กสทช. ลงดาบช่อง 3 เหตุเอาเปรียบผู้บริโภค งัดของเก่าฉายเกลื่อนจอดิจิตอล
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
นับเนื่องมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ข่าวคราวของ "ทีวีดิจิตอล" กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่คนทั่วไปให้ความสนใจ ตลอดจนจับตามองอยู่เป็นระยะ เริ่มจากที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่า "ทีวีดิจิตอล" คืออะไร? แตกต่าง หรือเหมือนกับฟรีทีวีช่องปกติอย่างไร? จากนั้นด้วยสื่อต่างๆที่ทยอยนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง ทุกคนจึงเริ่มทำความเข้าใจเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ แม้จะไม่กระจ่างทั้งหมดก็ตาม
ระเรื่อยมาจนถึงการประกาศผู้ที่ชนะการประมูลช่องต่างๆ ด้วยสนนมูลค่ารวมสูงถึง 50,862สล้านบาท
แต่เชื่อเถอะว่า คนทั่วไปคงไม่ได้โฟกัสไปที่ยอดตัวเลขว่าบริษัทใด ประมูลด้วยยอดเงินเท่าไหร่ มากไปกว่า ในแต่ละช่องมี "คอนเทนต์" อะไรให้ดูบ้าง? ทั้งนี้เพราะทาง "คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติส(กสทช.)" ได้มีการจัดแบ่งหมวดหมู่ของเนื้อหาไว้อย่างชัดเจน...
หลังจากนั้นทุกบริษัทที่ได้เป็นเจ้าของสัมปทานช่องต่างๆ ก็พากันขับเคลื่อนคอนเทนต์ของตัวเอง เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดกันอย่างชนิดไม่มีใครยอมรามือให้ใคร
ไม่ว่าจะเป็นไทยทีวี ในเครือ "ทีวีพูล" ที่เริ่มขยับตัวก่อน ด้วยการจับมือ บริษัท โพสต์ พับลิชชิง จำกัด (มหาชน) ร่วมกันผลิตรายการป้อนช่อง THV (ทีเอชวี) ก่อนจะมีความขัดแย้งกันในเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน และแนวความคิดที่ไม่ตรงกัน จนต้องบอกลากันในเวลาต่อมา ตามที่เป็นข่าวใหญ่โต ถึงขนาดแม่ทัพหญิง อย่าง "ติ๋ม-พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย" ต้องตั้งโต๊ะเปิดสัมภาษณ์กันแบบ Exclusive เพื่อให้ความกระจ่างแก่บรรดาสื่อมวลชน ในการนำเสนอข่าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง ขณะที่ในภาคบันเทิง ซึ่งเป็นงานถนัดก็ไม่ทิ้ง เพราะมีทั้งรายการวาไรตี้ และละครที่อัดแน่นเต็มจอ
ในฟากฝั่งของ อาร์เอส ก็มีการยกระดับปรับฐานะของ ช่อง 8 จากที่เป็นช่องทีวีดาวเทียมมาเป็นช่องดิจิตอลด้วยเช่นกัน โดยยังคงผังรายการตามเดิม ที่เน้นวาไรตี้ และละครประเภท ชิงรักหักสวาท เช่นเดียวกับช่อง One ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ที่เพิ่งเปิดตัวละครฟอร์มยักษ์ "บัลลังก์เมฆ ไปหมาดๆ พร้อมการขนทัพนักแสดงระดับมือวางอันดับหนึ่งมาประชันกันแน่นจอ ทั้ง "ศรราม เทพพิทักษ์", "สมชาย เข็มกลัด" และ "ปฏิภาณ ปฐวีกานต์" ที่จะต้องมารับบทเดียวกับที่ 3 พระเอกระดับตำนาน "สมบัติ เมทะนี", "กรุง ศรีวิไล" และสรพษ์ ชาตรี" เคยเล่นในในเวอร์ชันแรก ส่วนบท ปานรุ้ง" ตกเป็นของ "อ้อม- พิยดา จุฑารัตนกุล"
ไม่เพียง อาร์เอส ,จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และทีวีพูล ที่มาลง สนามสู้ศึกละครผ่านจอทีวีดิจิตอล ยังจะมีช่อง PPTV. และช่อง MONO 29 ที่ขอกระโจนลงมาแชร์มาร์เกตในสนามนี้ด้วย ว่ากันว่าการขับเคลื่อนครั้งนี้ ยังผลให้บรรดานวนิยายของนักประพันธ์ชั้นครู ถูกกว้านซื้อกันจนเกลี้ยงตลาด หนึ่งในนั้นคือ "ปริศนา" ผลงานการประพันธ์ของ ว.ณ ประมวญมารค ที่ช่อง 3 หมายตาว่าจะจับมารีเมกใหม่อีกรอบ พร้อมดัน "ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์" รับบท "ปริศนา" ก็เป็นอันหลุดไปอยู่ในมือของช่องน้องใหม่ อย่าง PPTV. ภายใต้การดำเนินงานของ "หม่อมราชวงศ์ศรีคำรุ้ง ยุคล" หรือ "คุณหญิงแมงมุม" เรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ช่อง 3 ได้สัมปทานช่อง "ดิจิตอล" ในมือถึง 3 ช่อง ประกอบไปด้วยสถานีเด็กและครอบครัว (ช่อง 13) สถานี SD (ช่อง 28) และสถานี HD (ช่อง 33) ซึ่งดำเนินงานภายใต้การดูแลของ บริษัทบีอีซี มัลมีเดีย จำกัด ซึ่งเป็นคนละบริษัทกับบริษัทที่ดูแลช่อง 3 อะนาล็อก หรือช่อง 3 ออริจินัล ที่ต้องดูผ่านเสาอากาศแบบก้างปลา
โดยในช่วงการทดลองออกอากาศนั้น ทางช่อง 3 ได้มีการนำสัญญาณในระบบอะนาล็อกเก่ามาออกอากาศผ่านระบบ เครือข่ายทีวีดิจิตอลทั้งสามช่อง จนกระทั่งมาถึงช่วงระยะเวลา ที่ใบอนุญาตมีการบังคับใช้ ทาง กสทช. มีมติสั่งห้ามทางช่อง 3 กระทำการดังกล่าวแล้ว นั่นหมายถึงว่าช่อง 3 ดิจิตอล ไม่สามารถออกอากาศในลักษณะ "คู่ขนาน" ไปกับช่อง 3 ออริจินัล เหมือนกับช่องฟรีทีวีอื่นๆ อีก 5 ช่อง คือ ช่อง 5, ช่อง 7, โมเดิร์นไนน์, ช่อง 11 และไทยพีบีเอส
อย่างไรก็ตามคอนเทนต์ที่ช่อง 3 นำมาเป็นกลยุทธ์บุกเบิกช่องดิจิตอลนั้น มุ่งเน้นไปที่รายการข่าวเป็นหลัก ถึงขนาด มีการกว้านตัวผู้ประกาศข่าวตลอดจนพิธีกรเข้ามาอยู่ในสังกัดหลายต่อหลายคน อาทิ ณัฐธีร์ โกศลพิศิษฐ์ จากโมเดิร์น ไนน์, ประวีณมัย บ่ายคล้อย จากไทยพีบีเอส ขณะที่มีคน "ไหลเข้า" ก็ย่อมมี "ไหลออก" อาทิ ปราย ธนาอัมพุช ที่อยู่กับช่อง 3 มาเป็นเวลา 19 ปี ย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ ช่อง PPTV ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายผลิตรายการและควบคุมคุณภาพรายการ พร้อมกับที่ชาญชัย กายสิทธิ์ ก็ย้ายไปนั่งตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายข่าวบันเทิงและธุรกิจของช่องเดียวกัน หลังจากที่ทำงานอยู่ คู่ช่อง 3 มาถึง 17 ปี ขณะที่ผู้ประกาศเดิมที่มีอยู่ บางคนก็ต้องทำควบทั้งช่อง 3 ออริจินัล และช่อง 3 ดิจิตอล ซึ่งหลายรายการ ออนแอร์พร้อมกันทั้งที่ช่อง SD และ HD. บางรายการก็โยกย้ายมาจากช่อง 3 ออริจินัล อาทิ ผู้หญิงถึงผู้หญิง, แจ๋ว
ขณะที่ทุกคนจับสังเกตได้ว่า รายการอื่นๆ นอกเหนือจากรายการข่าว ล้วนเป็นการนำ "ของเก่า" กลับมาปัดฝุ่นฉายใหม่ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นละครเก่า อย่างเงาะแท้แซ่ฮีโร่, เทวดาสาธุ, หลวงตามหาชน ซีรีส์ต่างๆ ทั้งของเกาหลี, ฮ่องกง, ไต้หวัน อาทิ องค์หญิงกำมะลอ, มรสุมรัก สงครามชีวิต ฯลฯ รายการ วาไรตี้-เกมโชว์ อย่าง ถ้าคุณแน่อย่าแพ้ ป.4 , แกะดำ ฯลฯ เป็นต้น
นั่นจึงเป็นมูลเหตุให้ทาง กสทช. เริ่มเพ่งเล็ง และยื่นโนติ๊สถึงผู้บริหารช่อง 3 เพราะมองว่าการกระทำดังกล่าว ถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคขนานใหญ่ อีกทั้งยังมองว่าได้มีการให้เวลาสำหรับเตรียมการล่วงหน้าแล้ว ขณะที่ทางหัวเรือใหญ่ "ประวิทย์ มาลีนนท์" ก็ให้เหตุผลว่าไม่สามารถผลิตเนื้อหาได้ทัน พร้อมให้คำมั่นว่า ถ้าอยากจะเห็นรายการใหม่ ละครใหม่ และนักแสดงคนโปรดแบบคมชัด คงจะต้องรอไปถึงเฟส 3 เดือนตุลาคม
หลักใหญ่ใจความก็น่าจะมาจากการที่ช่อง 3 ต้องแบกรับภาระอันหนักหน่วง ในการบริหารจัดการคอนเทนต์ต่างๆ ของช่องทีวีในมือ พร้อมกันถึง 4 ช่อง คือช่อง 3 ออริจินัล และดิจิตอลอีก 3 ช่อง ขณะที่บุคลากร และเครื่องไม้เครื่องมือ ไม่ได้เพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่สอดคล้องกับการอัตราการขยายตัวแบบก้าวกระโดดในครั้งนี้
แต่ถ้าเป็นดังที่ "คุณประวิทย์" ได้ชี้แจงแถลงไขไว้ ก็ต้องมาจับตาดูกันว่า ในเฟส 3 เดือนตุลาคมนี้ จะมีอะไร "ใหม่ๆ" ในจอช่อง 3 ดิจิตอล ให้ประชาชนคนไทยได้ชมกันบ้าง
บรรยายใต้ภาพ
คุณประวิทย์ มาลีนนท์ ผู้บริหารช่อง 3 กิตติ สิงหาปัด พิธีกรและผู้ประกาศข่าว ที่ทำควบทั้งช่อง 3 ออริจินัล และดิจิตอลณัฐธีร์ โกศลพิศิษฐ์ หนึ่งในผู้ประกาศข่าวที่ถูกดึงตัวมาเสริมทัพช่อง 3 ดิจิตอลชาญชัย กายสิทธ์ ทิ้งความหลัง 17 ปีที่ช่อง 3 หันไปซบช่อง PPTV.
ไปเจอมาครับ
กสทช. ลงดาบช่อง 3 เหตุเอาเปรียบผู้บริโภค งัดของเก่าฉายเกลื่อนจอดิจิตอล
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
นับเนื่องมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ข่าวคราวของ "ทีวีดิจิตอล" กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่คนทั่วไปให้ความสนใจ ตลอดจนจับตามองอยู่เป็นระยะ เริ่มจากที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่า "ทีวีดิจิตอล" คืออะไร? แตกต่าง หรือเหมือนกับฟรีทีวีช่องปกติอย่างไร? จากนั้นด้วยสื่อต่างๆที่ทยอยนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง ทุกคนจึงเริ่มทำความเข้าใจเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ แม้จะไม่กระจ่างทั้งหมดก็ตาม
ระเรื่อยมาจนถึงการประกาศผู้ที่ชนะการประมูลช่องต่างๆ ด้วยสนนมูลค่ารวมสูงถึง 50,862สล้านบาท
แต่เชื่อเถอะว่า คนทั่วไปคงไม่ได้โฟกัสไปที่ยอดตัวเลขว่าบริษัทใด ประมูลด้วยยอดเงินเท่าไหร่ มากไปกว่า ในแต่ละช่องมี "คอนเทนต์" อะไรให้ดูบ้าง? ทั้งนี้เพราะทาง "คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติส(กสทช.)" ได้มีการจัดแบ่งหมวดหมู่ของเนื้อหาไว้อย่างชัดเจน...
หลังจากนั้นทุกบริษัทที่ได้เป็นเจ้าของสัมปทานช่องต่างๆ ก็พากันขับเคลื่อนคอนเทนต์ของตัวเอง เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดกันอย่างชนิดไม่มีใครยอมรามือให้ใคร
ไม่ว่าจะเป็นไทยทีวี ในเครือ "ทีวีพูล" ที่เริ่มขยับตัวก่อน ด้วยการจับมือ บริษัท โพสต์ พับลิชชิง จำกัด (มหาชน) ร่วมกันผลิตรายการป้อนช่อง THV (ทีเอชวี) ก่อนจะมีความขัดแย้งกันในเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน และแนวความคิดที่ไม่ตรงกัน จนต้องบอกลากันในเวลาต่อมา ตามที่เป็นข่าวใหญ่โต ถึงขนาดแม่ทัพหญิง อย่าง "ติ๋ม-พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย" ต้องตั้งโต๊ะเปิดสัมภาษณ์กันแบบ Exclusive เพื่อให้ความกระจ่างแก่บรรดาสื่อมวลชน ในการนำเสนอข่าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง ขณะที่ในภาคบันเทิง ซึ่งเป็นงานถนัดก็ไม่ทิ้ง เพราะมีทั้งรายการวาไรตี้ และละครที่อัดแน่นเต็มจอ
ในฟากฝั่งของ อาร์เอส ก็มีการยกระดับปรับฐานะของ ช่อง 8 จากที่เป็นช่องทีวีดาวเทียมมาเป็นช่องดิจิตอลด้วยเช่นกัน โดยยังคงผังรายการตามเดิม ที่เน้นวาไรตี้ และละครประเภท ชิงรักหักสวาท เช่นเดียวกับช่อง One ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ที่เพิ่งเปิดตัวละครฟอร์มยักษ์ "บัลลังก์เมฆ ไปหมาดๆ พร้อมการขนทัพนักแสดงระดับมือวางอันดับหนึ่งมาประชันกันแน่นจอ ทั้ง "ศรราม เทพพิทักษ์", "สมชาย เข็มกลัด" และ "ปฏิภาณ ปฐวีกานต์" ที่จะต้องมารับบทเดียวกับที่ 3 พระเอกระดับตำนาน "สมบัติ เมทะนี", "กรุง ศรีวิไล" และสรพษ์ ชาตรี" เคยเล่นในในเวอร์ชันแรก ส่วนบท ปานรุ้ง" ตกเป็นของ "อ้อม- พิยดา จุฑารัตนกุล"
ไม่เพียง อาร์เอส ,จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และทีวีพูล ที่มาลง สนามสู้ศึกละครผ่านจอทีวีดิจิตอล ยังจะมีช่อง PPTV. และช่อง MONO 29 ที่ขอกระโจนลงมาแชร์มาร์เกตในสนามนี้ด้วย ว่ากันว่าการขับเคลื่อนครั้งนี้ ยังผลให้บรรดานวนิยายของนักประพันธ์ชั้นครู ถูกกว้านซื้อกันจนเกลี้ยงตลาด หนึ่งในนั้นคือ "ปริศนา" ผลงานการประพันธ์ของ ว.ณ ประมวญมารค ที่ช่อง 3 หมายตาว่าจะจับมารีเมกใหม่อีกรอบ พร้อมดัน "ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์" รับบท "ปริศนา" ก็เป็นอันหลุดไปอยู่ในมือของช่องน้องใหม่ อย่าง PPTV. ภายใต้การดำเนินงานของ "หม่อมราชวงศ์ศรีคำรุ้ง ยุคล" หรือ "คุณหญิงแมงมุม" เรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ช่อง 3 ได้สัมปทานช่อง "ดิจิตอล" ในมือถึง 3 ช่อง ประกอบไปด้วยสถานีเด็กและครอบครัว (ช่อง 13) สถานี SD (ช่อง 28) และสถานี HD (ช่อง 33) ซึ่งดำเนินงานภายใต้การดูแลของ บริษัทบีอีซี มัลมีเดีย จำกัด ซึ่งเป็นคนละบริษัทกับบริษัทที่ดูแลช่อง 3 อะนาล็อก หรือช่อง 3 ออริจินัล ที่ต้องดูผ่านเสาอากาศแบบก้างปลา
โดยในช่วงการทดลองออกอากาศนั้น ทางช่อง 3 ได้มีการนำสัญญาณในระบบอะนาล็อกเก่ามาออกอากาศผ่านระบบ เครือข่ายทีวีดิจิตอลทั้งสามช่อง จนกระทั่งมาถึงช่วงระยะเวลา ที่ใบอนุญาตมีการบังคับใช้ ทาง กสทช. มีมติสั่งห้ามทางช่อง 3 กระทำการดังกล่าวแล้ว นั่นหมายถึงว่าช่อง 3 ดิจิตอล ไม่สามารถออกอากาศในลักษณะ "คู่ขนาน" ไปกับช่อง 3 ออริจินัล เหมือนกับช่องฟรีทีวีอื่นๆ อีก 5 ช่อง คือ ช่อง 5, ช่อง 7, โมเดิร์นไนน์, ช่อง 11 และไทยพีบีเอส
อย่างไรก็ตามคอนเทนต์ที่ช่อง 3 นำมาเป็นกลยุทธ์บุกเบิกช่องดิจิตอลนั้น มุ่งเน้นไปที่รายการข่าวเป็นหลัก ถึงขนาด มีการกว้านตัวผู้ประกาศข่าวตลอดจนพิธีกรเข้ามาอยู่ในสังกัดหลายต่อหลายคน อาทิ ณัฐธีร์ โกศลพิศิษฐ์ จากโมเดิร์น ไนน์, ประวีณมัย บ่ายคล้อย จากไทยพีบีเอส ขณะที่มีคน "ไหลเข้า" ก็ย่อมมี "ไหลออก" อาทิ ปราย ธนาอัมพุช ที่อยู่กับช่อง 3 มาเป็นเวลา 19 ปี ย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ ช่อง PPTV ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายผลิตรายการและควบคุมคุณภาพรายการ พร้อมกับที่ชาญชัย กายสิทธิ์ ก็ย้ายไปนั่งตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายข่าวบันเทิงและธุรกิจของช่องเดียวกัน หลังจากที่ทำงานอยู่ คู่ช่อง 3 มาถึง 17 ปี ขณะที่ผู้ประกาศเดิมที่มีอยู่ บางคนก็ต้องทำควบทั้งช่อง 3 ออริจินัล และช่อง 3 ดิจิตอล ซึ่งหลายรายการ ออนแอร์พร้อมกันทั้งที่ช่อง SD และ HD. บางรายการก็โยกย้ายมาจากช่อง 3 ออริจินัล อาทิ ผู้หญิงถึงผู้หญิง, แจ๋ว
ขณะที่ทุกคนจับสังเกตได้ว่า รายการอื่นๆ นอกเหนือจากรายการข่าว ล้วนเป็นการนำ "ของเก่า" กลับมาปัดฝุ่นฉายใหม่ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นละครเก่า อย่างเงาะแท้แซ่ฮีโร่, เทวดาสาธุ, หลวงตามหาชน ซีรีส์ต่างๆ ทั้งของเกาหลี, ฮ่องกง, ไต้หวัน อาทิ องค์หญิงกำมะลอ, มรสุมรัก สงครามชีวิต ฯลฯ รายการ วาไรตี้-เกมโชว์ อย่าง ถ้าคุณแน่อย่าแพ้ ป.4 , แกะดำ ฯลฯ เป็นต้น
นั่นจึงเป็นมูลเหตุให้ทาง กสทช. เริ่มเพ่งเล็ง และยื่นโนติ๊สถึงผู้บริหารช่อง 3 เพราะมองว่าการกระทำดังกล่าว ถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคขนานใหญ่ อีกทั้งยังมองว่าได้มีการให้เวลาสำหรับเตรียมการล่วงหน้าแล้ว ขณะที่ทางหัวเรือใหญ่ "ประวิทย์ มาลีนนท์" ก็ให้เหตุผลว่าไม่สามารถผลิตเนื้อหาได้ทัน พร้อมให้คำมั่นว่า ถ้าอยากจะเห็นรายการใหม่ ละครใหม่ และนักแสดงคนโปรดแบบคมชัด คงจะต้องรอไปถึงเฟส 3 เดือนตุลาคม
หลักใหญ่ใจความก็น่าจะมาจากการที่ช่อง 3 ต้องแบกรับภาระอันหนักหน่วง ในการบริหารจัดการคอนเทนต์ต่างๆ ของช่องทีวีในมือ พร้อมกันถึง 4 ช่อง คือช่อง 3 ออริจินัล และดิจิตอลอีก 3 ช่อง ขณะที่บุคลากร และเครื่องไม้เครื่องมือ ไม่ได้เพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่สอดคล้องกับการอัตราการขยายตัวแบบก้าวกระโดดในครั้งนี้
แต่ถ้าเป็นดังที่ "คุณประวิทย์" ได้ชี้แจงแถลงไขไว้ ก็ต้องมาจับตาดูกันว่า ในเฟส 3 เดือนตุลาคมนี้ จะมีอะไร "ใหม่ๆ" ในจอช่อง 3 ดิจิตอล ให้ประชาชนคนไทยได้ชมกันบ้าง
บรรยายใต้ภาพ
คุณประวิทย์ มาลีนนท์ ผู้บริหารช่อง 3 กิตติ สิงหาปัด พิธีกรและผู้ประกาศข่าว ที่ทำควบทั้งช่อง 3 ออริจินัล และดิจิตอลณัฐธีร์ โกศลพิศิษฐ์ หนึ่งในผู้ประกาศข่าวที่ถูกดึงตัวมาเสริมทัพช่อง 3 ดิจิตอลชาญชัย กายสิทธ์ ทิ้งความหลัง 17 ปีที่ช่อง 3 หันไปซบช่อง PPTV.