ต้องสารภาพว่า ส่วนตัวผมไม่ได้ชอบหนังแนวสารคดีเท่าไหร่นัก เพราะส่วนใหญ่ดูแล้วอยากหลับ (แม้ว่าจะรู้ว่าหนังสารคดีกว่าจะถ่ายได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย และก็ใช่ว่าจะไม่ชอบ) แม้แต่หนังที่เล่าที่มาของ Brony เองผมก็ยังแอบง่วงเลย แต่ต้องขอชื่นชมฝีมือการกำกับของ Brent Hodge ที่มากำกับหนังเรื่อง A Brony Tale นั้นต้องบอกเลยว่า การถ่ายทอดหนังของเขาไม่ธรรมดาเลยครับ นี่มันไม่ใช่แค่หนังสารคดีบอกที่มาของโบรนี่อย่างเดียว และไม่ได้เน้นเจาะลึกอะไรด้วย แต่มันทำให้เรารู้จักกับกลุ่มแฟนๆ เรื่องนี้มากขึ้น ว่าทำไมพวกเขาถึงชอบ ทำไมพวกเขาถึงมีกันเยอะเหลือเกิน สำคัญ ทำไมส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย...
หนังเริ่มต้นโดยการบอกตรงๆ เลยว่า ผู้กำกับอย่าง Brent Hodge และ Ashleigh Ball เจ้าของเสียงพากษ์ Applejack และ Rainbow Dash เป็นเพื่อนกัน และดูเหมือนหนังจะมีการถ่ายมานานมาก เพราะมีการเก็บเหตุการณ์ตอนช่วงที่ Ashleigh Ball ถูกรับเชิญไปงาน Bronycon 2012 ที่จัดขึ้นในนิวยอร์ค ไปจนถึงตอนที่ Ashleigh Ball ไปถึงงานเลย เรียกได้ว่าการทำหนังเรื่องนี้ใช้เวลาทำร่วม 1 - 2 ปีเลยก็ว่าได้
เนื้อหาของหนังได้มีการสัมภาษณ์บุคคลต่างๆ และแทรกเรื่องราวของ Ashleigh Ball ตอนที่เดินทางไปยังนิวยอร์คเป็นระยะๆ สั้นๆ แต่ต้องบอกว่าคนที่ไปสัมภาษณ์มานั้นไม่ธรรมดาทั้งนั้น เพราะมีตั้งแต่สิงห์มอเตอร์ไซด์ผาดโผนหน้าเข้ม , ครอบครัวนักวิจัยที่เป็นแฟนโพนี่เพราะลูกชาย , แอดมินเว็บไซด์ Equestriadaily , DJ ที่ทำเสียงเพลงโพนี่จนเป็นที่รู้จัก ไปจนถึงนาวิธโยธินสหรัฐที่เคยไปประจำการที่อิรักมาแล้ว ด้วยเหตุผลว่า ทำไมถึงต้องเป็นการ์ตูนโพนี่ ทำไมพวกเขาถึงชอบ และชอบเพราะอะไร
แม้ว่าหนังจะมีการนำเสนอมุมมองสองมุม มุมหนึ่งก็คือคนที่ไม่รู้ว่าโบรนี่เป็นใคร แต่ส่วนใหญ่หนังจะถ่ายทอดความรู้สึกของเหล่าแฟนๆ โพนี่มากกว่าว่าพวกเขารักเรื่องนี้ได้ยังไง หนังได้ขยายเรื่องราวจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่มีคนชอบส่วนตัว ชอบกันเป็นกลุ่มเพื่อน ขยายใหญ่จนเป็นสังคมคอมมูนิตี้ขนาดใหญ่ที่มีผู้คนนับล้านทั่วโลกล้วนแต่ชื่นชอบการ์ตูน My Little Pony มิตรภาพคือเวทมนต์
ที่น่าสนใจของหนังเรื่องนี้และทำออกมาเอาใจแฟนๆ ตัวละคร Applejack และ Rainbow Dash โดยเฉพาะก็คือ การถามความรู้สึกของAshleigh Ball เจ้าของเสียงพากษ์ รวมไปถึงให้เรารู้จักกับงานของเธอมากขึ้นด้วย และทำให้เรารู้เลยว่า ก่อนหน้าที่เธอจะถูกเชิญไปงาน BronyCon เธอไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับคำว่า Brony มากนัก และรวมไปถึงความรู้สึกของเธอที่มีต่อแฟนๆ ที่ต่างคาดหวังกับเธอมาก
สิ่งที่น่าชื่นชมคือ แม้ว่านี่จะเป็นหนังสารคดี แต่ก็ไม่ได้ทำออกมาน่าเบื่อเท่าไหร่เมื่อเทียบกับหนังสารคดีเรื่องอื่นๆ หนังได้มีแต่การคัดประเด็นที่น่าสนใจและที่คลิปอื่นๆ ไม่มีการพูดถึงเอามาใส่ และมันทำให้แฟนๆ โพนี่ที่ดูอมยิ้มได้เรื่อยๆ ในขณะเดียวกัน ตัวหนังก็ทำให้คนที่ไม่เคยดูการ์ตูนเรื่องนี้เข้าใจความคิดและความรู้สึกของแฟนๆ โพนี่ได้มากขึ้น โดยที่แทบจะไม่มีการสปอยเนื้อเรื่องเลย! (มีนิดเดียวเท่านั้น) ซึ่งแตกต่างจากคลิปอื่นๆ ที่จะมีการสปอยออกมา
Brony มันมาได้ยังไง และทำไม 85 % ของคนดูเรื่องนี้ เป็นผู้ชาย ในขณะที่ 15 % เป็นผู้หญิง ?
ทำไม ผู้ชายเหล่านี้ ถึงชอบมาดูการ์ตูนเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่มันเป็นการ์ตูนเด็กผู้หญิง ?
กลุ่มแฟนๆ เหล่านี้ มารวมตัวกันได้อย่างไร และทำไมสังคมของคนดูเหล่านี้ถึงเยอะแยะมากมายนัก ?
A Brony Tale คือคำตอบ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องดู My Little Pony มาก่อน คุณก็รู้จักพวกเขาได้ และคุณจะพบว่า การ์ตูนเรื่องนี้ มันกำลังพลิกประวัติศาสตร์โลกของวงการการ์ตูน ให้เป็นที่จดจำไปอีกนาน
หนังเรื่องนี้มีวางจำหน่ายแล้วบน Itunes ราคาประมาณ 525 บาทครับ
[CR] (วิจารณ์) A Brony Tale : หนังของแฟนๆ ผู้รักการ์ตูน "โพนี่"
ต้องสารภาพว่า ส่วนตัวผมไม่ได้ชอบหนังแนวสารคดีเท่าไหร่นัก เพราะส่วนใหญ่ดูแล้วอยากหลับ (แม้ว่าจะรู้ว่าหนังสารคดีกว่าจะถ่ายได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย และก็ใช่ว่าจะไม่ชอบ) แม้แต่หนังที่เล่าที่มาของ Brony เองผมก็ยังแอบง่วงเลย แต่ต้องขอชื่นชมฝีมือการกำกับของ Brent Hodge ที่มากำกับหนังเรื่อง A Brony Tale นั้นต้องบอกเลยว่า การถ่ายทอดหนังของเขาไม่ธรรมดาเลยครับ นี่มันไม่ใช่แค่หนังสารคดีบอกที่มาของโบรนี่อย่างเดียว และไม่ได้เน้นเจาะลึกอะไรด้วย แต่มันทำให้เรารู้จักกับกลุ่มแฟนๆ เรื่องนี้มากขึ้น ว่าทำไมพวกเขาถึงชอบ ทำไมพวกเขาถึงมีกันเยอะเหลือเกิน สำคัญ ทำไมส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย...
หนังเริ่มต้นโดยการบอกตรงๆ เลยว่า ผู้กำกับอย่าง Brent Hodge และ Ashleigh Ball เจ้าของเสียงพากษ์ Applejack และ Rainbow Dash เป็นเพื่อนกัน และดูเหมือนหนังจะมีการถ่ายมานานมาก เพราะมีการเก็บเหตุการณ์ตอนช่วงที่ Ashleigh Ball ถูกรับเชิญไปงาน Bronycon 2012 ที่จัดขึ้นในนิวยอร์ค ไปจนถึงตอนที่ Ashleigh Ball ไปถึงงานเลย เรียกได้ว่าการทำหนังเรื่องนี้ใช้เวลาทำร่วม 1 - 2 ปีเลยก็ว่าได้
เนื้อหาของหนังได้มีการสัมภาษณ์บุคคลต่างๆ และแทรกเรื่องราวของ Ashleigh Ball ตอนที่เดินทางไปยังนิวยอร์คเป็นระยะๆ สั้นๆ แต่ต้องบอกว่าคนที่ไปสัมภาษณ์มานั้นไม่ธรรมดาทั้งนั้น เพราะมีตั้งแต่สิงห์มอเตอร์ไซด์ผาดโผนหน้าเข้ม , ครอบครัวนักวิจัยที่เป็นแฟนโพนี่เพราะลูกชาย , แอดมินเว็บไซด์ Equestriadaily , DJ ที่ทำเสียงเพลงโพนี่จนเป็นที่รู้จัก ไปจนถึงนาวิธโยธินสหรัฐที่เคยไปประจำการที่อิรักมาแล้ว ด้วยเหตุผลว่า ทำไมถึงต้องเป็นการ์ตูนโพนี่ ทำไมพวกเขาถึงชอบ และชอบเพราะอะไร
แม้ว่าหนังจะมีการนำเสนอมุมมองสองมุม มุมหนึ่งก็คือคนที่ไม่รู้ว่าโบรนี่เป็นใคร แต่ส่วนใหญ่หนังจะถ่ายทอดความรู้สึกของเหล่าแฟนๆ โพนี่มากกว่าว่าพวกเขารักเรื่องนี้ได้ยังไง หนังได้ขยายเรื่องราวจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่มีคนชอบส่วนตัว ชอบกันเป็นกลุ่มเพื่อน ขยายใหญ่จนเป็นสังคมคอมมูนิตี้ขนาดใหญ่ที่มีผู้คนนับล้านทั่วโลกล้วนแต่ชื่นชอบการ์ตูน My Little Pony มิตรภาพคือเวทมนต์
ที่น่าสนใจของหนังเรื่องนี้และทำออกมาเอาใจแฟนๆ ตัวละคร Applejack และ Rainbow Dash โดยเฉพาะก็คือ การถามความรู้สึกของAshleigh Ball เจ้าของเสียงพากษ์ รวมไปถึงให้เรารู้จักกับงานของเธอมากขึ้นด้วย และทำให้เรารู้เลยว่า ก่อนหน้าที่เธอจะถูกเชิญไปงาน BronyCon เธอไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับคำว่า Brony มากนัก และรวมไปถึงความรู้สึกของเธอที่มีต่อแฟนๆ ที่ต่างคาดหวังกับเธอมาก
สิ่งที่น่าชื่นชมคือ แม้ว่านี่จะเป็นหนังสารคดี แต่ก็ไม่ได้ทำออกมาน่าเบื่อเท่าไหร่เมื่อเทียบกับหนังสารคดีเรื่องอื่นๆ หนังได้มีแต่การคัดประเด็นที่น่าสนใจและที่คลิปอื่นๆ ไม่มีการพูดถึงเอามาใส่ และมันทำให้แฟนๆ โพนี่ที่ดูอมยิ้มได้เรื่อยๆ ในขณะเดียวกัน ตัวหนังก็ทำให้คนที่ไม่เคยดูการ์ตูนเรื่องนี้เข้าใจความคิดและความรู้สึกของแฟนๆ โพนี่ได้มากขึ้น โดยที่แทบจะไม่มีการสปอยเนื้อเรื่องเลย! (มีนิดเดียวเท่านั้น) ซึ่งแตกต่างจากคลิปอื่นๆ ที่จะมีการสปอยออกมา
Brony มันมาได้ยังไง และทำไม 85 % ของคนดูเรื่องนี้ เป็นผู้ชาย ในขณะที่ 15 % เป็นผู้หญิง ?
ทำไม ผู้ชายเหล่านี้ ถึงชอบมาดูการ์ตูนเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่มันเป็นการ์ตูนเด็กผู้หญิง ?
กลุ่มแฟนๆ เหล่านี้ มารวมตัวกันได้อย่างไร และทำไมสังคมของคนดูเหล่านี้ถึงเยอะแยะมากมายนัก ?
A Brony Tale คือคำตอบ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องดู My Little Pony มาก่อน คุณก็รู้จักพวกเขาได้ และคุณจะพบว่า การ์ตูนเรื่องนี้ มันกำลังพลิกประวัติศาสตร์โลกของวงการการ์ตูน ให้เป็นที่จดจำไปอีกนาน
หนังเรื่องนี้มีวางจำหน่ายแล้วบน Itunes ราคาประมาณ 525 บาทครับ