Universalmuseum Joanneum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดในแคว้นสไตเรีย ก่อตั้งโดย Archduke Johann ในปี ค.ศ. 1811 ถือได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกของประเทศออสเตรีย ปัจจุบันมีพิพิธภัณฑ์ในเครือมากมายหลายแห่ง ที่จัดแสดงนิทรรศการต่างๆกันไป ที่ป๊อบปูลาร์สุดๆ ก็เห็นจะเป็นพิพิธภัณฑ์อาวุธโบราณ หรือ Armoury, Schloss Eggenberg ปราสาทซึ่งเพิ่งขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไปหมาดๆเมื่อปี ค.ศ. 2010 และตึกเอเลี่ยน หรือ Kunsthaus ซึ่งแสดงนิทรรศการศิลปะร่วมสมัย
แต่ทว่า 3 แห่งนั้น ฉันเข้าชมเรียบหมดแล้วน่ะสิ ทีนี้ เมื่อมีวันว่างเพิ่มเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว ไม่ได้วางแผนล่วงหน้า แต่รู้สึกอยากออกไปไหนซักที่ ถ้าซื้อตั๋วไปไกล ยังไงก็จ่ายแพงแน่นอน ค่อยๆหยิบโบรชัวร์ท่องเที่ยวที่กองๆอยู่บนโต๊ะออกมาอ่าน พลิกไปพลิกมา พิจารณาเวลาเปิดปิด เช็คตารางรถบัส และรถไฟ เมื่อคำนวณความคุ้มค่าเสร็จสรรพ ก็เลยตัดสินใจที่จะซื้อตั๋วแบบ 48 ชั่วโมง สำหรับเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ในเครือ Universalmuseum Joanneum ซึ่งมีราคาค่างวดถึง 17 ยูโร (ดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ของพิพิธภัณฑ์ค่ะ
http://www.museum-joanneum.at/)
บ่ายวันศุกร์ เริ่มด้วยการเดินชมมิวเซียมบริเวณ Joanneum Quarter ให้หมดก่อน โดยเริ่มจาก Natural History Museum และ Neue Galerie ที่ Natural History Museum นั้น จัดแสดงนิทรรศการทั้งชั่วคราวและถาวร โดยนิทรรศการชั่วคราวที่จัดขึ้นช่วงนั้น ได้แก่ นิทรรศการเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ พลังงาน และฟังไจ
ส่วนนิทรรศการถาวร แบ่งเป็นสองส่วนหลักๆ ได้แก่ Biosciences และ Geosciences ในส่วนของ Biosciences นั้น เต็มไปด้วยตัวอย่างพืชแห้ง (Herbarium) และสัตว์สตั๊ฟที่ดูราวกับมีชีวิต ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ วิวัฒนาการ การสื่อสาร การเคลื่อนไหวของสัตว์ชนิดต่างๆ ฯลฯ ฉันค่อนข้างจะอินกับนิทรรศการส่วนนี้เป็นพิเศษ เพราะเรียนจบทางด้านนี้มาโดยตรง
ส่วนหลังประตูฝั่งตรงข้ามนั้น จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับ Geosciences ซึ่งว่าด้วยยุคทางธรณีวิทยา การกำเนิดของชั้นหินประเภทต่างๆ ฟอสซิลทั้งหลายถูกนำมาจัดแสดง รวมทั้งโครงกระดูกของกวางยักษ์ไอริช นอกจากนี้ยังมีอัญมณีมากมายหลากหลายชนิดจัดแสดงอยู่ในตู้ไม้ ที่วางเรียงรายอยู่รอบห้อง ดูระยิบระยับดี
ส่วน Neue Galerie นั้น รวบรวมงานศิลปะ โดยไล่เรียงจากยุคเก่าไปใหม่ เริ่มตั้งแต่ Classicism, Landscape painting, Impressionism, Expressionism, Inter-war period, Post-war avant-garde และ Art after 1945
ยังพอมีเวลา ก็เลยไปต่อที่ Folk Life Museum ซึ่งอยู่ไม่ได้อยู่ในบริเวณ Joanneum Quarter แต่อยู่ถัดจากย่านเมืองเก่าออกไป บนถนน Paulustorgasse นิทรรศการชั่วคราวช่วงนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติของชาวออสเตรีย นิทรรศการจัดแสดงสิ่งของต่างๆในชีวิตประจำวันที่มีเรื่องราวเชื่อมโยงกับความเชื่อต่างๆ บ้างเป็นเครื่องรางป้องกันความเจ็บป่วย บ้างป้องกันปีศาจร้าย ความเชื่อเกี่ยวกับเวทมนตร์คาถา ความฝัน ฯลฯ
ส่วนนิทรรศการถาวรนั้น แบ่งเป็น 3 หมวด ว่าด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย การแต่งกาย และศาสนา มีห้องซึ่งจำลองบริเวณต่างๆภายในบ้านแบบดั้งเดิม อุปกรณ์ ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ เครื่องแต่งกายแบบท้องถิ่นของชาวสไตเรีย ไปจนถึงพิธีกรรมทางศาสนา ความเชื่อ รวมถึงโบสถ์จริงๆ ที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณพิพิธภัณฑ์ นั่นคือ Church of St. Anthony of Padua
วันว่างๆในกราซ กับการตะลุย 7 มิวเซียม ใน 48 ชั่วโมง
แต่ทว่า 3 แห่งนั้น ฉันเข้าชมเรียบหมดแล้วน่ะสิ ทีนี้ เมื่อมีวันว่างเพิ่มเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว ไม่ได้วางแผนล่วงหน้า แต่รู้สึกอยากออกไปไหนซักที่ ถ้าซื้อตั๋วไปไกล ยังไงก็จ่ายแพงแน่นอน ค่อยๆหยิบโบรชัวร์ท่องเที่ยวที่กองๆอยู่บนโต๊ะออกมาอ่าน พลิกไปพลิกมา พิจารณาเวลาเปิดปิด เช็คตารางรถบัส และรถไฟ เมื่อคำนวณความคุ้มค่าเสร็จสรรพ ก็เลยตัดสินใจที่จะซื้อตั๋วแบบ 48 ชั่วโมง สำหรับเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ในเครือ Universalmuseum Joanneum ซึ่งมีราคาค่างวดถึง 17 ยูโร (ดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ของพิพิธภัณฑ์ค่ะ http://www.museum-joanneum.at/)
บ่ายวันศุกร์ เริ่มด้วยการเดินชมมิวเซียมบริเวณ Joanneum Quarter ให้หมดก่อน โดยเริ่มจาก Natural History Museum และ Neue Galerie ที่ Natural History Museum นั้น จัดแสดงนิทรรศการทั้งชั่วคราวและถาวร โดยนิทรรศการชั่วคราวที่จัดขึ้นช่วงนั้น ได้แก่ นิทรรศการเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ พลังงาน และฟังไจ
ส่วนนิทรรศการถาวร แบ่งเป็นสองส่วนหลักๆ ได้แก่ Biosciences และ Geosciences ในส่วนของ Biosciences นั้น เต็มไปด้วยตัวอย่างพืชแห้ง (Herbarium) และสัตว์สตั๊ฟที่ดูราวกับมีชีวิต ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ วิวัฒนาการ การสื่อสาร การเคลื่อนไหวของสัตว์ชนิดต่างๆ ฯลฯ ฉันค่อนข้างจะอินกับนิทรรศการส่วนนี้เป็นพิเศษ เพราะเรียนจบทางด้านนี้มาโดยตรง
ส่วนหลังประตูฝั่งตรงข้ามนั้น จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับ Geosciences ซึ่งว่าด้วยยุคทางธรณีวิทยา การกำเนิดของชั้นหินประเภทต่างๆ ฟอสซิลทั้งหลายถูกนำมาจัดแสดง รวมทั้งโครงกระดูกของกวางยักษ์ไอริช นอกจากนี้ยังมีอัญมณีมากมายหลากหลายชนิดจัดแสดงอยู่ในตู้ไม้ ที่วางเรียงรายอยู่รอบห้อง ดูระยิบระยับดี
ส่วน Neue Galerie นั้น รวบรวมงานศิลปะ โดยไล่เรียงจากยุคเก่าไปใหม่ เริ่มตั้งแต่ Classicism, Landscape painting, Impressionism, Expressionism, Inter-war period, Post-war avant-garde และ Art after 1945
ยังพอมีเวลา ก็เลยไปต่อที่ Folk Life Museum ซึ่งอยู่ไม่ได้อยู่ในบริเวณ Joanneum Quarter แต่อยู่ถัดจากย่านเมืองเก่าออกไป บนถนน Paulustorgasse นิทรรศการชั่วคราวช่วงนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติของชาวออสเตรีย นิทรรศการจัดแสดงสิ่งของต่างๆในชีวิตประจำวันที่มีเรื่องราวเชื่อมโยงกับความเชื่อต่างๆ บ้างเป็นเครื่องรางป้องกันความเจ็บป่วย บ้างป้องกันปีศาจร้าย ความเชื่อเกี่ยวกับเวทมนตร์คาถา ความฝัน ฯลฯ
ส่วนนิทรรศการถาวรนั้น แบ่งเป็น 3 หมวด ว่าด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย การแต่งกาย และศาสนา มีห้องซึ่งจำลองบริเวณต่างๆภายในบ้านแบบดั้งเดิม อุปกรณ์ ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ เครื่องแต่งกายแบบท้องถิ่นของชาวสไตเรีย ไปจนถึงพิธีกรรมทางศาสนา ความเชื่อ รวมถึงโบสถ์จริงๆ ที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณพิพิธภัณฑ์ นั่นคือ Church of St. Anthony of Padua