ตอนนี้ประเทศฝั่งยุโรป และ อเมริกาใต้ ก็คงผลัดกันคว้าแชมป์ไปคนละ ถ้วย 2 ถ้วย ทั้งแชมป์โลกบ้าง แชมป์ยูโรบ้าง แต่เมื่อแพ้ ก็ไม่ออกอาการเสียอกเสียใจกันเท่าไหร่ เหมือนนิสัยพวกฝรั่ง ตะวันตกทั่วไป ที่ ส่วนใหญ่จะเข้าใจเกมส์กีฬาว่าต้องมีแพ้ มีชนะ เวลาลงสนามจะแฟร์ๆ ชิวๆ ง่ายๆ จบเกมส์ มีหยอกล้อ ปลอบใจเพื่อนร่วมทีม และ ปล่อยมุขเฮฮากันบ้าง
แต่ยังไม่มีประเทศในเอเชีย ที่ทำผลงานได้โดดเด่นเข้าตาเลย รวมทั้งไทยด้วย สำหรับจีน ประเทศเขาก็ไม่เน้นฟุตบอลอยู่แล้ว ชอบเรื่องบันเทิง ภาพยนตร์จะเป็นจุดขายของประเทศจีนที่โดดเด่นมากกว่า ยกเว้นกีฬาโอลิมปิก จีนก็อาจจะเก่งได้บ้าง คว้าเหรียญทองในหลายสาขากีฬาอยู่ โดยเฉพาะว่ายน้ำ และ วอลเล่
ก็เลยมาคิดๆ ถึงเกาหลี และข่าวปาท็อฟฟี่ใส่นักฟุตบอล ประเทศนี้ค่อนข้างจริงจังไปซะทุกอย่าง ทั้งบันเทิงและกีฬา ดาราเกาหลีมีชีวิตที่กดดันมาก แถมการแข่งขันสูง และมาคิดอีกที ถ้าสมมุติเกาหลีใต้ เขาเกิดเน้นหนักทางด้านพัฒนากีฬาฟุตบอลขึ้นมาบ้าง ก็น่าจะสู้ได้ เพราะดูจากลำหักลำโค่นของนักฟุตบอลเกาหลีใต้ ก็รูปร่างสูงใหญ่และล่ำอยู่ เพราะจำได้ว่ารัฐบาลเกาหลีเขาก็สนับสนุนเต็มที่ ในตอนที่เกาหลีใต้ ติดเข้าไปรอบสุดท้าย และได้ที่ 4 ใน บอลโลก 2002 รัฐบาลมีการส่งโสมส่งเครื่องบำรุงราคาแพงต่างๆนานา มาให้นักกีฬากิน รวมทั้งมีวันหยุดให้คนในประเทศได้ลุ้นกีฬาฟุตบอล และหลังจากนั้น พอจบปี 2002 ฟุตบอลของเกาหลีใต้ ก็ไม่ได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ จนฟุตบอลโลก 2014 ก๋็ตกรอบแรกไป ......
แต่สิ่งที่กลัวคือ ใจของคนเกาหลี อ่อนไหวมาก ถ้าสมมุตินะ ผมว่าถ้าเกาหลี หลุดเข้าไปชิงชนะเลิศ แล้วแพ้ขึ้นมา ความเสียใจ อาจมีคนในประเทศฆ่าตัวตายกันหลายศพ เพราะอย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าประเทศนี้ เขาขึ้นชื่อเรื่องทำร้ายตัวเอง ถ้าไม่สมหวัง!! สถิติการฆ่าตัวตายก็พอๆ กับญี่ปุ่นนั่นแหละ แต่บรรยากาศฟุตบอลโลกคงเปลี่ยนไป คือมันจะดูจริงจังไปหมดทั้งกรรมการ กองเชียร์และนักบอล มันอาจจะไม่สนุกเหมือนทวีปยุโรปครองความเป็นเจ้าลูกหนังอยู่ตอนนี้ บางทีคุณอาจจะเห็น แฟนบอลเกาหลีบางคน ลุกขึ้นมาประท้วง ลากนักฟุตบอลประเทศตัวเองออกจากสนามแล้วปาท็อฟฟี่ใส่ หรือไม่พอใกล้แพ้ ก็อาจเห็น คนเกาหลีลุกขึ้นมา กรีดข้อมือตัวเองในสนาม เพราะทนความผิดหวังไม่ได้ เพราะนิสัยคนเกาหลี จริงๆ คือ ทุกอย่างต้องเป๊ะหัวจรดเท้า ความคาดหวังต่อฮีโร่ในประเทศเขาสูงส่ง คนเป็นฮีโร่จะเหมือนเทวรูปหรือเทพเจ้าอะไรสักอย่าง ที่ต้องดีงาม ห้ามผิดพลาด และห้ามแตะ ถ้าไม่จำเป็น!!
แต่เดาใจว่า ตอนนี้ทางญี่ปุ่นเอง ก็อยากเป็นมหาอำนาจทางลูกหนังโลกเหมือนกัน เพราะเศรษฐกิจของญี่ปุ่นตอนนี้ก็ฟื้นตัว ดีขึ่นมากแล้ว ดีกว่าไทยและประเทศในเอเชียอื่นๆ ญี่ปุ่นก็คงอยากจะเด่นดังในด้านกีฬาฟุตบอลโลกบ้าง แต่ว่าความสามารถของนักฟุตบอลในประเทศ ยังมีไม่ถึง ก็เลยไปไม่ถึงดวงดาว แต่อีก 12 ปีข้างหน้า ผมว่าฟุตบอลสไตล์ญี่ปุ่นมาแน่ อย่างน้อยๆ ก็น่าจะทะลุเข้าไปชิงรอบ 4 ทีมได้ แต่ตอนนี้ยังมองไม่เห็นแวว...
มีใครคิดเหมือนผมบ้าง ถ้าญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ ได้เป็นมหาอำนาจในฟุตบอลโลก บรรยากาศมันจะเครียดขึ้นทันที
แต่ยังไม่มีประเทศในเอเชีย ที่ทำผลงานได้โดดเด่นเข้าตาเลย รวมทั้งไทยด้วย สำหรับจีน ประเทศเขาก็ไม่เน้นฟุตบอลอยู่แล้ว ชอบเรื่องบันเทิง ภาพยนตร์จะเป็นจุดขายของประเทศจีนที่โดดเด่นมากกว่า ยกเว้นกีฬาโอลิมปิก จีนก็อาจจะเก่งได้บ้าง คว้าเหรียญทองในหลายสาขากีฬาอยู่ โดยเฉพาะว่ายน้ำ และ วอลเล่
ก็เลยมาคิดๆ ถึงเกาหลี และข่าวปาท็อฟฟี่ใส่นักฟุตบอล ประเทศนี้ค่อนข้างจริงจังไปซะทุกอย่าง ทั้งบันเทิงและกีฬา ดาราเกาหลีมีชีวิตที่กดดันมาก แถมการแข่งขันสูง และมาคิดอีกที ถ้าสมมุติเกาหลีใต้ เขาเกิดเน้นหนักทางด้านพัฒนากีฬาฟุตบอลขึ้นมาบ้าง ก็น่าจะสู้ได้ เพราะดูจากลำหักลำโค่นของนักฟุตบอลเกาหลีใต้ ก็รูปร่างสูงใหญ่และล่ำอยู่ เพราะจำได้ว่ารัฐบาลเกาหลีเขาก็สนับสนุนเต็มที่ ในตอนที่เกาหลีใต้ ติดเข้าไปรอบสุดท้าย และได้ที่ 4 ใน บอลโลก 2002 รัฐบาลมีการส่งโสมส่งเครื่องบำรุงราคาแพงต่างๆนานา มาให้นักกีฬากิน รวมทั้งมีวันหยุดให้คนในประเทศได้ลุ้นกีฬาฟุตบอล และหลังจากนั้น พอจบปี 2002 ฟุตบอลของเกาหลีใต้ ก็ไม่ได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ จนฟุตบอลโลก 2014 ก๋็ตกรอบแรกไป ......
แต่สิ่งที่กลัวคือ ใจของคนเกาหลี อ่อนไหวมาก ถ้าสมมุตินะ ผมว่าถ้าเกาหลี หลุดเข้าไปชิงชนะเลิศ แล้วแพ้ขึ้นมา ความเสียใจ อาจมีคนในประเทศฆ่าตัวตายกันหลายศพ เพราะอย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าประเทศนี้ เขาขึ้นชื่อเรื่องทำร้ายตัวเอง ถ้าไม่สมหวัง!! สถิติการฆ่าตัวตายก็พอๆ กับญี่ปุ่นนั่นแหละ แต่บรรยากาศฟุตบอลโลกคงเปลี่ยนไป คือมันจะดูจริงจังไปหมดทั้งกรรมการ กองเชียร์และนักบอล มันอาจจะไม่สนุกเหมือนทวีปยุโรปครองความเป็นเจ้าลูกหนังอยู่ตอนนี้ บางทีคุณอาจจะเห็น แฟนบอลเกาหลีบางคน ลุกขึ้นมาประท้วง ลากนักฟุตบอลประเทศตัวเองออกจากสนามแล้วปาท็อฟฟี่ใส่ หรือไม่พอใกล้แพ้ ก็อาจเห็น คนเกาหลีลุกขึ้นมา กรีดข้อมือตัวเองในสนาม เพราะทนความผิดหวังไม่ได้ เพราะนิสัยคนเกาหลี จริงๆ คือ ทุกอย่างต้องเป๊ะหัวจรดเท้า ความคาดหวังต่อฮีโร่ในประเทศเขาสูงส่ง คนเป็นฮีโร่จะเหมือนเทวรูปหรือเทพเจ้าอะไรสักอย่าง ที่ต้องดีงาม ห้ามผิดพลาด และห้ามแตะ ถ้าไม่จำเป็น!!
แต่เดาใจว่า ตอนนี้ทางญี่ปุ่นเอง ก็อยากเป็นมหาอำนาจทางลูกหนังโลกเหมือนกัน เพราะเศรษฐกิจของญี่ปุ่นตอนนี้ก็ฟื้นตัว ดีขึ่นมากแล้ว ดีกว่าไทยและประเทศในเอเชียอื่นๆ ญี่ปุ่นก็คงอยากจะเด่นดังในด้านกีฬาฟุตบอลโลกบ้าง แต่ว่าความสามารถของนักฟุตบอลในประเทศ ยังมีไม่ถึง ก็เลยไปไม่ถึงดวงดาว แต่อีก 12 ปีข้างหน้า ผมว่าฟุตบอลสไตล์ญี่ปุ่นมาแน่ อย่างน้อยๆ ก็น่าจะทะลุเข้าไปชิงรอบ 4 ทีมได้ แต่ตอนนี้ยังมองไม่เห็นแวว...