีขึ้นมากครับ ตอนกลางคืนก็เป็นกลางคืนจริงๆ ไม่มีเสียงรบกวนอีกแล้ว ขอบคุณเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทุกคนที่มีส่วนในการขับเคลื่อนเรื่องร้องเรียน ที่หลายๆ คนอาจประสบอยู่แต่ไม่กล้าหรือไม่รู้ช่องทางในการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิ์ตามกฎหมาย
*ไม่ได้ดีใจหรือสะใจที่ทำให้คนอื่นได้รับความเสียหายอย่างเช่นเจ้าของร้านคาราโอเกะรายนี้ แต่เพียงจะรักษาสิทธิ์ของตัวเองในฐานะพลเมืองที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีแก่รัฐและผดุงไว้ซึ่งความถูกต้อง ความเท่าเทียมกันของสังคม
*ผมจะไม่ไปยุ่งเลยครับ หากเจ้าของร้านคาราโอเกะ ทำงานภายใต้กรอบของกฎหมาย เช่น เปิดร้านโดยถูกต้องตามกฎหมาย เปิดปิดร้านเป็นเวลา ไม่ให้เกิดเสียงดังรำคาญแก่คนในชุมชน โดยไม่ไปลิดรอนสิทธิ์ของคนอื่นหรือสร้างความรำคาญให้แก่คนอื่น
*เป็นหน้าที่ของพลเมือง ในการแจ้งเหตุต่างๆ แก่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองให้ทราบ พึงจะได้แก้ไขผลกระทบได้ทันท่วงที ...อย่าตกอยู่ในภาระจำยอม (เพราะเห็นมาเยอะแล้วมาบ่นโน่นนี่นั่น สุขภาพเสื่อมโทรม ฯลฯ) ...หากเห็นว่าสิ่งนั้นไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม ควรทวงสิทธิ์นั้นคืนตามกฎหมาย
*ขอจบเพียงเท่านี้นะครับ หวังว่าเรื่องเล่าที่เขียนนี้จะเป็นประโยชน์แก่คนที่กำลังประสบชะตากรรมแบบนี้ หรือญาติพี่น้องคนใกล้ชิดของทุกท่านที่มีเรื่องทุกข์ใจเกี่ยวกับเสียงดังรบกวนจากกิจการร้านคาราโอเกะ ได้มีทางออกในการเข้าถึงข้อมูลและขั้นตอนในการดำเนินคดีตามกฎหมายครับ ....ผมไม่อยากให้ท่านคิดว่า เจ้าของกิจการเป็นผู้มีอิทธิพลหรือคนมีสีหนุนหลัง แต่ท่านควรรักษาสิทธิ์ของท่าน อย่ายอมให้คนอื่นมาเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ระเบียบของสังคม ......จงทำในสิ่งที่ "ถูกต้อง" .. สวัสดีครับ