คุณพีรเจต เป็นผู้บริหาร UKEM UIC และเป็นนักลงทุนแนว VI ที่ทุกท่านรู้จัก ส่วนคุณปริญญ์ จิราธิวัฒน์ ผู้บริหารเครือเซ็นทรัลและผู้บริหารที่ได้รับรางวัลอันดับ 1 ของเอเซียเข้ามาจัดการขยะใน TSF ร่วมมือกันฟอร์มทีมบริหารขึ้นมาใหม่ โละทีมบริหารชุดปัจจุบันทิ้งให้หมดเหลือไว้เฉพาะคุณวิโรจน์ วชิรเดชากุล คนเดียวเพราะท่านนี้เก่งด้านการตลาดมากๆ
อย่างที่คุณพิรเจตเคยพูดไว้ว่า "TSF มีทรัพย์สินเยอะ" แต่ผู้บริหารปัจจุบันสมองไม่เยอะเหมือนทรัพย์สิน (ความเห็นส่วนตัวผม) ทำให้การบริหารทรัพย์สินไม่เกิดประโยชน์ทั้งๆ ที่ TSF เป็นหุ้นที่น่าจะมีโอกาสเทิร์นอะราวด์อย่างที่สุด
ปล. ผมยัง งง ทุกวันนี้ว่า คุณพีรเจต ผู้บริหารฝีมือเยี่ยม และ คุณปริญญ์ จิราธิวัฒน์ หลงเข้ามาถือหุ้นใหญ่ใน TSF ได้อย่างไร
บางส่วนในแนวคิดของคุณพีรเจตน์ที่มีต่อ TSF
"บิสวีค" ตรวจสอบพบ "พีรเจต สุวรรณนภาศรี" ถือหุ้น TSF ประมาณ 40.33 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.25 เปอร์เซ็นต์ (ตัวเลข ณ วันที่ 17 มี.ค.57) สอบถามได้ความว่า แม้ตอนนี้ ราคาหุ้นจะขึ้นไปสูงกว่าต้นทุน 0.21 บาท แต่ยังไม่คิดขาย เพราะอยากรอดูว่า "วิโรจน์ วชิรเดชกุล" ที่เพิ่งเข้ามานั่งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารเมื่อ 8 เดือนก่อนจะสามารถโชว์ฝีมือได้เหมือนตอนที่ทำงานในธุรกิจยางรถยนต์ Continental หรือไม่
"พีรเจต" ในฐานะหุ้นใหญ่อันดับ 2 "ทรีซิกตี้ไฟว์" เชื่อว่า ภายในปี 2557 น่าจะ เห็นผลงานของ "วิโรจน์" หากเศรษฐกิจดี การเมืองสงบ TSF มีโอกาสเปลี่ยนตัวเอง เป็น "หุ้นเทิร์นอะราวด์" เพราะบริษัท มีสินทรัพย์ดีๆ จำนวนมากเพียงแต่บริษัทยังไม่รู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด นั่นอาจเป็นเพราะยังไม่มีสายสัมพันธ์ที่ไม่แน่นพอ ถ้าภายในปีนี้ยังไม่เห็นผลอาจทยอยขายทำกำไร
ถาม "พีรเจต" เรื่อง TSF ปล่อยเงินกู้ให้ "ทัศพล" เขาบอกว่า "กระบวนการปล่อยกู้ถูกต้อง แต่ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร เพราะนั่นไม่ใช่ธุรกิจหลักของบริษัท แต่ขอเดาว่า บริษัทยังไม่ได้นำเงินเพิ่มทุนไปใช้ทำอะไร ฉะนั้นหากปล่อยกู้กินดอกเบี้ยน่าจะดีกว่าให้เงินนอนกองอยู่เฉยๆ นี่เป็นความคิดส่วนตัวนะ เพราะเรื่องปล่อยกู้บริษัทไม่จำเป็นต้องนำเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้น
ผมอยากให้ คุณพีรเจต สุวรรณภาศรี และ คุณปริญญ์ จิราธิวัฒน์ จับมือกันร่วมพลิกฟื้น TSF เข้าบริหารแทนผู้บริหารชุดปัจจุบัน
อย่างที่คุณพิรเจตเคยพูดไว้ว่า "TSF มีทรัพย์สินเยอะ" แต่ผู้บริหารปัจจุบันสมองไม่เยอะเหมือนทรัพย์สิน (ความเห็นส่วนตัวผม) ทำให้การบริหารทรัพย์สินไม่เกิดประโยชน์ทั้งๆ ที่ TSF เป็นหุ้นที่น่าจะมีโอกาสเทิร์นอะราวด์อย่างที่สุด
ปล. ผมยัง งง ทุกวันนี้ว่า คุณพีรเจต ผู้บริหารฝีมือเยี่ยม และ คุณปริญญ์ จิราธิวัฒน์ หลงเข้ามาถือหุ้นใหญ่ใน TSF ได้อย่างไร
บางส่วนในแนวคิดของคุณพีรเจตน์ที่มีต่อ TSF
"บิสวีค" ตรวจสอบพบ "พีรเจต สุวรรณนภาศรี" ถือหุ้น TSF ประมาณ 40.33 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.25 เปอร์เซ็นต์ (ตัวเลข ณ วันที่ 17 มี.ค.57) สอบถามได้ความว่า แม้ตอนนี้ ราคาหุ้นจะขึ้นไปสูงกว่าต้นทุน 0.21 บาท แต่ยังไม่คิดขาย เพราะอยากรอดูว่า "วิโรจน์ วชิรเดชกุล" ที่เพิ่งเข้ามานั่งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารเมื่อ 8 เดือนก่อนจะสามารถโชว์ฝีมือได้เหมือนตอนที่ทำงานในธุรกิจยางรถยนต์ Continental หรือไม่
"พีรเจต" ในฐานะหุ้นใหญ่อันดับ 2 "ทรีซิกตี้ไฟว์" เชื่อว่า ภายในปี 2557 น่าจะ เห็นผลงานของ "วิโรจน์" หากเศรษฐกิจดี การเมืองสงบ TSF มีโอกาสเปลี่ยนตัวเอง เป็น "หุ้นเทิร์นอะราวด์" เพราะบริษัท มีสินทรัพย์ดีๆ จำนวนมากเพียงแต่บริษัทยังไม่รู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด นั่นอาจเป็นเพราะยังไม่มีสายสัมพันธ์ที่ไม่แน่นพอ ถ้าภายในปีนี้ยังไม่เห็นผลอาจทยอยขายทำกำไร
ถาม "พีรเจต" เรื่อง TSF ปล่อยเงินกู้ให้ "ทัศพล" เขาบอกว่า "กระบวนการปล่อยกู้ถูกต้อง แต่ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร เพราะนั่นไม่ใช่ธุรกิจหลักของบริษัท แต่ขอเดาว่า บริษัทยังไม่ได้นำเงินเพิ่มทุนไปใช้ทำอะไร ฉะนั้นหากปล่อยกู้กินดอกเบี้ยน่าจะดีกว่าให้เงินนอนกองอยู่เฉยๆ นี่เป็นความคิดส่วนตัวนะ เพราะเรื่องปล่อยกู้บริษัทไม่จำเป็นต้องนำเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้น