[PiC] ฟาง ธนันต์ธรณ์ นีระสิงห์ @ รับปริญญา พาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬา [เกียรตินิยมอันดับ2]
คนภายนอกอาจจะมองว่าเธอเป็นตัวแทนอัญเชิญพระเกี้ยว ซ้อมมารยาท ซ้อมทำกิจกรรมเฉพาะวันงานฟุตบอลฯ แต่เธอเล่าว่าหลังจากได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนนิสิตแล้วเธอต้องทำกิจกรรม ลงพื้นที่ทำงานมาตลอดเป็นระยะเวลา 1 ปี
"เราก็ไปทำกิจกรรมต่างๆ อย่างปีที่แล้วก็ช่วยเหลือน้ำท่วม ไปทาสีโรงเรียน รับบริจาค ไปทำไอศกรีมขายที่พารากอน เพื่อเอาเงินไปช่วยเหลือ ลงพื้นที่ก็ไป ฟางไม่เคยคิดว่าต้องทำอะไรเยอะขนาดนี้ ขอบอกว่าบางคนอาจจะเห็นว่ามันก็แค่วันงานบอล แต่จริงๆ แล้วเราทำงานกันก่อนล่วงหน้าหลายเดือนมาก จนฟางรู้สึกว่าเอาเวลานอนฟางไปหมดเลยน่ะ หมดเลย ฟางกลับบ้าน 4-5 ทุ่ม จากปกติตอนปีหนึ่ง เลิกเรียนกลับบ้าน เลิกซ้อมกลับบ้าน เพราะว่าเหนื่อยมาก นี่อยู่มหา'ลัยจนถึง 4-5 ทุ่ม บางทีถึงเที่ยงคืน เพื่อจะทำงานกิจกรรมนี้
มันยิ่งกว่าประกวดอะไรสักอย่าง เก็บตัวห้องหนึ่ง คนตอบคำถามอยู่อีกห้องหนึ่ง คนไม่ตอบอยู่อีกห้องหนึ่ง คนตอบเสร็จแล้วก็ไป เพื่อให้แฟร์กับทุกคน ว่าไม่ได้ยินคำถามมาก่อน จะมีคำถามกลางหนึ่งคำถาม แล้วก็จับฉลากอีกหนึ่งคำถาม ณ ตรงนั้นเลย คำถามเกี่ยวกับมหา'ลัย คำถามเกี่ยวกับเรื่องราวทั่วไป ทัศนคติต่างๆ ซึ่งขึ้นไปยืนบนเวที คนเดียว แล้วมีไมค์อยู่ตรงหน้า แล้วทุกคนก็นั่งฟัง คือทุกคำพูดที่เราพูดออกไป ขนาดเสียงหายใจยังได้ยินน่ะ คือมันเงียบมาก ทุกคนรอฟังสิ่งที่เราจะพูด ยิ่งกว่ากล่าวคำปราศัยอีก ที่คุยกับเพื่อนคือทุกคนก็กังวลว่าจะขึ้นไตอบยังไง ไม่ใช่กังวลว่าใครจะได้อัญเชิญพระเกี้ยว แต่กังวลว่าตอบไม่ดีแล้วมันจะเสียชื่อเสียงตัวแทนนิสิต คุณพ่อคุณแม่มาดู กลัวท่านจะเสียหน้า ตอนนั้นคิดอย่างนั้น
ฟางก็ทำสมาธิก่อน พยายามตอบให้เป็นตัวเองมากที่สุด เพราะถ้าเราท่อง หรือเราคิดว่าคำถามเป็นอย่างนี้แล้วจำมา การพูดมันจะตะกุกตะกัก และบวกกับความตื่นเต้น ฟางต้องบอกว่าตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นแบบน้ำตาจะไหล มันจะพูดไม่ได้เลย ก็พยายามพูดให้เป็นตัวเองมากที่สุด ฟางก็คิดว่าหนัก แต่ก็เป็นโอกาสดีที่ครั้งหนึ่งเราได้เป็นนิสิตจุฬาฯ แล้วเราก็ได้มีโอกาสมาทำงานตรงนี้ด้วยก็เป็นความภูมิใจของเรา"

[PiC] ฟาง ธนันต์ธรณ์ นีระสิงห์ @ รับปริญญา พาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬา [เกียรตินิยมอันดับ2]
คนภายนอกอาจจะมองว่าเธอเป็นตัวแทนอัญเชิญพระเกี้ยว ซ้อมมารยาท ซ้อมทำกิจกรรมเฉพาะวันงานฟุตบอลฯ แต่เธอเล่าว่าหลังจากได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนนิสิตแล้วเธอต้องทำกิจกรรม ลงพื้นที่ทำงานมาตลอดเป็นระยะเวลา 1 ปี
"เราก็ไปทำกิจกรรมต่างๆ อย่างปีที่แล้วก็ช่วยเหลือน้ำท่วม ไปทาสีโรงเรียน รับบริจาค ไปทำไอศกรีมขายที่พารากอน เพื่อเอาเงินไปช่วยเหลือ ลงพื้นที่ก็ไป ฟางไม่เคยคิดว่าต้องทำอะไรเยอะขนาดนี้ ขอบอกว่าบางคนอาจจะเห็นว่ามันก็แค่วันงานบอล แต่จริงๆ แล้วเราทำงานกันก่อนล่วงหน้าหลายเดือนมาก จนฟางรู้สึกว่าเอาเวลานอนฟางไปหมดเลยน่ะ หมดเลย ฟางกลับบ้าน 4-5 ทุ่ม จากปกติตอนปีหนึ่ง เลิกเรียนกลับบ้าน เลิกซ้อมกลับบ้าน เพราะว่าเหนื่อยมาก นี่อยู่มหา'ลัยจนถึง 4-5 ทุ่ม บางทีถึงเที่ยงคืน เพื่อจะทำงานกิจกรรมนี้
มันยิ่งกว่าประกวดอะไรสักอย่าง เก็บตัวห้องหนึ่ง คนตอบคำถามอยู่อีกห้องหนึ่ง คนไม่ตอบอยู่อีกห้องหนึ่ง คนตอบเสร็จแล้วก็ไป เพื่อให้แฟร์กับทุกคน ว่าไม่ได้ยินคำถามมาก่อน จะมีคำถามกลางหนึ่งคำถาม แล้วก็จับฉลากอีกหนึ่งคำถาม ณ ตรงนั้นเลย คำถามเกี่ยวกับมหา'ลัย คำถามเกี่ยวกับเรื่องราวทั่วไป ทัศนคติต่างๆ ซึ่งขึ้นไปยืนบนเวที คนเดียว แล้วมีไมค์อยู่ตรงหน้า แล้วทุกคนก็นั่งฟัง คือทุกคำพูดที่เราพูดออกไป ขนาดเสียงหายใจยังได้ยินน่ะ คือมันเงียบมาก ทุกคนรอฟังสิ่งที่เราจะพูด ยิ่งกว่ากล่าวคำปราศัยอีก ที่คุยกับเพื่อนคือทุกคนก็กังวลว่าจะขึ้นไตอบยังไง ไม่ใช่กังวลว่าใครจะได้อัญเชิญพระเกี้ยว แต่กังวลว่าตอบไม่ดีแล้วมันจะเสียชื่อเสียงตัวแทนนิสิต คุณพ่อคุณแม่มาดู กลัวท่านจะเสียหน้า ตอนนั้นคิดอย่างนั้น
ฟางก็ทำสมาธิก่อน พยายามตอบให้เป็นตัวเองมากที่สุด เพราะถ้าเราท่อง หรือเราคิดว่าคำถามเป็นอย่างนี้แล้วจำมา การพูดมันจะตะกุกตะกัก และบวกกับความตื่นเต้น ฟางต้องบอกว่าตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นแบบน้ำตาจะไหล มันจะพูดไม่ได้เลย ก็พยายามพูดให้เป็นตัวเองมากที่สุด ฟางก็คิดว่าหนัก แต่ก็เป็นโอกาสดีที่ครั้งหนึ่งเราได้เป็นนิสิตจุฬาฯ แล้วเราก็ได้มีโอกาสมาทำงานตรงนี้ด้วยก็เป็นความภูมิใจของเรา"