เวลาจะสร้างละครหรือภาพยนตร์แต่ละครั้ง นอกจากนักแสดง บทละคร ทีมโปรดักชั่น และอีกสารพันสิ่งที่ต้องทำเพื่อให้งานออกมาดีแล้ว
"พิธีบวงสรวง" ก็เป็นอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ ด้วยเชื่อกันว่าเป็นการแจ้งให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์รับรู้ว่ากำลังจะทำอะไร ขณะเดียวกันก็เป็นการขอพรให้ประสบความสำเร็จ รวมทั้งยังเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการทำงานไปด้วย
พิธีบวงสรวงนั้นโดยปกติจะมีพราหมณ์เป็นผู้ทำหน้าที่ ในส่วนของไหว้ส่วนใหญ่จะเป็นบายศรีปากชาม มะพร้าวอ่อน กล้วยน้ำว้า อ้อย หัวหมู เป็ด ไก่ ปู กุ้ง ปลา นมเนย ถั่วงา ที่ใช้สำหรับบูชาครูทั่วไป
"วีระพงษ์ โพธิจิตติ" ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับด้านนี้มานานกว่า 10 ปี ก่อนเริ่มรับงานจริงเมื่อปี 2547 บอกว่า ในความเห็นของเขาการบวงสรวงคือการระลึกคุณความดีของครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้เราอ่อนน้อมและกตัญญูต่อสิ่งเหล่านั้น มากกว่าที่จะเป็นการนำของมาตั้ง แล้วไหว้ขอนั่นนี่
ถึงกระนั้นแล้ว ที่ทำกันหลายคนก็มักจะมีการขอติดปลายนวมในเรื่องความสำเร็จ ความนิยม และความแคล้วคลาดเป็นหลัก
อย่างไรก็ดีแต่ละค่ายที่ทำยังมีรายละเอียดพิเศษในการทำพิธีนี้แตกต่างกันไป
แล้วแต่ว่าใคร "ถือเคล็ด" อย่างไร
อย่างผู้จัดละคร "ช่อง 7" ก็จะทำพิธีหน้าศาลพระพิฆเนศทุกครั้ง เพราะถือว่าเป็นเทพแห่งความสำเร็จ
ส่วนค่าย "เมคเกอร์กรุ๊ป" ของ "มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช" นอกจากของหลักๆ ในการไหว้แล้ว ยังมีการอัญเชิญรูปปั้นของ 7 มหาเทพในศาสนาฮินดู คือพระพิฆเนศ พระศิวะ พระแม่อุมา พระนารายณ์ พระลักษมี พระพรหม และพระสุรัสวตี ด้วยเชื่อว่าเป็นเทพผู้ใหญ่ที่มีความสำคัญต่างกัน เมื่อมารวมกันจึงเป็นตัวแทนของความสำเร็จ ความร่ำรวย ความรัก และความรู้
มี "ท้าวจตุโลกบาล" ซึ่งเป็นผู้รักษาทิศทั้ง 4 เชื่อว่าจะช่วยประสาทพรให้การทำงานราบรื่น ทั้งยังเป็นที่นับถือโดยส่วนตัวของทางค่าย
มีรูปปั้น "สุนทรภู่" ซึ่งเริ่มตั้งแต่ตอนบวงสรวง "รักนี้หัวใจมีครีบ" ที่ตัวละครหลักเป็นนางเงือก จึงไหว้ท่านในฐานะที่แต่งเรื่องราวเกี่ยวกับนางเงือกมาก่อน นับจากนั้นก็ตั้งรูปปั้นเรื่อยมา ด้วยความที่เป็นกวีเอก ก็จะช่วยเสริมความมั่นใจว่าบทละครของค่ายจะดีเช่นผลงานกวีของท่าน
ทั้งยังตั้งรูปและโต๊ะบูชา "เก๋-บุญพิทักษ์ จิตต์กระจ่าง" เพื่อระลึกถึงอดีตนางเอกชื่อดังผู้ผูกพันกับค่ายนี้ ที่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน
สำหรับสิ่งที่เขาทำให้เองกับทุกค่าย ที่ได้ไปทำพิธีให้คือจะนำพระแม่ธรณีไปร่วมงาน
"เราทำอะไรในผืนแผ่นดินก็ให้เป็นพยาน"
"บุคคลที่ร่วมพิธีจะเดินทางไปไหนก็ขอให้ช่วยคุ้มครอง"
รวมถึงเขายังจะแจกพระเครื่องเพื่อความเป็นสิริมงคล มอบ "กำไล" เป็นเคล็ดของ "กำไร" และ "ด้ายมงคล" ที่สื่อถึง "ให้ได้" แก่ผู้ร่วมงาน
ด้านข้อห้ามที่เคยได้ยินมาว่า หญิงมีรอบเดือนห้ามเข้าพิธีเพราะไม่สะอาดนั้น พราหมณ์วีระพงษ์บอกว่าสำหรับเขาความสะอาดควรดูที่ "ใจ"
"ที่อยากห้าม คือคนไม่ศรัทธา แต่มาแบบเสียไม่ได้มากกว่า"
ด้านพราหมณ์ "จิระศักดิ์ ธรรมพันธ์" ก็ว่า บางเรื่องที่มีลักษณะพิเศษ ของที่ใช้ในพิธีก็จะมีลักษณะพิเศษตาม เช่น หนังดัง "องค์บาก" ก็มีการนำอาวุธมาวางและร่ายรำในพิธี
ขณะที่ "หนังผี" หลังพิธีบวงสรวงก็มักจะไหว้เจ้าที่เจ้าทาง รวมทั้งทำพิธีขอขมาเจ้าที่ทุกครั้งที่ออกกอง
ส่วนในหมู่ผู้เข้าร่วมพิธี ซึ่งโดยปกติจะต้องเข้ามาหยิบสิ่งของไหว้ต่างๆ หลังจากเสร็จพิธีเพื่อนำไปทานหรือเป็นของมงคลติดตัวนั้น ถ้าจะให้แนะนำเขาก็ว่านอกจากไข่ต้มยอดบายศรี ซึ่งเป็นที่หมายปองอันดับ 1 แล้ว ก็แนะนำให้เลือก "ทองหยิบ" เพื่อเคล็ด "จะได้หยิบได้ ไม่งั้นหยิบอะไรไม่ติด"
ตามด้วย "กล้วย" ทำอะไรจะได้กล้วยๆ ง่าย
"ถ้วยฟู" ก็จะได้ฟูฟ่อง ร่ำรวย
และ "ดาวเรือง" ก็ตามชื่อเลย คือจะได้เจริญรุ่งเรือง
แต่ที่สำคัญเหนือไปกว่าทริคใด เขาว่าต้องทำจิตใจให้สงบก่อนเข้าพิธี คิดในสิ่งดีๆ และมีความตั้งใจแน่วแน่
รวมทั้ง "ต้องพูดตามเสียงดัง อย่าอาย"
"เพราะถ้าเราตั้งใจ ทุกอย่างก็สัมฤทธิ์"
"แต่ถ้าคุยกัน ไม่ตั้งใจฟัง ร้อยทั้งร้อยก็ไม่ได้ผล เพราะคุณไม่ศรัทธา"
ฟาก "รติวัลคุ์ ศรีมงคลกุล" กรรมการผู้จัดการบริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด ก็เผยเคล็ดว่า เวลาจะทำพิธีบวงสรวงงานใดๆ ของบริษัท ก็จะทำพิธีกันที่หน้าศาลพระพิฆเนศซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าบริษัท โดยสำหรับละครเรื่องล่าสุด "อตีตา" ซึ่งเป็นละครที่มีการย้อนอดีตกลับไปสู่ยุคชาวบ้านบางระจันรบกับพม่า ซึ่ง "เป็นประวัติศาสตร์ที่แรง" ดังนั้งจึงทำการขอขมาล่วงหน้า "ทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เห็นว่าเรามีความเคารพในสิ่งที่จะทำ ไม่ได้ลบหลู่ หรือทำอะไรผิดไปจากสิ่งที่ไม่รู้"
พร้อมกันนั้นก็นำอาวุธที่ใช้ในการแสดงมาเข้าพิธีด้วย
"ไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุ ก็เลยบวงสรวงทั้งนักแสดง ทีมงาน และของที่ใช้" รติวัลคุ์ว่า
อื่นๆ นั้น เธอว่าสวมชุดขาวเข้าพิธี ด้วยเชื่อว่าช่วยให้รับสิ่งดีๆ ง่ายขึ้น และเลือกพราหมณ์ทำพิธีบวงสรวงที่มีพลัง สวดชัดเจน ครบ และถูกต้อง
"เพราะจะทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ยิน"
"อันนี้คือสิ่งที่เราเชื่อ"
"ทั้งหมดที่ทำไปจะสัมฤทธิ์ผลแค่ไหน รติวัลคุ์ว่าเธอเองก็ตอบไม่ได้ 100% แต่สิ่งหนึ่งที่ได้แน่ๆคือ "ความสบายใจ" ที่มาแบบเต็มเปี่ยม"
หน้า 22 มติชนรายวัน ฉบับวันอังคารที่ 8 กรกฎาคม 2557
หมายเหตุ"บวงสรวง" เรื่องของ"ความเชื่อ" ในวงการบันเทิงไทย!?
"พิธีบวงสรวง" ก็เป็นอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ ด้วยเชื่อกันว่าเป็นการแจ้งให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์รับรู้ว่ากำลังจะทำอะไร ขณะเดียวกันก็เป็นการขอพรให้ประสบความสำเร็จ รวมทั้งยังเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการทำงานไปด้วย
พิธีบวงสรวงนั้นโดยปกติจะมีพราหมณ์เป็นผู้ทำหน้าที่ ในส่วนของไหว้ส่วนใหญ่จะเป็นบายศรีปากชาม มะพร้าวอ่อน กล้วยน้ำว้า อ้อย หัวหมู เป็ด ไก่ ปู กุ้ง ปลา นมเนย ถั่วงา ที่ใช้สำหรับบูชาครูทั่วไป
"วีระพงษ์ โพธิจิตติ" ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับด้านนี้มานานกว่า 10 ปี ก่อนเริ่มรับงานจริงเมื่อปี 2547 บอกว่า ในความเห็นของเขาการบวงสรวงคือการระลึกคุณความดีของครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้เราอ่อนน้อมและกตัญญูต่อสิ่งเหล่านั้น มากกว่าที่จะเป็นการนำของมาตั้ง แล้วไหว้ขอนั่นนี่
ถึงกระนั้นแล้ว ที่ทำกันหลายคนก็มักจะมีการขอติดปลายนวมในเรื่องความสำเร็จ ความนิยม และความแคล้วคลาดเป็นหลัก
อย่างไรก็ดีแต่ละค่ายที่ทำยังมีรายละเอียดพิเศษในการทำพิธีนี้แตกต่างกันไป
แล้วแต่ว่าใคร "ถือเคล็ด" อย่างไร
อย่างผู้จัดละคร "ช่อง 7" ก็จะทำพิธีหน้าศาลพระพิฆเนศทุกครั้ง เพราะถือว่าเป็นเทพแห่งความสำเร็จ
ส่วนค่าย "เมคเกอร์กรุ๊ป" ของ "มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช" นอกจากของหลักๆ ในการไหว้แล้ว ยังมีการอัญเชิญรูปปั้นของ 7 มหาเทพในศาสนาฮินดู คือพระพิฆเนศ พระศิวะ พระแม่อุมา พระนารายณ์ พระลักษมี พระพรหม และพระสุรัสวตี ด้วยเชื่อว่าเป็นเทพผู้ใหญ่ที่มีความสำคัญต่างกัน เมื่อมารวมกันจึงเป็นตัวแทนของความสำเร็จ ความร่ำรวย ความรัก และความรู้
มี "ท้าวจตุโลกบาล" ซึ่งเป็นผู้รักษาทิศทั้ง 4 เชื่อว่าจะช่วยประสาทพรให้การทำงานราบรื่น ทั้งยังเป็นที่นับถือโดยส่วนตัวของทางค่าย
มีรูปปั้น "สุนทรภู่" ซึ่งเริ่มตั้งแต่ตอนบวงสรวง "รักนี้หัวใจมีครีบ" ที่ตัวละครหลักเป็นนางเงือก จึงไหว้ท่านในฐานะที่แต่งเรื่องราวเกี่ยวกับนางเงือกมาก่อน นับจากนั้นก็ตั้งรูปปั้นเรื่อยมา ด้วยความที่เป็นกวีเอก ก็จะช่วยเสริมความมั่นใจว่าบทละครของค่ายจะดีเช่นผลงานกวีของท่าน
ทั้งยังตั้งรูปและโต๊ะบูชา "เก๋-บุญพิทักษ์ จิตต์กระจ่าง" เพื่อระลึกถึงอดีตนางเอกชื่อดังผู้ผูกพันกับค่ายนี้ ที่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน
สำหรับสิ่งที่เขาทำให้เองกับทุกค่าย ที่ได้ไปทำพิธีให้คือจะนำพระแม่ธรณีไปร่วมงาน
"เราทำอะไรในผืนแผ่นดินก็ให้เป็นพยาน"
"บุคคลที่ร่วมพิธีจะเดินทางไปไหนก็ขอให้ช่วยคุ้มครอง"
รวมถึงเขายังจะแจกพระเครื่องเพื่อความเป็นสิริมงคล มอบ "กำไล" เป็นเคล็ดของ "กำไร" และ "ด้ายมงคล" ที่สื่อถึง "ให้ได้" แก่ผู้ร่วมงาน
ด้านข้อห้ามที่เคยได้ยินมาว่า หญิงมีรอบเดือนห้ามเข้าพิธีเพราะไม่สะอาดนั้น พราหมณ์วีระพงษ์บอกว่าสำหรับเขาความสะอาดควรดูที่ "ใจ"
"ที่อยากห้าม คือคนไม่ศรัทธา แต่มาแบบเสียไม่ได้มากกว่า"
ด้านพราหมณ์ "จิระศักดิ์ ธรรมพันธ์" ก็ว่า บางเรื่องที่มีลักษณะพิเศษ ของที่ใช้ในพิธีก็จะมีลักษณะพิเศษตาม เช่น หนังดัง "องค์บาก" ก็มีการนำอาวุธมาวางและร่ายรำในพิธี
ขณะที่ "หนังผี" หลังพิธีบวงสรวงก็มักจะไหว้เจ้าที่เจ้าทาง รวมทั้งทำพิธีขอขมาเจ้าที่ทุกครั้งที่ออกกอง
ส่วนในหมู่ผู้เข้าร่วมพิธี ซึ่งโดยปกติจะต้องเข้ามาหยิบสิ่งของไหว้ต่างๆ หลังจากเสร็จพิธีเพื่อนำไปทานหรือเป็นของมงคลติดตัวนั้น ถ้าจะให้แนะนำเขาก็ว่านอกจากไข่ต้มยอดบายศรี ซึ่งเป็นที่หมายปองอันดับ 1 แล้ว ก็แนะนำให้เลือก "ทองหยิบ" เพื่อเคล็ด "จะได้หยิบได้ ไม่งั้นหยิบอะไรไม่ติด"
ตามด้วย "กล้วย" ทำอะไรจะได้กล้วยๆ ง่าย
"ถ้วยฟู" ก็จะได้ฟูฟ่อง ร่ำรวย
และ "ดาวเรือง" ก็ตามชื่อเลย คือจะได้เจริญรุ่งเรือง
แต่ที่สำคัญเหนือไปกว่าทริคใด เขาว่าต้องทำจิตใจให้สงบก่อนเข้าพิธี คิดในสิ่งดีๆ และมีความตั้งใจแน่วแน่
รวมทั้ง "ต้องพูดตามเสียงดัง อย่าอาย"
"เพราะถ้าเราตั้งใจ ทุกอย่างก็สัมฤทธิ์"
"แต่ถ้าคุยกัน ไม่ตั้งใจฟัง ร้อยทั้งร้อยก็ไม่ได้ผล เพราะคุณไม่ศรัทธา"
ฟาก "รติวัลคุ์ ศรีมงคลกุล" กรรมการผู้จัดการบริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด ก็เผยเคล็ดว่า เวลาจะทำพิธีบวงสรวงงานใดๆ ของบริษัท ก็จะทำพิธีกันที่หน้าศาลพระพิฆเนศซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าบริษัท โดยสำหรับละครเรื่องล่าสุด "อตีตา" ซึ่งเป็นละครที่มีการย้อนอดีตกลับไปสู่ยุคชาวบ้านบางระจันรบกับพม่า ซึ่ง "เป็นประวัติศาสตร์ที่แรง" ดังนั้งจึงทำการขอขมาล่วงหน้า "ทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เห็นว่าเรามีความเคารพในสิ่งที่จะทำ ไม่ได้ลบหลู่ หรือทำอะไรผิดไปจากสิ่งที่ไม่รู้"
พร้อมกันนั้นก็นำอาวุธที่ใช้ในการแสดงมาเข้าพิธีด้วย
"ไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุ ก็เลยบวงสรวงทั้งนักแสดง ทีมงาน และของที่ใช้" รติวัลคุ์ว่า
อื่นๆ นั้น เธอว่าสวมชุดขาวเข้าพิธี ด้วยเชื่อว่าช่วยให้รับสิ่งดีๆ ง่ายขึ้น และเลือกพราหมณ์ทำพิธีบวงสรวงที่มีพลัง สวดชัดเจน ครบ และถูกต้อง
"เพราะจะทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ยิน"
"อันนี้คือสิ่งที่เราเชื่อ"
"ทั้งหมดที่ทำไปจะสัมฤทธิ์ผลแค่ไหน รติวัลคุ์ว่าเธอเองก็ตอบไม่ได้ 100% แต่สิ่งหนึ่งที่ได้แน่ๆคือ "ความสบายใจ" ที่มาแบบเต็มเปี่ยม"
หน้า 22 มติชนรายวัน ฉบับวันอังคารที่ 8 กรกฎาคม 2557