(แอบดูมาแล้ว) Dawn of the Planet of the Apes (2014) : หนังแห่งสยามประเทศ



(คำเตือน : ข้อเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนบุคคล มีการพูดถึงเนื้อเรื่องในบางส่วน และมีความคิดเห็นทางการเมืองแทรกอยู่ สำหรับคนที่ความคิดเห็นทางการเมืองไม่ตรงกัน อ่านแล้วจิตใจอาจจะสั่นไหวหลายริกเตอร์ด้วยความรำคาญ ไม่อยากอารมณ์เสีย ข้ามไปได้เลย ไม่ต้องอ่านจ้า)


ถ้าไม่ได้ให้หนังพิภพวานรภาคนี้ในระดับ  5 ดาว อีก 20 ปีข้างหน้า ตอนมันไปโผล่หราอยู่ตามลิสต์ The Greatest 100 Movies of All Time ของสำนักต่างๆ จขกท. คงต้องรู้สึกผิดกับตัวเองในฐานะเป็นนักดูหนังที่มีตาแต่ไม่มีแววแน่ๆ และแม้จะเพิ่งผ่านมาแค่ครึ่งปีก็ตาม แต่ จขกท. ก็กล้าพูดแบบไม่กลัวหน้าแตกแบบดังๆ ชัดๆ ว่า Dawn of the Planet of the Apes คือหนึ่งในหนังบล็อคบัสเตอร์คุณภาพที่จะถูกนับรวมเป็นความยอดเยี่ยมระดับไฮต์ไลท์ประจำปี 2014 ตอนสรุปภาพรวมช่วงปลายปีอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังมั่นใจเหลือเกินว่าภาค 3 ที่จะตามมา ไม่มีทางทำได้ลงตัวเด็ดดวงเท่าภาคนี้อีกแล้ว

ความจริงหนังตระกูล Apes นี่แทบจะหมดอนาคตไปตั้งแต่ตอนที่ ทิม เบอร์ตั้น เอามารีเมคใหม่ตอนปี  2001 ที่การรีเมคครั้งนั้นแทบจะไม่มีใครจำอะไรได้เลย นอกจากก้นอวบๆ ปากเจ่อๆ ของเอสเตลล่า วอร์เรน กระทั่งเมื่อ 2 ปีก่อน โปรเจ็กต์เกี่ยวกับ Apes ก็ถูกผลักดันออกมาอีกครั้งในชื่อ Rise of the Planet of the Apes (2011) ซึ่งถูกมองว่าเป็นหนังรองบ่อนในตอนแรก แต่สุดท้ายก็ผงาดขึ้นมากลายเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จแบบม้ามืด จนเป็นที่มาของตอนต่ออย่าง Dawn of the Planet of the Apes  

ในภาคนี้หนังได้ แมตต์ รีฟส์ ผู้กำกับกลางเก่ากลางใหม่ แต่ฝีมืออยู่ในระดับดีมาก มาสานต่อเรื่องราวที่ถูกเริ่มต้นไว้เมื่อ 2 ปีก่อน  รีฟส์ คุมโทนเรื่องทั้งหมดออกมาได้หนักแน่น เคร่งขรึมกำลังดี จังหวะจะโคนหนังกระชับ ไม่น่าเบื่อ และสามารถพาคนดูไปถึงจุดพีคตั้งแต่กลางเรื่องกับฉากสงครามประจัญบาน(ด้วยปืน)ระหว่างคนกับวานร ซึ่งทำออกมาได้ตื่นระทึกเกินกว่าที่คิดไว้มากมายนัก

ยิ่งพอรวมเข้ากับเนื้อหาเข้มๆ ที่ถูกใส่เข้ามาอย่างกลมกลืน โดยไม่ได้ทำให้ความสนุกในฉากหน้าของหนังลดลงเลย นี่จึงเป็นหนังที่ไม่ว่าจะตีตั๋วเข้าไปดูแบบคนคิดมาก หรือ เข้าไปดูแบบไม่คิดอะไรเลย ความบันเทิงที่ได้รับล้วนแล้วแต่เต็มอิ่มด้วยกันทั้งคู่ จนเวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆ ผ่านไปไวเหลือเกิน  

ส่วนหนึ่งต้องยกประโยชน์ให้กับความเยี่ยมยุทธสุดยอดของคนเขียนบทหนัง Apes ในภาคนี้ที่นอกจากจะวางการพลิกผันของเรื่องราวได้อย่างน่าติดตามแล้ว ยังอ่านสภาพความเป็นไปของโลกในยุคปัจจุบันได้ขาด และเอามาใส่ลงไปในหนังได้คม สงครามทั้งหลายแหล่ที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ รวมถึงที่เกิดขึ้นต่อไปในอนาคตนับจากนี้ จะไม่ใช่การสำแดงแสนยานุภาพทางการทหารเพื่อล่าอาณานิคมแบบยุคโบราณ แต่ทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกับการแย่งชิงแหล่งพลังงาน และทรัพยากรอย่างแนบเนียน โดยที่มีอเมริกานั่นแหละเป็นตัวการสำคัญ

ในรอบทศวรรษที่ผ่าน ถ้าสังเกตดีๆ เราจะเห็นภาพความชั่วร้ายของอเมริกาจากการกระทำในลักษณะที่ว่านี้ได้อย่างชัดเจน และแทบทั้งหมดใช้ยุทธวิธีในรูปแบบเดียวกัน คือเข้าไปยุแหย่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในประเทศนั้นๆ ทั้งทางอ้อม และทางลับ เพื่อให้เกิดเป็นความรุนแรงที่ลุกลามบานปลาย เสร็จแล้วก็จะอ้างความชอบธรรม ด้วยการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ สนับสนุนทั้งทางการเงิน และอาวุธให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพื่อให้ทำการล้มล้างอำนาจเก่าเปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง โดยที่มีจุดประสงค์หลัก คือล้วงลูกเอาแหล่งพลังงาน และทรัพยากรของประเทศนั้นๆ ไปเป็นของตัวเอง

ประเทศแถบตะวันออกกลางโดนไปซะเหี้ยน ว่ากันว่าอีกไม่เกิน 15 ปีน้ำมันก็แห้งบักโกรก และตอนนี้พวกมันก็เล็งมาแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อยากจะมามีเอี่ยวด้วยกับน้ำมันในทะเลตามหมู่เกาะทั้งหลาย โดยจุดยุทธศาสตร์ที่เหมาะเหม็งที่สุดในภูมิภาคนี้ คงหนีไม่พ้นประเทศไทยบ้านเรานี่แหละ

แม้ตัวหนังอาจจะไม่ได้นำเรื่องเหล่านี้มาเสียดสีแบบชัดเจนมากนัก ไม่ถึงกับตรงเป๊ะเสียทีเดียว และเราก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าเป็นความตั้งใจของคนเขียนบท หรือความบังเอิญกันแน่ แต่เท่าที่ดู ถือว่าเรื่องราวที่นำเสนอออกมานั้นอยู่ในรูปรอยของสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกับความจริงที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้เสียเหลือเกิน

เมื่อหนังวางบทให้บรรดามนุษย์ผู้เจริญแล้วกลุ่มหนึ่งพยายามเข้าไปจัดการกับแหล่งพลังงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของวานร เนื่องจากสังคมมนุษย์ที่เคยรุ่งเรืองในอดีตกำลังล่มสลายจากเชื้อโรคที่แพร่ระบาด จนประชากรมนุษย์ต่างรอวันตายจากการที่พลังงานและทรัพยากรของตัวเองกำลังหมดลง... ซึ่งในที่สุดการมาถึงของมนุษย์ที่อ้างว่ามีความเจริญทางสติปัญญาที่มากกว่าในครั้งนี้ ไม่ว่าจะมาด้วยประสงค์ดี หรืออะไรก็ตามแต่ บทสรุปของมันก็ได้นำไปสู่ความขัดแย้งแตกแยกกันเองของเหล่าวานรที่เคยอยู่กันอย่างสงบสันติ กระทั่งมีการพยายามปฏิวัติแย่งชิงอำนาจ ในการเป็นผู้ปกครองเหนือเหล่าวานรทั้งปวง  

และที่เด็ดสะระตี่จนทำเอา จขกท. ดูแล้วขนลุกเกรียวเสียววาบไปทั้งตัว ก็คือ ยุทธวิธีที่พวก "วานรฝ่ายชั่ว" นำมาใช้เพื่อแย่งชิงอำนาจ หวังเปลี่ยนแปลงการปกครอง…. พวกมันใช้ปืนยิงฆ่าพวกเดียวกัน ก่อนป้ายสีโยนความผิดให้คนอื่น เสร็จแล้วตามมาด้วยการสร้างสถานการณ์เผาบ้านเผาเมืองของตัวเอง เพื่อปลุกปั่นสร้างความโกรธแค้นให้กับประชากรวานร จนลุกขึ้นมาสร้างความวุ่นวาย นำไปสู่สงครามที่ทำให้พื้นพิภพที่เคยสงบต้องลุกเป็นไฟ

อึ้งมั้ยละทั่น…คุ้นๆ เหมือนที่ไหนเนี่ย!!?!!?!

นาทีนี้ จขกท. อยากแพ็คลิงค์ไปถามคนเขียนบท และผู้กำกับอย่าง แมตต์ รีฟส์ เสียให้ได้ว่า ยูเคยมาอยู่เมืองไทยหรือเปล่า? แล้วไปเอาเรื่องราวพวกนี้มาจากไหน…รู้มั้ย…ไอดูแล้วมันสะเทือน 555

สรุปว่างานนี้ สุดยอด..นอกจากเฮียแกเก่งมากแล้ว...ยังรู้ลึกรู้จริง (ฮา)

คะแนน ★★★★★

อ่านข้อเขียนอื่นๆได้ที่ https://www.facebook.com/pages/เกรียนหนัง/112834835539518
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่