ของดีจุติ!! กล่องดิจิตอล + Android Player - รีวิว CloudTV T2A คุ้มค่าน่าสอย
ชมรีวิวตัวเต็มๆได้ที่นี่ครับ
http://hdplayerthailand.com/review_detail.asp?topic_id=1583
มีคำที่บอกเล่าต่อๆ กันมาว่า “ของถูกและดีมีที่ไหน?” ผมคิดว่ามีนะครับ แล้วก็ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกลด้วย เพราะอยู่ที่รีวิวนี้ที่ทุกท่านกำลังอ่านอยู่ ใช่แล้วครับ CloudTV T2A เครื่องนี้ ได้รวมเอาความสามารถในการเล่นไฟล์ของ Android Player กับ DVB-T2 Set Top Box ไว้ที่เครื่องเดียวในราคาเพียง 2,690 บาท คุณผู้อ่านลองคิดดูสิครับ ราคากล่องรับสัญญาณดิจิตอลเครื่องหนึ่งในทุกวันนี้ก็ราคาประมาณ 1,200 บาท บวกกับราคาของ Android Player หนึ่งเครื่องก็ราวๆ 2,500บาท รวมแล้วก็ 3,700บาท แค่นี้ก็ได้ความคุ้มแล้วครับ ส่วนที่ว่าประสิทธิภาพจะดีเหมือนราคาหรือไม่ มาพิสูจน์ในรีวิวนี้กัน!!
สเปคของ CloudTV T2A เบื้องต้น
CPU : Dual Core Allwinner A20
GPU : Mali-400 MP4, OpenGL ES 1.1/2.0 และ OpenVG 1.1
ROM : 8GB NAND Flash
RAM : 1GB DDR3
OS : Android 4.2.2
HDMI : HDMI 1.4
HDD File System : FAT16/FAT32/NTFS
หน้าตาภายนอกของ CloudTV T2A นั้นอาจจะไม่เตะเตาเท่าไหร่ เพราะมีรูปลักษณ์ทรงเดียวกับกล่องรับสัญญาณ หรือเครื่องเล่นสมัยก่อน คือเป็นทรงกล่องสี่เหลี่ยมสีดำ บริเวณด้านหน้าของตัวเครื่องจะมีหน้าจอแสดงสถานะ พร้อมโลโก้ DVB-T2 ส่วนด้านบนเครื่องก็จะมีการสกรีนโลโก้แสดงคุณสมบัติต่างๆ ของตัวเครื่อง
โลโก้มากมาย การันตีคุณภาพ!!
ของที่แถมมาพร้อมกับตัวเครื่องก็จะมีอแดปเตอร์, คู่มือการใช้งานเบื้องต้น, สาย HDMI และสาย AV
ด้านช่องต่อและพอร์ตต่างๆ ที่เครื่องนี้ให้มาก็อยู่ในระดับที่ใข้ได้พอดิบพอดีครับ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ด้านข้างจะมีพอร์ต USB2.0 x 2 และช่อง TF Card (TF Card คือชื่อดั้งเดิมของ Micro SD Card) ส่วนด้านหลังจะมีช่องต่อ Antenna In, IR In, AV Out, HDMI, SPDIF, Ethernet และ DC In
ด้านข้างเป็นพอร์ต USB และช่องใส่ Micro SD Card
ด้านหลังเป็นช่องต่อ กับพอร์ตสำคัญๆ
สรุปช่องต่อทั้งหมดของ CloudTV T2A
1.USB 2.0 x 2
2.TF Card Slot (Micro SD Card Slot)
2.Antenna In
3.IR In
4.AV Out
5.HDMI
6.SPDIF
7.Ethernet
8.DC In
รีโมทของ Cloud TV Box T2A สามารถแปลงเป็นเมาส์ได้ด้วย
คุณผู้อ่านคงจะทราบกันแล้วว่าเครื่องนี้เป็นได้ทั้ง Android Player และ DVB-T2 Set Top Box ฉะนั้นในส่วนแรกนี้ผมจะพาไปดูความสามารถของการรับสัญญาณดิจิตอลกันก่อน แน่นอนว่าการเชื่อมต่อก็ไม่ได้ยุ่งยากครับเหมือนกับ DVB-T2 Set Top Box ทั่วไป เพียงนำสายอากาศมาต่อเข้าที่ช่อง Antenna In ที่ด้านหลัง จากนั้นก็ทำการค้นหาสัญญาณ ซึ่งการค้นหาก็แบ่งเป็น Manual Search (ค้นหาด้วยตัวเอง) กับ Auto Search (ค้นหาแบบอัตโนมัติ)
แนะนำให้ใช้การค้นหาแบบอัตโนมัติครับ เพราะเราจะได้ไม่ต้องมากำหนดค่าคลื่นความถี่เอง
ภาพมาแล้ว!!
ช่องไหนที่เป็นดิจิตอลก็จะมีคำว่า HD ต่อท้ายอยู่ด้านหลัง
หลังจากที่ทำการค้นหาสัญญาณเรียบร้อยแล้วเราก็จะสามารถชมภาพช่องฟรีทีวีต่างๆ ในระดับ HD ได้ นอกจากเรื่องภาพที่คมชัดขึ้นแล้ว การส่งสัญญาณแบบดิจิตอลนี้มันยังมีลูกเล่นอื่นๆ ให้เราได้ใช้งานกันอีกด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผังรายการล่วงหน้า (EPG), การตั้งรายการช่องโปรด (Favorite) หรือการตั้งเวลาอัดรายการทีวีล่วงหน้า (Record)
หน้าเมนูขณะที่เรารับชมทีวีอยู่
ในการเรียกผังรายการนั้นสามารถทำได้โดยการกดปุ่ม EPG บนรีโมท ซึ่งข้อมูลของผังรายการตรงนี้จะแสดงหรือไม่แสดง ขึ้นอยู่กับทางช่องนั้นๆ ว่าส่งข้อมูลในส่วนของผังรายการมาด้วยหรือไม่ ถ้าหากทางช่องนั้นมีการส่งข้อมูลมาในหน้าต่าง EPG ก็จะมีการแสดงรายการว่าแต่ละช่วงเวลาจะมีรายการอะไรออกอากาศบ้าง
อันนี้เป็นผังรายการของช่อง35 หรือก็คือช่อง CH7 HD
แฟนซีรีย์นี่ชื่นชอบมากครับ เพราะสัญญาณดิจิตอลสามารถเลือกระบบเสียงได้ด้วย ในกรณีนี้ผมเลือกฟังเสียงเกาหลี
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการที่เรามีกล่องรับสัญญาณดิจิตอลคือเราสามารถที่จะอัดรายการทีวีสดๆ หรือตั้งเวลาในการอัดรายการล่วงหน้าได้ ซึ่งวิธีในการอัดรายการนั้นก็ง่ายๆ ครับ แค่เรียกเมนูขึ้นมา แล้วเข้าไปที่หัวข้อ PVR เมื่อเข้าไปแล้วเราก็จะพบว่าด้านในแบ่งหัวข้อย่อย ออกเป็นสองฝั่งคือ File List กับ Task List
*Task List คือ หน้าที่ใช้กำหนด และแสดงรายการ การอัดรายการทีวีล่วงหน้าที่เราได้กำหนดไว้
*File List คือ หน้าแสดงไฟล์ที่เราได้อัดไว้แล้ว (เวลาจะดูไฟล์ที่บันทึกไว้ก็ให้เข้ามาที่หน้านี้)
ตั้งเวลาอัดรายการทีวีล่วงหน้า
หรือจะอัดรายการสดขณะนั้นเลยก็ได้เช่นกัน
สามารถตั้งค่าช่องโปรดได้ด้วยการเข้าไปที่เมนู Program Edit ครับ โดยช่องไหนที่เราได้ตั้งค่าไว้จะขึ้นเป็นรูปหัวใจ
ดั่งที่ได้บอกไปแล้วในช่วงต้นว่านอกจากจะเป็น DVB-T2 Set Top Box แล้ว CloudTV T2A ยังเป็น Android Player ในตัวอีกด้วย โดยระบบปฏิบัติการ Android ที่อยู่บนเครื่องนี้เป็นเวอร์ชั่น 4.2.2 ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผลแบบ Duo Core ของ Allwinner A20 ประมวลผลภาพกราฟิกด้วย Mali-400 MP4 มีหน่วยความจำภายใน 8GB (เหลือใช้จริงราวๆ 4GB) สามารถเพิ่มหน่วยความจำได้ด้วย Micro SD Card สูงสุดได้ไม่เกิน 32GB รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั้งแบบใช้สาย (LAN) และไร้สาย (Wireless LAN) เท่าที่ดูสเปคที่ให้มาขนาดนี้เทียบเคียงกับ Android Player ราคาระดับ 3,000กว่าบาทได้เลย
แม้ตัวเครื่องจะบอกว่าให้หน่วยความจำภายในมา 8GB
แต่ก็ต้องสูญเสียพื้นที่จำนวนหนึ่งไปให้กับระบบปฏิบัติการจึงเหลือใช้จริงอยู่ราวๆ 4GB
สำหรับไฟล์วิดีโอที่ผมใช้ทดสอบนี้เป็นไฟล์ .MKV เป็นนามสกุลไฟล์ที่เราใช้กันมากที่สุด บ่อยที่สุด โดยลำดับแรกจะเล่นผ่านแอพพลิเคชั่นยอดฮิตอย่าง MX Player ก่อน แล้วตามด้วยแอพ TvdVideo
การเล่นไฟล์ผ่าน USB ให้เข้าไปที่เมนู Media จากนั้นไปที่หัวข้อ File Manager
พร้อมทดสอบแล้ววว
ระหว่างแอพ MX Player กับ TvdVideo อันไหนจะตอบโจทย์ได้ดีกว่ากัน?
ภาพจากแอพ MX Player ครับ
ส่วนภาพนี้คือจากแอพ TvdVideo
จากที่ได้ทดลองเล่นทั้งสองแอพ ผมแนะนำว่าให้ใช้ TvdVideo ในการเล่นไฟล์จะดีกว่าแอพ MX Player เพราะแอพ TvdVideo จะดูดี มีภาษีในเรื่องการปรับแต่งค่าต่างๆ ได้ง่ายกว่า ถ้าหากเราสังเกตดูที่รูป การตั้งค่าขั้นสูงอย่าง ปรับเสียงดีเลย์ ปรับแต่งซับไตเติ้ล จะอยู่บริเวณ Seek Bar เลย แต่ถ้าเป็นแอพ MX Player นั้น เราจะต้องเข้าไปที่หน้า Setting อีกที จึงทำให้แอพ TvdVideo น่าใช้งานมากกว่า และเท่าที่ผมดูด้วยสายตาดูเหมือนว่าแอพ TvdVideo จะให้แสดงรายละเอียดภาพได้ดีกว่าด้วย
แต่งซับไตเติ้ล ปรับแต่งเสียงดีเลย์ได้ง่ายๆ เลยตรง Seekbar
นอกจากนี้แล้วแอพ TvdVideo ยังมีภาษีดีเหนือกว่าแอพอื่นๆ ตรงที่แอพนี้สามารถเล่นไฟล์ .MKV สามมิติแบบ Side by Side กับ Top and Bottom ได้ด้วย หรือถ้าใครไม่อยากดูภาพแบบสามมิติ แอพ TvdVideo ก็สามารถแปลงภาพให้กลับไปเป็นแบบสองมิติธรรมดาได้ เรียกได้ว่าจะดูภาพสองมิติ หรือสามมิติ แอพนี้ก็ตอบโจทย์ครับ
ภาพตัวอย่างนี้เป็นสามมิติแบบ Top and Bottom ครับ
รวมร่างใส่แว่น ดูได้เลย!!
ส่วนไฟล์เพลงที่ผมนำมาใช้ทดสอบก็มีทั้ง FLAC, MP3, WAV, WMA เปิดผ่านแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า Jet Audio ความจริงแล้วนอกจากแอพนี้ก็ยังมีแอพอื่นๆ อีกที่เล่นได้ครับ เพียงแต่แอพ JetAudio มีจุดเด่นอยู่ที่สามารถจัดการอัลบั้มเพลงได้ง่ายกว่าแอพอื่นๆ
แอพ JetAudio อินเตอร์เฟซสวยงาม จัดการอัลบั้มง่าย
[SR] ของดีจุติ!! กล่องดิจิตอล + Android Player - รีวิว CloudTV T2A คุ้มค่าน่าสอย
ชมรีวิวตัวเต็มๆได้ที่นี่ครับ http://hdplayerthailand.com/review_detail.asp?topic_id=1583
มีคำที่บอกเล่าต่อๆ กันมาว่า “ของถูกและดีมีที่ไหน?” ผมคิดว่ามีนะครับ แล้วก็ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกลด้วย เพราะอยู่ที่รีวิวนี้ที่ทุกท่านกำลังอ่านอยู่ ใช่แล้วครับ CloudTV T2A เครื่องนี้ ได้รวมเอาความสามารถในการเล่นไฟล์ของ Android Player กับ DVB-T2 Set Top Box ไว้ที่เครื่องเดียวในราคาเพียง 2,690 บาท คุณผู้อ่านลองคิดดูสิครับ ราคากล่องรับสัญญาณดิจิตอลเครื่องหนึ่งในทุกวันนี้ก็ราคาประมาณ 1,200 บาท บวกกับราคาของ Android Player หนึ่งเครื่องก็ราวๆ 2,500บาท รวมแล้วก็ 3,700บาท แค่นี้ก็ได้ความคุ้มแล้วครับ ส่วนที่ว่าประสิทธิภาพจะดีเหมือนราคาหรือไม่ มาพิสูจน์ในรีวิวนี้กัน!!
สเปคของ CloudTV T2A เบื้องต้น
CPU : Dual Core Allwinner A20
GPU : Mali-400 MP4, OpenGL ES 1.1/2.0 และ OpenVG 1.1
ROM : 8GB NAND Flash
RAM : 1GB DDR3
OS : Android 4.2.2
HDMI : HDMI 1.4
HDD File System : FAT16/FAT32/NTFS
หน้าตาภายนอกของ CloudTV T2A นั้นอาจจะไม่เตะเตาเท่าไหร่ เพราะมีรูปลักษณ์ทรงเดียวกับกล่องรับสัญญาณ หรือเครื่องเล่นสมัยก่อน คือเป็นทรงกล่องสี่เหลี่ยมสีดำ บริเวณด้านหน้าของตัวเครื่องจะมีหน้าจอแสดงสถานะ พร้อมโลโก้ DVB-T2 ส่วนด้านบนเครื่องก็จะมีการสกรีนโลโก้แสดงคุณสมบัติต่างๆ ของตัวเครื่อง
โลโก้มากมาย การันตีคุณภาพ!!
ของที่แถมมาพร้อมกับตัวเครื่องก็จะมีอแดปเตอร์, คู่มือการใช้งานเบื้องต้น, สาย HDMI และสาย AV
ด้านช่องต่อและพอร์ตต่างๆ ที่เครื่องนี้ให้มาก็อยู่ในระดับที่ใข้ได้พอดิบพอดีครับ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ด้านข้างจะมีพอร์ต USB2.0 x 2 และช่อง TF Card (TF Card คือชื่อดั้งเดิมของ Micro SD Card) ส่วนด้านหลังจะมีช่องต่อ Antenna In, IR In, AV Out, HDMI, SPDIF, Ethernet และ DC In
ด้านข้างเป็นพอร์ต USB และช่องใส่ Micro SD Card
ด้านหลังเป็นช่องต่อ กับพอร์ตสำคัญๆ
สรุปช่องต่อทั้งหมดของ CloudTV T2A
1.USB 2.0 x 2
2.TF Card Slot (Micro SD Card Slot)
2.Antenna In
3.IR In
4.AV Out
5.HDMI
6.SPDIF
7.Ethernet
8.DC In
รีโมทของ Cloud TV Box T2A สามารถแปลงเป็นเมาส์ได้ด้วย
คุณผู้อ่านคงจะทราบกันแล้วว่าเครื่องนี้เป็นได้ทั้ง Android Player และ DVB-T2 Set Top Box ฉะนั้นในส่วนแรกนี้ผมจะพาไปดูความสามารถของการรับสัญญาณดิจิตอลกันก่อน แน่นอนว่าการเชื่อมต่อก็ไม่ได้ยุ่งยากครับเหมือนกับ DVB-T2 Set Top Box ทั่วไป เพียงนำสายอากาศมาต่อเข้าที่ช่อง Antenna In ที่ด้านหลัง จากนั้นก็ทำการค้นหาสัญญาณ ซึ่งการค้นหาก็แบ่งเป็น Manual Search (ค้นหาด้วยตัวเอง) กับ Auto Search (ค้นหาแบบอัตโนมัติ)
แนะนำให้ใช้การค้นหาแบบอัตโนมัติครับ เพราะเราจะได้ไม่ต้องมากำหนดค่าคลื่นความถี่เอง
ภาพมาแล้ว!!
ช่องไหนที่เป็นดิจิตอลก็จะมีคำว่า HD ต่อท้ายอยู่ด้านหลัง
หลังจากที่ทำการค้นหาสัญญาณเรียบร้อยแล้วเราก็จะสามารถชมภาพช่องฟรีทีวีต่างๆ ในระดับ HD ได้ นอกจากเรื่องภาพที่คมชัดขึ้นแล้ว การส่งสัญญาณแบบดิจิตอลนี้มันยังมีลูกเล่นอื่นๆ ให้เราได้ใช้งานกันอีกด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผังรายการล่วงหน้า (EPG), การตั้งรายการช่องโปรด (Favorite) หรือการตั้งเวลาอัดรายการทีวีล่วงหน้า (Record)
หน้าเมนูขณะที่เรารับชมทีวีอยู่
ในการเรียกผังรายการนั้นสามารถทำได้โดยการกดปุ่ม EPG บนรีโมท ซึ่งข้อมูลของผังรายการตรงนี้จะแสดงหรือไม่แสดง ขึ้นอยู่กับทางช่องนั้นๆ ว่าส่งข้อมูลในส่วนของผังรายการมาด้วยหรือไม่ ถ้าหากทางช่องนั้นมีการส่งข้อมูลมาในหน้าต่าง EPG ก็จะมีการแสดงรายการว่าแต่ละช่วงเวลาจะมีรายการอะไรออกอากาศบ้าง
อันนี้เป็นผังรายการของช่อง35 หรือก็คือช่อง CH7 HD
แฟนซีรีย์นี่ชื่นชอบมากครับ เพราะสัญญาณดิจิตอลสามารถเลือกระบบเสียงได้ด้วย ในกรณีนี้ผมเลือกฟังเสียงเกาหลี
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการที่เรามีกล่องรับสัญญาณดิจิตอลคือเราสามารถที่จะอัดรายการทีวีสดๆ หรือตั้งเวลาในการอัดรายการล่วงหน้าได้ ซึ่งวิธีในการอัดรายการนั้นก็ง่ายๆ ครับ แค่เรียกเมนูขึ้นมา แล้วเข้าไปที่หัวข้อ PVR เมื่อเข้าไปแล้วเราก็จะพบว่าด้านในแบ่งหัวข้อย่อย ออกเป็นสองฝั่งคือ File List กับ Task List
*Task List คือ หน้าที่ใช้กำหนด และแสดงรายการ การอัดรายการทีวีล่วงหน้าที่เราได้กำหนดไว้
*File List คือ หน้าแสดงไฟล์ที่เราได้อัดไว้แล้ว (เวลาจะดูไฟล์ที่บันทึกไว้ก็ให้เข้ามาที่หน้านี้)
ตั้งเวลาอัดรายการทีวีล่วงหน้า
หรือจะอัดรายการสดขณะนั้นเลยก็ได้เช่นกัน
สามารถตั้งค่าช่องโปรดได้ด้วยการเข้าไปที่เมนู Program Edit ครับ โดยช่องไหนที่เราได้ตั้งค่าไว้จะขึ้นเป็นรูปหัวใจ
ดั่งที่ได้บอกไปแล้วในช่วงต้นว่านอกจากจะเป็น DVB-T2 Set Top Box แล้ว CloudTV T2A ยังเป็น Android Player ในตัวอีกด้วย โดยระบบปฏิบัติการ Android ที่อยู่บนเครื่องนี้เป็นเวอร์ชั่น 4.2.2 ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผลแบบ Duo Core ของ Allwinner A20 ประมวลผลภาพกราฟิกด้วย Mali-400 MP4 มีหน่วยความจำภายใน 8GB (เหลือใช้จริงราวๆ 4GB) สามารถเพิ่มหน่วยความจำได้ด้วย Micro SD Card สูงสุดได้ไม่เกิน 32GB รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั้งแบบใช้สาย (LAN) และไร้สาย (Wireless LAN) เท่าที่ดูสเปคที่ให้มาขนาดนี้เทียบเคียงกับ Android Player ราคาระดับ 3,000กว่าบาทได้เลย
แม้ตัวเครื่องจะบอกว่าให้หน่วยความจำภายในมา 8GB
แต่ก็ต้องสูญเสียพื้นที่จำนวนหนึ่งไปให้กับระบบปฏิบัติการจึงเหลือใช้จริงอยู่ราวๆ 4GB
สำหรับไฟล์วิดีโอที่ผมใช้ทดสอบนี้เป็นไฟล์ .MKV เป็นนามสกุลไฟล์ที่เราใช้กันมากที่สุด บ่อยที่สุด โดยลำดับแรกจะเล่นผ่านแอพพลิเคชั่นยอดฮิตอย่าง MX Player ก่อน แล้วตามด้วยแอพ TvdVideo
การเล่นไฟล์ผ่าน USB ให้เข้าไปที่เมนู Media จากนั้นไปที่หัวข้อ File Manager
พร้อมทดสอบแล้ววว
ระหว่างแอพ MX Player กับ TvdVideo อันไหนจะตอบโจทย์ได้ดีกว่ากัน?
ภาพจากแอพ MX Player ครับ
ส่วนภาพนี้คือจากแอพ TvdVideo
จากที่ได้ทดลองเล่นทั้งสองแอพ ผมแนะนำว่าให้ใช้ TvdVideo ในการเล่นไฟล์จะดีกว่าแอพ MX Player เพราะแอพ TvdVideo จะดูดี มีภาษีในเรื่องการปรับแต่งค่าต่างๆ ได้ง่ายกว่า ถ้าหากเราสังเกตดูที่รูป การตั้งค่าขั้นสูงอย่าง ปรับเสียงดีเลย์ ปรับแต่งซับไตเติ้ล จะอยู่บริเวณ Seek Bar เลย แต่ถ้าเป็นแอพ MX Player นั้น เราจะต้องเข้าไปที่หน้า Setting อีกที จึงทำให้แอพ TvdVideo น่าใช้งานมากกว่า และเท่าที่ผมดูด้วยสายตาดูเหมือนว่าแอพ TvdVideo จะให้แสดงรายละเอียดภาพได้ดีกว่าด้วย
แต่งซับไตเติ้ล ปรับแต่งเสียงดีเลย์ได้ง่ายๆ เลยตรง Seekbar
นอกจากนี้แล้วแอพ TvdVideo ยังมีภาษีดีเหนือกว่าแอพอื่นๆ ตรงที่แอพนี้สามารถเล่นไฟล์ .MKV สามมิติแบบ Side by Side กับ Top and Bottom ได้ด้วย หรือถ้าใครไม่อยากดูภาพแบบสามมิติ แอพ TvdVideo ก็สามารถแปลงภาพให้กลับไปเป็นแบบสองมิติธรรมดาได้ เรียกได้ว่าจะดูภาพสองมิติ หรือสามมิติ แอพนี้ก็ตอบโจทย์ครับ
ภาพตัวอย่างนี้เป็นสามมิติแบบ Top and Bottom ครับ
รวมร่างใส่แว่น ดูได้เลย!!
ส่วนไฟล์เพลงที่ผมนำมาใช้ทดสอบก็มีทั้ง FLAC, MP3, WAV, WMA เปิดผ่านแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า Jet Audio ความจริงแล้วนอกจากแอพนี้ก็ยังมีแอพอื่นๆ อีกที่เล่นได้ครับ เพียงแต่แอพ JetAudio มีจุดเด่นอยู่ที่สามารถจัดการอัลบั้มเพลงได้ง่ายกว่าแอพอื่นๆ
แอพ JetAudio อินเตอร์เฟซสวยงาม จัดการอัลบั้มง่าย