ในวันที่สังคมแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายที่เป็นห่วงเหยื่อในอนาคต กับฝ่ายที่เป็นห่วงสังคมในอนาคต ในฐานะคนที่เคยเป็นเหยื่อ ฉันอยากจะแสดงความคิดเห็นในมุมมองของฉันบ้าง ตอนเป็นเด็กฉันเคยถูกคนเข่ามาลวนลามทั้งในบ้านของตัวเอง บนรถประจำทาง และในโรงเรียนสอนดนตรี เหตุการณ์แรกที่บ้าน ตอนที่พ่อรู้ พ่อตะคอกใส่ฉันว่าไปให้เขาทำทำไม ผ่านไปสองสามวันแม่มาบอกทีหลังว่า พ่อแค่เจรจากับบ้านของคนนั้นแล้วรู้ว่าเขาเป็นโรคจิต พ่อกลัวว่าฉันจะอายจึงไม่ได้ไปแจ้งความเพราะฉันต้องไปให้การกับตำรวจและเผชิญหน้ากับเขา แต่ขอให้บ้านนั้นเก็บลูกของเขาไว้ให้ดี อย่าได้ไปทำอย่างนี้กับใครอีก ตอนนั้น ถ้าถามว่าในฐานะเหยื่อที่ถูกกระทำ ฉันต้องการอะไร ฉันไม่ต้องการถูกเก็บไว้เป็นหอคอยงาช้างที่ไม่รู้จักป้องกันตัวเอง ฉันอยากไปให้การเพื่อให้ตำรวจเก็บไว้เป็นหลักฐาน เมื่อใดก็ตามที่เขาไปทำอะไรใครอีกเขาควรได้รับการลงโทษหรือบำบัดที่ถูกต้อง ไม่ใช่ถูกเก็บกักไว้ที่บ้านเพราะพ่อแม่อายที่มีลูกโรคจิตโดยไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้อง แล้ววันไหนที่ลูกเกิดหลุดออกมาทำอะไรใครอีกก็ทำเพียงแค่ขอโทษ อย่าเอาเรื่องได้มั้ย ลูกเป็นโรคจิต เหนือสิ่งอื่นใด ฉันไม่ได้ต้องการให้ลงโทษเขาอย่างรุนแรง แต่ต้องการสภาพแวดล้อมที่ฉันรู้สึกปลอดภัยว่าจะไม่มีคนอย่างนั้นเข้ามาทำอะไรฉันได้อีก ฉันต้องการความรู้สึกมั่นใจว่าครอบครัวของฉันจะปกป้องฉันได้ และให้โอกาสฉันในการป้องกันตัวเองและร่วมปกป้องสังคม ไม่ใช่การเติบโตมาพร้อมกับความคิดว่าคนผิดจะได้รับการลงโทษอย่างสาสม แต่ไม่มีใครให้ความมั่นใจได้ว่าจะไม่มีใครเข้ามาในบ้านได้อีก และถ้าฉันป้องกันตัวเองไม่ได้ ฉันก็เป็นคนผิด
ในสถานการณ์แบบนี้และด้วยความบ้าคลั่งของมวลชนอย่างนี้ กฎหมายที่รุนแรงขึ้นคงเกิดขึ้นแน่ๆ ก็มาดูกันว่าเราจะรับมือกับมันอย่างไรในโลกที่ต้องการแก้แค้นเอาคืนมากกว่าคิดใคร่ครวญหาสาเหตุที่แท้จริง ยังไม่ต้องพูดไปถึงหากเกิดการแกล้งใส่ความกันและการจับแพะเพื่อเอาใจสังคมที่เห็นได้ไม่น้อยในสังคมของเรา แค่หากสภาพแวดล้อมยังเอื้อต่อการทำร้ายกัน เหยื่อจะมีโอกาสรอดน้อยขึ้นเพราะอาชญากรตัวจริงต้องการปิดปากเหยื่อไม่ให้ตัวเองต้องได้รับโทษ ผู้ที่รอดชีวิตอาจจะเหลือเพียงเหยื่อของคนโรคจิตที่ไม่เข้าใจกฎหมาย และคนจำพวกนี้ก็ควรได้รับการบำบัดมากกว่าการลงโทษอย่างรุนแรง
เคียงข้างไปกับการต่อสู้เพื่อกฎหมายที่รุนแรงขึ้นเพื่อให้เรารู้สึกปลอดภัยมากขึ้น อย่าลืมว่าทางออกไม่ได้มีทางเดียว ฉันกลับคิดว่าสิ่งที่สำคัญและจำเป็นสำหรับเด็กๆ ที่สุดกลับเป็นสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและครอบครัวที่ปกป้องเด็กๆ ได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงความรู้ความเข้าใจในการเยียวยาสภาพจิตใจของเหยื่อที่รอดชีวิตและครอบครัวผู้สูญเสีย สำหรับผู้ถูกกระทำแล้วความกลัวที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่มีผู้ชายมองมาแม้ว่าจะไม่ทำอะไรนั้นเป็นความทรมานอย่างหนึ่งซึ่งบางครั้งแม้จะเข้าใจก็ยากที่จะเยียวยาหากปล่อยให้เด็กคนนั้นเติบโตขึ้นไปด้วยความรู้สึกว่าโลกนี้ไม่มีความปลอดภัยแม้จะอยู่กับครอบครัวตัวเอง และเมื่อคนอ่อนแอคนหนึ่งต้องเรียนรู้ทั้งการใช้มีด ปืน และศิลปะการป้องกันตัวเพื่อปกป้องตัวเองก็ยากที่จะบอกได้ว่าวันหนึ่งที่สภาพจิตใจของเขาเปลี่ยนจากผู้ถูกกระทำเป็นผู้ต้องการเอาคืนนั้น เขาจะเอาคืนกับโลกที่ไร้ปราณีนี้อย่างไร เราจะผลิตคนแบบไหนให้กับสังคมในบ้านที่ไม่มีความปลอดภัยแต่คิดว่าการเรียกร้องเอาคืนกันอย่างรุนแรงเป็นส่ิงที่ควรกระทำ
สมมุติเหตุการณ์หมู่บ้านหนึ่งที่รักเด็กๆ ปานแก้วตาดวงใจ วันหนึ่งมีหมาบ้าตัวหนึ่งมุดรั้วเข้ามากัดเด็กตาย ชาวบ้านที่ไล่จับมันมาตัดหัวอาจจะเป็นฮีโร่ที่ได้รับคำขอบคุณ ชาวบ้านที่ไล่ฆ่าหมาแปลกหน้าตัวต่อไปที่โผล่เข้ามาในรั้วหมู่บ้านอาจจะทำให้ชาวบ้านรู้สึกปลอดภัยในขณะที่เด็กๆ ได้เห็นการยิงก่อนแล้วค่อยถามเป็นวิธีประชา แต่คนที่สร้างความปลอดภัยให้เด็กๆ จริงๆ น่าจะเป็นคนที่คอยตรวจสอบรั้วให้แข็งแรงไม่ให้มีหมาหลุดเข้ามาได้ กับคนที่คอยอบรมให้เด็กเอาตัวรอดได้ยามเผชิญหน้ากับหมาบ้า แม้จะไม่มีใครเห็น ชื่นชมหรือขอบคุณก็ตาม
พร้อมๆ กับการต่อสู้เพื่อเรียกร้องกฎหมายที่ทำให้เราอุ่นใจว่าจะไม่มีใครกลับมาทำร้ายลูกหลานของเราได้อีก ฉันเห็นว่าเราน่าจะมาร่วมเรียกร้องความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ให้บริการสาธารณะทั้งหลาย การบริหารงานแบบขอไปทีที่ปล่อยให้มีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดข้ึนไม่ควรเพียงลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ผู้ให้บริการที่หละหลวมควรได้รับโทษทางวินัยเช่นกัน เพราะมันเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของคุณ และคุณต้องแก้ไขระบบให้ประชาชนพอใจโดยไม่รับเงินเดือน แล้วค่อยลาออก แล้วเราก็ควรแบนการบริการสาธารณะทั้งหลายที่มักง่ายในการบริการประชาชน ตั้งแต่บริษัทรถมักง่ายที่เอารถที่เสียบ่อยๆ มาใช้รับส่งผู้โดยสาร คนขับรถเดนตายที่ไร้สำนึก วินอันธพาล รถไฟที่ไม่มีความปลอดภัย จะดีกว่าไหมท่ี่เราจะสร้างค่านิยมในการใช้บริการที่แพงขึ้นมาอีกหน่อยแต่ได้เครื่องมือเครื่องใช้และบุคคลากรที่มีคุณภาพและปลอดภัยจริงๆ
เมื่อเราแบนจนไม่เหลืออะไรให้ใช้ เราก็จะเห็นความจริงกันว่า แท้จริงแล้ว ประเทศของเราสงบและปลอดภัยสำหรับเราและลูกหลานของเราอย่างที่เราเชื่อกันมาตลอดหรือไม่ และเราควรจะทำอย่างไรกับมัน
What has just happened here is that a girl got raped and killed cruelly in a train. So Thai society are separated into 2 sides; those required for a more capital punishment and those who are worried for its effects. As I used to be a victim, in my own house, on a bus and even in a musical school, I would like share my opinion. When I was a kid I got abused in my own house. When my father was informed he shouted at me why I let him do it. A few days passed, my mother told me that my father met the parents of the man. They said he had a mental problem. My father didn't want me to face everyone talking about the event, so they just negotiated that the family would keep him well and not let him out like this again. I didn't have chance to claim my right. If you want you ask me what did I want to do as a victim; I didn't want to be kept in the safe house but go to meet the police, let them record it down so that the next time the man is free to do it again he would be treated with the right mental cure or the proper punishment and not just be kept in the back of the house with no appropriate treatment, while the parents keep talking to the next victims the same thing all the time. What I wanted most was not a violent punishment but the surroundings that made me feel safe, the confidence that my family could protect me, the chance for me to protect myself and the society. I didn't want to be kept inside with the feeling that no one can protect me and when I cannot protect myself, I'm the guilty person.
In such situation with such public madness, the more violent act will likely occur. Let's see what will happen next and how will we handle it in the world that people look forwards to revenge before consider the real cause of the problem. We don't need to worry yet about the situation of wrong capture for the satisfaction of the public even though it often happens in our society. I just think that capital punishment in the surroundings that do not prevent crime would provide the victims less probability to survive and those who survive might be the victims of the men with mental problems who do not understand law. By the way, these people do need a cure rather than a violent punishment.
Along with the fight for the more violent act for us to feel safe. I just would like to remind the public that it's not the only resolution we should think about. I think we should also think of the safety environment and the protective family, so as the social wisdom of rehabilitating the victims' mind and the lost family. I did survive and I'm grown-up. Tt was not such a harm action to my body but it's a kind of suffer the scare I have every time I found myself looked by a man even my family is there with me, no matter how old I am. I'm crazy of every type of martial arts including knives and guns. In the same time, I cannot imagine when a victim like me learning about how to fight back and one day he or she wants someone to pay back in the merciless society. What type of people we are producing in the house that is not safety and people claimed for a violent revenge as a likely action?
Supposed that there was one village in where children were adored. One day a mad dog broke-in and killed one kid. The villages who caught it and cut its head would gain thanks from the villagers. Those who killed the next strange dogs would make the villagers feel safe but the children would learn that surviving is to shoot before asking. In the other hand, those who really make a good change were the ones who fixed the fences and train the children how to face it smartly and survive with no scar.
Along with fighting for the laws that insure us that our children won't be harmed. I think we should require social responsibility from the utilities. The dry services that allow such event to happen should bring disciplinary punishment to the directors as it's their direct responsibility. Not only resignation but they much fix the system with no salary before resigning. As citizen, we have right to ban the careless utilities such as the bus companies that run always-broken buses or hire insane drivers, mafia motorbike or taxi line, and the unsafe train, etc. Will it be better to create value to support a little bit more costly but trustworthy service? When we ban most of the utilities we have and find that we can trust no one, maybe we would question if our country is really a tranquil and safety place for our family as we always believed and what should we do with it.
อีกความคิดเห็นจากเหยื่ออีกคน Another opinion from another victim
ในสถานการณ์แบบนี้และด้วยความบ้าคลั่งของมวลชนอย่างนี้ กฎหมายที่รุนแรงขึ้นคงเกิดขึ้นแน่ๆ ก็มาดูกันว่าเราจะรับมือกับมันอย่างไรในโลกที่ต้องการแก้แค้นเอาคืนมากกว่าคิดใคร่ครวญหาสาเหตุที่แท้จริง ยังไม่ต้องพูดไปถึงหากเกิดการแกล้งใส่ความกันและการจับแพะเพื่อเอาใจสังคมที่เห็นได้ไม่น้อยในสังคมของเรา แค่หากสภาพแวดล้อมยังเอื้อต่อการทำร้ายกัน เหยื่อจะมีโอกาสรอดน้อยขึ้นเพราะอาชญากรตัวจริงต้องการปิดปากเหยื่อไม่ให้ตัวเองต้องได้รับโทษ ผู้ที่รอดชีวิตอาจจะเหลือเพียงเหยื่อของคนโรคจิตที่ไม่เข้าใจกฎหมาย และคนจำพวกนี้ก็ควรได้รับการบำบัดมากกว่าการลงโทษอย่างรุนแรง
เคียงข้างไปกับการต่อสู้เพื่อกฎหมายที่รุนแรงขึ้นเพื่อให้เรารู้สึกปลอดภัยมากขึ้น อย่าลืมว่าทางออกไม่ได้มีทางเดียว ฉันกลับคิดว่าสิ่งที่สำคัญและจำเป็นสำหรับเด็กๆ ที่สุดกลับเป็นสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและครอบครัวที่ปกป้องเด็กๆ ได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงความรู้ความเข้าใจในการเยียวยาสภาพจิตใจของเหยื่อที่รอดชีวิตและครอบครัวผู้สูญเสีย สำหรับผู้ถูกกระทำแล้วความกลัวที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่มีผู้ชายมองมาแม้ว่าจะไม่ทำอะไรนั้นเป็นความทรมานอย่างหนึ่งซึ่งบางครั้งแม้จะเข้าใจก็ยากที่จะเยียวยาหากปล่อยให้เด็กคนนั้นเติบโตขึ้นไปด้วยความรู้สึกว่าโลกนี้ไม่มีความปลอดภัยแม้จะอยู่กับครอบครัวตัวเอง และเมื่อคนอ่อนแอคนหนึ่งต้องเรียนรู้ทั้งการใช้มีด ปืน และศิลปะการป้องกันตัวเพื่อปกป้องตัวเองก็ยากที่จะบอกได้ว่าวันหนึ่งที่สภาพจิตใจของเขาเปลี่ยนจากผู้ถูกกระทำเป็นผู้ต้องการเอาคืนนั้น เขาจะเอาคืนกับโลกที่ไร้ปราณีนี้อย่างไร เราจะผลิตคนแบบไหนให้กับสังคมในบ้านที่ไม่มีความปลอดภัยแต่คิดว่าการเรียกร้องเอาคืนกันอย่างรุนแรงเป็นส่ิงที่ควรกระทำ
สมมุติเหตุการณ์หมู่บ้านหนึ่งที่รักเด็กๆ ปานแก้วตาดวงใจ วันหนึ่งมีหมาบ้าตัวหนึ่งมุดรั้วเข้ามากัดเด็กตาย ชาวบ้านที่ไล่จับมันมาตัดหัวอาจจะเป็นฮีโร่ที่ได้รับคำขอบคุณ ชาวบ้านที่ไล่ฆ่าหมาแปลกหน้าตัวต่อไปที่โผล่เข้ามาในรั้วหมู่บ้านอาจจะทำให้ชาวบ้านรู้สึกปลอดภัยในขณะที่เด็กๆ ได้เห็นการยิงก่อนแล้วค่อยถามเป็นวิธีประชา แต่คนที่สร้างความปลอดภัยให้เด็กๆ จริงๆ น่าจะเป็นคนที่คอยตรวจสอบรั้วให้แข็งแรงไม่ให้มีหมาหลุดเข้ามาได้ กับคนที่คอยอบรมให้เด็กเอาตัวรอดได้ยามเผชิญหน้ากับหมาบ้า แม้จะไม่มีใครเห็น ชื่นชมหรือขอบคุณก็ตาม
พร้อมๆ กับการต่อสู้เพื่อเรียกร้องกฎหมายที่ทำให้เราอุ่นใจว่าจะไม่มีใครกลับมาทำร้ายลูกหลานของเราได้อีก ฉันเห็นว่าเราน่าจะมาร่วมเรียกร้องความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ให้บริการสาธารณะทั้งหลาย การบริหารงานแบบขอไปทีที่ปล่อยให้มีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดข้ึนไม่ควรเพียงลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ผู้ให้บริการที่หละหลวมควรได้รับโทษทางวินัยเช่นกัน เพราะมันเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของคุณ และคุณต้องแก้ไขระบบให้ประชาชนพอใจโดยไม่รับเงินเดือน แล้วค่อยลาออก แล้วเราก็ควรแบนการบริการสาธารณะทั้งหลายที่มักง่ายในการบริการประชาชน ตั้งแต่บริษัทรถมักง่ายที่เอารถที่เสียบ่อยๆ มาใช้รับส่งผู้โดยสาร คนขับรถเดนตายที่ไร้สำนึก วินอันธพาล รถไฟที่ไม่มีความปลอดภัย จะดีกว่าไหมท่ี่เราจะสร้างค่านิยมในการใช้บริการที่แพงขึ้นมาอีกหน่อยแต่ได้เครื่องมือเครื่องใช้และบุคคลากรที่มีคุณภาพและปลอดภัยจริงๆ
เมื่อเราแบนจนไม่เหลืออะไรให้ใช้ เราก็จะเห็นความจริงกันว่า แท้จริงแล้ว ประเทศของเราสงบและปลอดภัยสำหรับเราและลูกหลานของเราอย่างที่เราเชื่อกันมาตลอดหรือไม่ และเราควรจะทำอย่างไรกับมัน
What has just happened here is that a girl got raped and killed cruelly in a train. So Thai society are separated into 2 sides; those required for a more capital punishment and those who are worried for its effects. As I used to be a victim, in my own house, on a bus and even in a musical school, I would like share my opinion. When I was a kid I got abused in my own house. When my father was informed he shouted at me why I let him do it. A few days passed, my mother told me that my father met the parents of the man. They said he had a mental problem. My father didn't want me to face everyone talking about the event, so they just negotiated that the family would keep him well and not let him out like this again. I didn't have chance to claim my right. If you want you ask me what did I want to do as a victim; I didn't want to be kept in the safe house but go to meet the police, let them record it down so that the next time the man is free to do it again he would be treated with the right mental cure or the proper punishment and not just be kept in the back of the house with no appropriate treatment, while the parents keep talking to the next victims the same thing all the time. What I wanted most was not a violent punishment but the surroundings that made me feel safe, the confidence that my family could protect me, the chance for me to protect myself and the society. I didn't want to be kept inside with the feeling that no one can protect me and when I cannot protect myself, I'm the guilty person.
In such situation with such public madness, the more violent act will likely occur. Let's see what will happen next and how will we handle it in the world that people look forwards to revenge before consider the real cause of the problem. We don't need to worry yet about the situation of wrong capture for the satisfaction of the public even though it often happens in our society. I just think that capital punishment in the surroundings that do not prevent crime would provide the victims less probability to survive and those who survive might be the victims of the men with mental problems who do not understand law. By the way, these people do need a cure rather than a violent punishment.
Along with the fight for the more violent act for us to feel safe. I just would like to remind the public that it's not the only resolution we should think about. I think we should also think of the safety environment and the protective family, so as the social wisdom of rehabilitating the victims' mind and the lost family. I did survive and I'm grown-up. Tt was not such a harm action to my body but it's a kind of suffer the scare I have every time I found myself looked by a man even my family is there with me, no matter how old I am. I'm crazy of every type of martial arts including knives and guns. In the same time, I cannot imagine when a victim like me learning about how to fight back and one day he or she wants someone to pay back in the merciless society. What type of people we are producing in the house that is not safety and people claimed for a violent revenge as a likely action?
Supposed that there was one village in where children were adored. One day a mad dog broke-in and killed one kid. The villages who caught it and cut its head would gain thanks from the villagers. Those who killed the next strange dogs would make the villagers feel safe but the children would learn that surviving is to shoot before asking. In the other hand, those who really make a good change were the ones who fixed the fences and train the children how to face it smartly and survive with no scar.
Along with fighting for the laws that insure us that our children won't be harmed. I think we should require social responsibility from the utilities. The dry services that allow such event to happen should bring disciplinary punishment to the directors as it's their direct responsibility. Not only resignation but they much fix the system with no salary before resigning. As citizen, we have right to ban the careless utilities such as the bus companies that run always-broken buses or hire insane drivers, mafia motorbike or taxi line, and the unsafe train, etc. Will it be better to create value to support a little bit more costly but trustworthy service? When we ban most of the utilities we have and find that we can trust no one, maybe we would question if our country is really a tranquil and safety place for our family as we always believed and what should we do with it.