เราทุกคนคงเคยได้ยินได้ฟังได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับนโยบายประชานิยมเมื่อไม่นานมานี้ในยุคสมัยหนึ่งที่ได้ให้คำนิยมว่าประชาธิปไตยกินได้ แต่ก็เป็นที่แสลงใจของผู้คนในสังคมนี้อยู่ไม่น้อย
ประชานิยมเลวจริงหรือไม่ เราคงมีบทเรียนทั้งสองด้านทั้งด้านดี และด้านเลว ด้านดีคือมีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากนโยบายดังกล่าว ในด้านเลวคิอการผลาญงบประมาณแผ่นดินเพื่อนำไปใช้ซื้อเสียงโดยถูกกฎหมาย ดังนั้นจึงควรต้องชั่งน้ำหนักเป็นเรื่องๆ ไป ไม่ควรเหมารวมว่าถ่าขึ้นชื่อว่าประชานิยมแล้วจะเลวไปเสียทั้งหมด ทำไมต้องมีประชานิยมคำตอบคำตอบที่มีอยู่ในใจตอนนี้คือ ประชานิยมได้เข้ามาอุดช่องว่างของระบบการค้าเสรี ที่เป็นหลักการว่ารัฐไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจ เพื่อให้ดกิดการแข่งขันอย่างเสรี และเมื่อเกิดการแข่งขันอย่างเสรีแล้วประชาชนจะได้รับประโยชน์ทั้งในแง่ของคุณภาพของสินค้า ราคาสินค้า รวมทั้งการเกิดขึ้นของนวัตรกรรมใหม่ๆ แต่ในโลกความเป็นจริงการค้าหาได้เสรีอย่างทฤษฎีมั้ย เพราะผู้มีกำลัง ทุนทรัพย์ และโอกาสก็จะผูกขาดการค้านั้นไว้ได้ดังตัวอย่างของบรรษัทข้ามชาติต่างๆ ดังนั้น ผลประโยชน์จึงไม่ได้ตกไปถึงมืออย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยตามหลักการเศรษฐกิจที่ว่าความั่งคั่งจะซึมลงไปจากผู้ที่มั่งมีลงไปสู่ผู้ยากไร้ของสังคม ประชานิยมจึงเป็นกลไกที่เข้ามาอุดช่องว่างดังกล่าว เพื่อให้ผู้คนที่เป็นผู้ด้อยโอกาสได้รับการช่วยเหลือให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และดำรงอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีของความเป็นคน ซึ่งก็อีกนั้นแหละที่มีข้อครหาตามมาอีกว่าที่จนเพราะไม่รู้จักพอ ความพอเพียงจะเกิดขึ้นได้เมื่อผู้นั้นได้มีและครอบครองปัจจัยสี่ รวมทั้งเครื่องมืออำนวยความสะดวก ตลอดจนสิ่งของที่ทำให้เค้าผู้นั้นได้รับการยอมรับจากสังคมรอบตัวเข้าด้วย ซึ่งก็คือความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ซึ่งเกินกว่าปัจจัยสี่แล้ว จึงเป็นเรื่องง่ายๆว่าทำไมคนรากหญ้าต้องดิ้นรนเพื่อให้ได้ครอบครองรถมอเตอร์ไซด์ โทรศัพท์มือถือ ในขณะที่คนเมืองเห็นว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นของฟุ่มเฟือยสำหรับคนรากหญ้าในขณะที่ตัวเองก็มีและครอบครองมันอยู่ ซึ่งอาจดีกว่าสิ่งที่คนรากหญ้าต้องการด้วยซ้ำ การจะกล่าวตำหนิ หรือตั้งข้อหาใดๆ จึงควรใช้เหตุผลพิจารณาให้รอบด้านเสียก่อนมากกว่าที่จะใช้ควรมรู้สึกชอบไม่ชอบ หรือเพราะเกลียด หากกองทุนหมู่บ้าน หรือรถคันแรก บ้านคันแรกเป็นประชานิยมที่เลว การไม่ออกกฎหมายว่าด้วยภาษีก้าวหน้า หรือภาษีมรดก รวมทั้งภาษีารถือครองที่ดินเกินกว่าความจำเป็นก็ล้วนเป็นนโยบายประชานิยมด้ฝยเหมือนกัน แต่เป็นประชานิยมที่ไม่ต้องปฏิบัติ และเราก็รู้ว่าใครคือคนได้ประโยชน์
ฤา ประชานิยมคือนโยบายที่เลว
ประชานิยมเลวจริงหรือไม่ เราคงมีบทเรียนทั้งสองด้านทั้งด้านดี และด้านเลว ด้านดีคือมีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากนโยบายดังกล่าว ในด้านเลวคิอการผลาญงบประมาณแผ่นดินเพื่อนำไปใช้ซื้อเสียงโดยถูกกฎหมาย ดังนั้นจึงควรต้องชั่งน้ำหนักเป็นเรื่องๆ ไป ไม่ควรเหมารวมว่าถ่าขึ้นชื่อว่าประชานิยมแล้วจะเลวไปเสียทั้งหมด ทำไมต้องมีประชานิยมคำตอบคำตอบที่มีอยู่ในใจตอนนี้คือ ประชานิยมได้เข้ามาอุดช่องว่างของระบบการค้าเสรี ที่เป็นหลักการว่ารัฐไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจ เพื่อให้ดกิดการแข่งขันอย่างเสรี และเมื่อเกิดการแข่งขันอย่างเสรีแล้วประชาชนจะได้รับประโยชน์ทั้งในแง่ของคุณภาพของสินค้า ราคาสินค้า รวมทั้งการเกิดขึ้นของนวัตรกรรมใหม่ๆ แต่ในโลกความเป็นจริงการค้าหาได้เสรีอย่างทฤษฎีมั้ย เพราะผู้มีกำลัง ทุนทรัพย์ และโอกาสก็จะผูกขาดการค้านั้นไว้ได้ดังตัวอย่างของบรรษัทข้ามชาติต่างๆ ดังนั้น ผลประโยชน์จึงไม่ได้ตกไปถึงมืออย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยตามหลักการเศรษฐกิจที่ว่าความั่งคั่งจะซึมลงไปจากผู้ที่มั่งมีลงไปสู่ผู้ยากไร้ของสังคม ประชานิยมจึงเป็นกลไกที่เข้ามาอุดช่องว่างดังกล่าว เพื่อให้ผู้คนที่เป็นผู้ด้อยโอกาสได้รับการช่วยเหลือให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และดำรงอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีของความเป็นคน ซึ่งก็อีกนั้นแหละที่มีข้อครหาตามมาอีกว่าที่จนเพราะไม่รู้จักพอ ความพอเพียงจะเกิดขึ้นได้เมื่อผู้นั้นได้มีและครอบครองปัจจัยสี่ รวมทั้งเครื่องมืออำนวยความสะดวก ตลอดจนสิ่งของที่ทำให้เค้าผู้นั้นได้รับการยอมรับจากสังคมรอบตัวเข้าด้วย ซึ่งก็คือความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ซึ่งเกินกว่าปัจจัยสี่แล้ว จึงเป็นเรื่องง่ายๆว่าทำไมคนรากหญ้าต้องดิ้นรนเพื่อให้ได้ครอบครองรถมอเตอร์ไซด์ โทรศัพท์มือถือ ในขณะที่คนเมืองเห็นว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นของฟุ่มเฟือยสำหรับคนรากหญ้าในขณะที่ตัวเองก็มีและครอบครองมันอยู่ ซึ่งอาจดีกว่าสิ่งที่คนรากหญ้าต้องการด้วยซ้ำ การจะกล่าวตำหนิ หรือตั้งข้อหาใดๆ จึงควรใช้เหตุผลพิจารณาให้รอบด้านเสียก่อนมากกว่าที่จะใช้ควรมรู้สึกชอบไม่ชอบ หรือเพราะเกลียด หากกองทุนหมู่บ้าน หรือรถคันแรก บ้านคันแรกเป็นประชานิยมที่เลว การไม่ออกกฎหมายว่าด้วยภาษีก้าวหน้า หรือภาษีมรดก รวมทั้งภาษีารถือครองที่ดินเกินกว่าความจำเป็นก็ล้วนเป็นนโยบายประชานิยมด้ฝยเหมือนกัน แต่เป็นประชานิยมที่ไม่ต้องปฏิบัติ และเราก็รู้ว่าใครคือคนได้ประโยชน์