นึกย้อนไปเมื่อครั้งที่เบียดๆ แย่งชิงตำแหน่งมือ 1 ของทีมชาติเยอรมัน กับอ๊าดเลอร์ ซึ่งก่อนนั้นมือ 1 น่าจะเป็นของ เอ็งเค่ ที่เสียชีวิตไป หลังจากนั้นโดยแคนติเดต มือ 1 เป็นของอ๊าดเลอร์ที่อยู่เลเวอร์ฯ ส่วนนอยเออร์อยู่ชาลเก้ ตอนนั้นอุ่นเครื่องทดสอบโกล์เหมือนเลิฟจะการันตีมือ 1 ให้แล้วด้วย อ๊าดเลอร์มีฟอร์มการเล่นที่ช่วยเซฟงามๆ ให้กับเลเวอร์ได้หลายครั้งหลายครา คงเส้นคงวา แต่นอยเออร์มีทีเด็ดที่ช๊อตมหัศจรรย์พอตัว แต่แล้วก่อนบอลโลก 2010 จะเริ่ม อ๊าดเลอร์ดวงแตก ได้รับบาดเจ็บ จนต้องถอนตัวจากทีมชาติ เพื่อรักษาตัวเอง ทำให้อดไปแอฟริกาใต้ด้วย มือ 1 จึงตกเป็นของนอยเออร์ มือ 2-3 เป็นของ ทิม วิเซ่ กับ ยอร์ก บุทท์ และทัวร์นาเม้นท์นี้เอง นอยเออร์ก็โชว์ฟอร์มได้ดี จนยึดมือ 1 มาครองด้วยฝีมือ ถัดจากนั้นปี 2011 ก็ย้ายมาบาเยิร์น คว้าแชมป์เป็นว่าเล่น ทั้งในลีก ถ้วยสโมสรยุโรป ซึ่งถ้วยใหญ่ปีที่แล้วก็เป็นปีทองของพลพรรคบาเยิร์นและนอยเออร์สักที หลังจากเป็นพระรองอยู่หลายครั้ง ฝีมือของนอยเออร์มีแต่เก่งขึ้นเรื่อยๆ รูปร่างค่อนข้างใหญ่ แข็งแกร่ง นิ่ง สุขุม การอ่านเกมส์ การตัดสินใจ การป้องกันประตู หรือแม้การเป็นสวีปเปอร์ตัวสุดท้าย อาจมีบ้างที่หลุดๆ ไป แต่ทั้งในทีมชาติและสโมสรก็ไม่มีใครมาเบียดได้เลย บทสรุปทัวร์นาเม้นนี้ของนอยเออร์ก็ได้ถ้วยแชมป์โลก 2014 อีก 1 รางวัล และรางวัลโกลเด้น โกลฟ อีก 1 รางวัล สุดยอดมาก

กลับกันทางด้านอ๊าดเลอร์ หลังจากที่หายเจ็บกลับมาก็ดูวี่แววไม่สามารถกลับมาทวงมือ 1 ได้อีก แม้กระทั่งจะมีชื่อติดในทีมชาติยังยากเลย โดนรุ่นน้องแซงไปหมด ทั้ง สเตเก้น ซีเลอร์ หรือน้าไวเดนฯ ระดับสโมสรก็โดนยิงเป็นว่าเล่น แม้จะช่วยทีมป้องกันประตูได้หลายครั้งก็ตาม ซึ่งปีที่ผ่านมาก็เกือบตกชั้นไปกับฮัมบวร์กแบบฉิวเฉียด คิดดูว่าคนนึงพุ่งสู่จุดสูงสุดของอาชีพนักบอล ถ้วย เหรียญ รางวัลส่วนตัว สะสมเป็นกอบเป็นกำ แต่อีกคนหายไปจากทีมชาติเลย ถ้าวันนั้นอ๊าดเลอร์ไม่ได้รับบาดเจ็บ ก็อาจจะยังไม่มีผู้รักษาประตูมือที่ดีสุดของโลกคนนึงอย่างนอยเออร์ก็เป็นได้ เพียงแค่คิดนะครับ ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วถึงตอนนั้นเลิฟจะให้โอกาสนอยเออร์ มากน้อยแค่ไหน ต้องบอกเลยว่านอกจากฝีมือจะดี คว้าโอกาสเอาไว้ได้แล้ว ดวง โชคชะตา วาสนามันส่งให้นอยเออร์จริงๆ ครับ