สวัสดีค่ะ ไม่รีรอดีกว่าค่ะ มาเข้าเรื่องถึงความโง่ขอดิฉันเลย เรื่องที่จะเล่ามันมีด้วยกันถึง 2 ครั้ง เเต่ละครั้งเเทบจะเเทงกระดูกดำเลยทีเดียว
(เราชื่อ เอ เเฟนชื่อ ที )
เหตุการณ์อันน่าจำจนตายค่ะ
>> เราคบกับเเฟนมาได้จะ 4 เเล้วค่ะ เราอายุห่างกันประมาณ 5 ปี เฟนเป็นคนค่อนข้างใจร้อน
ปากร้าย เสียงดัง หยาบคาย เเต่ไม่รู้ทำไมถึงยังทน
ที่บ้านเรามีธุรกิจร้านคาราโอเกะค่ะ ซึ่งมันก็จะมีเด็กๆสวยๆ อยู่เเล้ว ในวันที่ 20 ธันวาคม 55 วันที่เค้าบอกว่าโลก.ใกล้จะเเตกค่ะ อกเราจะเเตกมากกว่า
เรายอมรับค่ะ เราก็ปากร้ายพอกัน ด่าเค้าสารพัน เเต่ที่ด่าเพราะเค้าอ้างว่าจะไปส่งเด็กที่ร้านเราเพราะตี 2 เเล้วไม่มีรถ
เราเลยด่าหยาบคายทำนองว่าอยากจะนอนกับผู้หญิงเเบบนี้มากกว่า จะบอกว่าธุรกิจนี้พ่อเเม่เราบริหาร
เเล้วเเฟนก็เข้าออกบ้านปกติด้วยความที่เเม่ไว้ใจเลยให้ไปรับไปส่งเด็กดริ้งค่ะ เเค่วันนั้น
จะมีที่ไหนค่ะไปรอรับเด็กดริ้งที่ไปอ๊อฟกับเเขกหน้าโรงเเรมยันตี 4 เป็นใครจะโมโหไหมค่ะ
พอเราด่ามากๆเหมือนจะเข้าทางเค้าค่ะ คราวนี้เพราะเมื่อก่อนทะเลาะถึงขั้นหนักกว่านี้ เช่นทำร้ายร่างกายก็เคย
คราวนี้ทะเลาะเค้าตัดฉากปิดเครื่องเเล้วหายไป เราเเทบนอนไม่หลับค่ะ กว่าจะหลับได้เล่นเอาสว่างไปเรียนเเถบไม่ทัน
พอไปเรียนเสร็จเราก็จะไปทำงานนอกบ้านเเล้วกลับเข้ามาในเวลา 5 ทุ่มโดยเวลากลับเค้าจะมารับ เเต่วันนั้นไม่มา
สงสัยคงจะโกรธเเล้วไม่มาก็คิดเเบบนี้ค่ะ เราเลยกลับเองพอมาถึงบ้านเราที่เป็นร้านอาหารเห็นเเฟนนั่งทานเบียร์กับเด็กดริ้งเเบบสนุกสนาน
ด้วยความโมโหเดินเข้าไปกระชากคอเลยค่ะ คนที่นั่งเเถวนั้นตกใจมาก เเต่ไม่กล้าเข้ามาห้าม เราเลยพูดว่า
ถ้าเป็นเเบบนี้คงจะไปด้วยกันไม่ได้ เเฟนก็เงียบนะค่ะ ไม่โต้ตอบ เราก็เลยเดินเข้าบ้านมาโดยที่ฝากรอยมือไว้บนหน้าทีหนึ่งค่ะ
พอในเช้าวันที่ 21 ธันวา วันโลกเเตกค่ะ เเม่เดินเข้ามาหาเราเเล้วพูดกับเราเเปลกๆ ว่าถ้าเลิกกับเเฟนเราจะทำใจได้ไหม
ด้วยความที่คิดว่าทำใจได้ คงได้มั่ง เเม่ก็พูดทิ้งท้ายให้เราสงสัยว่า "คนที่คิดว่าใช่มันอาจจะไม่ใช่" เรางงไปสักพัก ก็ไม่ใส่ใจไปอาบน้ำเเต่งตัวเพื่อจะไปติดต่อฝึกงานกับเพื่อนๆ เเต่เหตุเจ้ากรรม เราลืมรองเท้าส้นสูงในที่ห้องเเฟน มันจำเป็นต้องใส่ไปส่งเรื่องฝึกงาน
เราโทรไปเพื่อให้มันเอามาให้มันไม่รับค่ะ โทรกี่ทีก็ไม่รับ เรื่องเอะใจทำไมไม่รับ ไม่ไปทำงานหรือยังไง
ก็เลยเลิกโทรเเล้วกะว่าจะไปที่ห้องเลย เมื่อไปถึงหน้าตึกโทรขึ้นไปใหม่ คราวนี้รับค่ะ เเล้วถามว่าโทรมามีอะไร
เราก็บอกว่าเราจะเอารองเท้า เเฟนก็บอกว่าจะเอามาให้คือพยายามจะไม่ให้เราขึ้นห้องค่ะ เเต่เราบอกว่ามาถึงเเล้ว
เเฟนเงียบไปสักพักเเล้วก็ตัดสายไป เราไปเคาะห้องตอนเเรกไม่เปิดค่ะ เคาะดังเรื่อยๆๆๆ ไม่เปิด เราเริ่มทุบเค้าเลยจำเป็นต้องเปิด เเต่เมื่อเปิดประตูออกไปเเล้วภาพที่เห็นตรงหน้าคือเด็กดริ้งร้านเราที่ทำงานกับเรามานาน เหมือนมันใจจะขาดเอาตอนนั้นเลยค่ะ พิมไปน้ำตาก็ไหล ภาพหลังประตูทำร้ายเรามาก
เเฟนเดินมาเปิดประตูเเบบ หน้าซีด กลัวเเละอีนั้นก็ก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้นมามอง เอาเเต่นั่งเล่นโทรศัพท์
เราเลยพูดไปว่า "นี้มันอะไรกัน มาทำอะไรที่นี้ 2 คนตอบกูสิ เชื่อไหมค่ะ ด้วยความโกธร อึ้ง ทึ่ง สยอง ไปทั้งร่างกาย โลกหมุนไปหลายตลบ
ยังไม่คลายค่ะ กลับจะไม่มีใครเชื่อ เอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปไว้ 2 ภาพ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอตั้งสติได้เเบบเล็กน้อยถึงปานกลาง ก็เดินเข้าไปในห้อง เดินอ้อมอีนั้นอยู่นะเเบบผู้ดีค่ะ กูจะไม่ลดตัวลงไปตบ จะไม่ลดตัว
(ทั้งที่ ใจ เเทบอยากจะหยิบมีดมาปาดคอทั้งคู่จริง อยากเอาตีนไปปาดหน้า) เดินมาหยิบรองเท้าส้นสูงค่ะ
เเล้วเดินออกมา ณ จุดๆนั้น ใครจะคิดค่ะ นางเอกบางทีวิญญาณผีก็เข้าได้ ก่อนออกไปเลยถามเเฟนว่า
เรา "ทำไมทำกับกูเเบบนี้ ทำไมๆ ไม่รักกูใช่ไหม"
เเฟน "กูบอกเลิกกูนิ ไม่ได้รักกูเเล้ว พอกูมีคนใหม่จะมาอะไรกับกู"
เรา"ที่ผ่านมาละมันหมายความว่าไง เล่นชู้กันมานานเเล้วใช่ไหม"
เเฟน"พอเหอะเราจบกันเเล้ว"
ลมมมมมมพัดดด ตึ่ง ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ Y___Y มันเหมือนกับว่าเราไม่มีวิญญาณเลยค่ะในขณะนั้น ตัวเบา สับสน มึนงง
เหมือนมีคนนับสิบมารุมตบ จิก น้ำตาไม่นัดไหลพรากกกค่ะ !! นองหน้าจริงๆ ใจจะขาดรอนๆๆเลย พอรวบสติได้
เอากำลังที่มีอยู่ เปิดวงสวิงส่งน้ำหนักที่ส่วนไปที่มือเเล้วหวดรองเท้าส้นสูงในหน้ามันค่ะ นึกถึงนะค่ะ เวลาผู้หญิงถือรองเท้าจะไม่ถือส้นเเต่จะถือส่วนหัวรองเท้า ส้นรองเท้าโดนเข้าเต็มๆที่หน้าของเเฟน เเล้วเราหันไปมองหน้าอีนั้น เเฟนคงกลัวที่เราจะทำมันเข้ามาห้ามเรามากั้นเราออก
เราเลยพูดว่า "คงจะอร่อยสินะ คงจะระทึกน่าดูเวลาเเอบกินของชาวบ้าน เเต่ไม่เป็นไรถือว่าให้ทาน
ผู้ยากไร้" เราเดินออกมาจากห้องทั้งที่ยังมีสติอยู่
เเล้วจู่ๆก็วูบไป เข้าใจเลยค่ะ ว่าลมจับ เป็นอย่างไร้ ในหัวตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าจะต้องพาตัวเองออกจากตรงนั้น ไม่ไหวเเล้ว
วูบลงไปในชนิดที่ว่าลุกไม่ได้ เเฟนเราเดินตามออกมาช่วยเราพยุงตัวขึ้นเเล้วบอกว่า จะไปส่ง
เราเลยบอกว่า ไม่เป็นไร เทอหนีไปเหอะ หนีไปกับมัน ถ้าผัวมันออกมาจากกรมเมื่อไรอาจจะตายก็ได้
(คือสรุปผัวอีนั้นติดทหารค่ะ นางอาจจะเลยคันเอาไปเรื่อยๆ อ๊อฟเเขกไปเยอะ)
เราเลยต้องเดินลงมาจากห้องนั้น เชื่อไหมค่ะว่า ถนน 8 เเลน ที่เเบ่ง 2 ฝั่ง เราข้ามเเบบไม่มองรถราเลย มีทั้งสิบล้อเยอะมากมายเเถวถนนที่วิ่งสู่ฉะเชิงเทรา
คิดได้ตอนนั้นคือจะต้องกลับไปหาเเม่ ไปหาเเม่เท่านั้น พอถึงบ้านเท่านั้นเเหละค่ะ เเม่เปิดประตูได้วิ่งเข้าไปกอดเเม่ บอกว่าหนูขอโทษ หนูขอโทษ
พ่อก็มาดู เราก็กราบพ่อบอกว่า ขอโทษ ๆ ตอนนั้นพูดเลยค่ะ ว่าเหมือนคนบ้ามาก เสียสติไปเลย ตอนนั้นเเม่ก็ถามว่า เห็นเเล้วใช่ไหม เป็นอย่างที่เเม่คิดไหม คนนั้นคือคนที่เเม่คิดใช่ไหม ฉันไม่ตอบได้เเต่พยักหน้า พ่อฉันโมโหมาก เเม่ยิ่งเดือด พูดเเต่ว่าใครทำลูกกูเจ็บต้องเจ็บกว่าลูกกู
เเต่ด้วยที่ยังรัก เลยขอเค้าไว้ว่าปล่อยเค้าไป ขอให้เค้าไปดี เห็นเราขอเเบบนี้ พ่อเเม่เลยยอม เเต่เรื่องราวมันไม่จบเท่านั้นสิค่ะ มันเเรงขึ้นจะเเทบอยากลายร่างเป็นวิญญาณร้ายเลยทีเดียว
โง่เพราะรัก รักจึงยอมโง่ Y__Y กูอยากฆ่ามันนนน
(เราชื่อ เอ เเฟนชื่อ ที )
เหตุการณ์อันน่าจำจนตายค่ะ
>> เราคบกับเเฟนมาได้จะ 4 เเล้วค่ะ เราอายุห่างกันประมาณ 5 ปี เฟนเป็นคนค่อนข้างใจร้อน
ปากร้าย เสียงดัง หยาบคาย เเต่ไม่รู้ทำไมถึงยังทน
ที่บ้านเรามีธุรกิจร้านคาราโอเกะค่ะ ซึ่งมันก็จะมีเด็กๆสวยๆ อยู่เเล้ว ในวันที่ 20 ธันวาคม 55 วันที่เค้าบอกว่าโลก.ใกล้จะเเตกค่ะ อกเราจะเเตกมากกว่า
เรายอมรับค่ะ เราก็ปากร้ายพอกัน ด่าเค้าสารพัน เเต่ที่ด่าเพราะเค้าอ้างว่าจะไปส่งเด็กที่ร้านเราเพราะตี 2 เเล้วไม่มีรถ
เราเลยด่าหยาบคายทำนองว่าอยากจะนอนกับผู้หญิงเเบบนี้มากกว่า จะบอกว่าธุรกิจนี้พ่อเเม่เราบริหาร
เเล้วเเฟนก็เข้าออกบ้านปกติด้วยความที่เเม่ไว้ใจเลยให้ไปรับไปส่งเด็กดริ้งค่ะ เเค่วันนั้น
จะมีที่ไหนค่ะไปรอรับเด็กดริ้งที่ไปอ๊อฟกับเเขกหน้าโรงเเรมยันตี 4 เป็นใครจะโมโหไหมค่ะ
พอเราด่ามากๆเหมือนจะเข้าทางเค้าค่ะ คราวนี้เพราะเมื่อก่อนทะเลาะถึงขั้นหนักกว่านี้ เช่นทำร้ายร่างกายก็เคย
คราวนี้ทะเลาะเค้าตัดฉากปิดเครื่องเเล้วหายไป เราเเทบนอนไม่หลับค่ะ กว่าจะหลับได้เล่นเอาสว่างไปเรียนเเถบไม่ทัน
พอไปเรียนเสร็จเราก็จะไปทำงานนอกบ้านเเล้วกลับเข้ามาในเวลา 5 ทุ่มโดยเวลากลับเค้าจะมารับ เเต่วันนั้นไม่มา
สงสัยคงจะโกรธเเล้วไม่มาก็คิดเเบบนี้ค่ะ เราเลยกลับเองพอมาถึงบ้านเราที่เป็นร้านอาหารเห็นเเฟนนั่งทานเบียร์กับเด็กดริ้งเเบบสนุกสนาน
ด้วยความโมโหเดินเข้าไปกระชากคอเลยค่ะ คนที่นั่งเเถวนั้นตกใจมาก เเต่ไม่กล้าเข้ามาห้าม เราเลยพูดว่า
ถ้าเป็นเเบบนี้คงจะไปด้วยกันไม่ได้ เเฟนก็เงียบนะค่ะ ไม่โต้ตอบ เราก็เลยเดินเข้าบ้านมาโดยที่ฝากรอยมือไว้บนหน้าทีหนึ่งค่ะ
พอในเช้าวันที่ 21 ธันวา วันโลกเเตกค่ะ เเม่เดินเข้ามาหาเราเเล้วพูดกับเราเเปลกๆ ว่าถ้าเลิกกับเเฟนเราจะทำใจได้ไหม
ด้วยความที่คิดว่าทำใจได้ คงได้มั่ง เเม่ก็พูดทิ้งท้ายให้เราสงสัยว่า "คนที่คิดว่าใช่มันอาจจะไม่ใช่" เรางงไปสักพัก ก็ไม่ใส่ใจไปอาบน้ำเเต่งตัวเพื่อจะไปติดต่อฝึกงานกับเพื่อนๆ เเต่เหตุเจ้ากรรม เราลืมรองเท้าส้นสูงในที่ห้องเเฟน มันจำเป็นต้องใส่ไปส่งเรื่องฝึกงาน
เราโทรไปเพื่อให้มันเอามาให้มันไม่รับค่ะ โทรกี่ทีก็ไม่รับ เรื่องเอะใจทำไมไม่รับ ไม่ไปทำงานหรือยังไง
ก็เลยเลิกโทรเเล้วกะว่าจะไปที่ห้องเลย เมื่อไปถึงหน้าตึกโทรขึ้นไปใหม่ คราวนี้รับค่ะ เเล้วถามว่าโทรมามีอะไร
เราก็บอกว่าเราจะเอารองเท้า เเฟนก็บอกว่าจะเอามาให้คือพยายามจะไม่ให้เราขึ้นห้องค่ะ เเต่เราบอกว่ามาถึงเเล้ว
เเฟนเงียบไปสักพักเเล้วก็ตัดสายไป เราไปเคาะห้องตอนเเรกไม่เปิดค่ะ เคาะดังเรื่อยๆๆๆ ไม่เปิด เราเริ่มทุบเค้าเลยจำเป็นต้องเปิด เเต่เมื่อเปิดประตูออกไปเเล้วภาพที่เห็นตรงหน้าคือเด็กดริ้งร้านเราที่ทำงานกับเรามานาน เหมือนมันใจจะขาดเอาตอนนั้นเลยค่ะ พิมไปน้ำตาก็ไหล ภาพหลังประตูทำร้ายเรามาก
เเฟนเดินมาเปิดประตูเเบบ หน้าซีด กลัวเเละอีนั้นก็ก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้นมามอง เอาเเต่นั่งเล่นโทรศัพท์
เราเลยพูดไปว่า "นี้มันอะไรกัน มาทำอะไรที่นี้ 2 คนตอบกูสิ เชื่อไหมค่ะ ด้วยความโกธร อึ้ง ทึ่ง สยอง ไปทั้งร่างกาย โลกหมุนไปหลายตลบ
ยังไม่คลายค่ะ กลับจะไม่มีใครเชื่อ เอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปไว้ 2 ภาพ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอตั้งสติได้เเบบเล็กน้อยถึงปานกลาง ก็เดินเข้าไปในห้อง เดินอ้อมอีนั้นอยู่นะเเบบผู้ดีค่ะ กูจะไม่ลดตัวลงไปตบ จะไม่ลดตัว
(ทั้งที่ ใจ เเทบอยากจะหยิบมีดมาปาดคอทั้งคู่จริง อยากเอาตีนไปปาดหน้า) เดินมาหยิบรองเท้าส้นสูงค่ะ
เเล้วเดินออกมา ณ จุดๆนั้น ใครจะคิดค่ะ นางเอกบางทีวิญญาณผีก็เข้าได้ ก่อนออกไปเลยถามเเฟนว่า
เรา "ทำไมทำกับกูเเบบนี้ ทำไมๆ ไม่รักกูใช่ไหม"
เเฟน "กูบอกเลิกกูนิ ไม่ได้รักกูเเล้ว พอกูมีคนใหม่จะมาอะไรกับกู"
เรา"ที่ผ่านมาละมันหมายความว่าไง เล่นชู้กันมานานเเล้วใช่ไหม"
เเฟน"พอเหอะเราจบกันเเล้ว"
ลมมมมมมพัดดด ตึ่ง ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ Y___Y มันเหมือนกับว่าเราไม่มีวิญญาณเลยค่ะในขณะนั้น ตัวเบา สับสน มึนงง
เหมือนมีคนนับสิบมารุมตบ จิก น้ำตาไม่นัดไหลพรากกกค่ะ !! นองหน้าจริงๆ ใจจะขาดรอนๆๆเลย พอรวบสติได้
เอากำลังที่มีอยู่ เปิดวงสวิงส่งน้ำหนักที่ส่วนไปที่มือเเล้วหวดรองเท้าส้นสูงในหน้ามันค่ะ นึกถึงนะค่ะ เวลาผู้หญิงถือรองเท้าจะไม่ถือส้นเเต่จะถือส่วนหัวรองเท้า ส้นรองเท้าโดนเข้าเต็มๆที่หน้าของเเฟน เเล้วเราหันไปมองหน้าอีนั้น เเฟนคงกลัวที่เราจะทำมันเข้ามาห้ามเรามากั้นเราออก
เราเลยพูดว่า "คงจะอร่อยสินะ คงจะระทึกน่าดูเวลาเเอบกินของชาวบ้าน เเต่ไม่เป็นไรถือว่าให้ทานผู้ยากไร้" เราเดินออกมาจากห้องทั้งที่ยังมีสติอยู่
เเล้วจู่ๆก็วูบไป เข้าใจเลยค่ะ ว่าลมจับ เป็นอย่างไร้ ในหัวตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าจะต้องพาตัวเองออกจากตรงนั้น ไม่ไหวเเล้ว
วูบลงไปในชนิดที่ว่าลุกไม่ได้ เเฟนเราเดินตามออกมาช่วยเราพยุงตัวขึ้นเเล้วบอกว่า จะไปส่ง
เราเลยบอกว่า ไม่เป็นไร เทอหนีไปเหอะ หนีไปกับมัน ถ้าผัวมันออกมาจากกรมเมื่อไรอาจจะตายก็ได้
(คือสรุปผัวอีนั้นติดทหารค่ะ นางอาจจะเลยคันเอาไปเรื่อยๆ อ๊อฟเเขกไปเยอะ)
เราเลยต้องเดินลงมาจากห้องนั้น เชื่อไหมค่ะว่า ถนน 8 เเลน ที่เเบ่ง 2 ฝั่ง เราข้ามเเบบไม่มองรถราเลย มีทั้งสิบล้อเยอะมากมายเเถวถนนที่วิ่งสู่ฉะเชิงเทรา
คิดได้ตอนนั้นคือจะต้องกลับไปหาเเม่ ไปหาเเม่เท่านั้น พอถึงบ้านเท่านั้นเเหละค่ะ เเม่เปิดประตูได้วิ่งเข้าไปกอดเเม่ บอกว่าหนูขอโทษ หนูขอโทษ
พ่อก็มาดู เราก็กราบพ่อบอกว่า ขอโทษ ๆ ตอนนั้นพูดเลยค่ะ ว่าเหมือนคนบ้ามาก เสียสติไปเลย ตอนนั้นเเม่ก็ถามว่า เห็นเเล้วใช่ไหม เป็นอย่างที่เเม่คิดไหม คนนั้นคือคนที่เเม่คิดใช่ไหม ฉันไม่ตอบได้เเต่พยักหน้า พ่อฉันโมโหมาก เเม่ยิ่งเดือด พูดเเต่ว่าใครทำลูกกูเจ็บต้องเจ็บกว่าลูกกู
เเต่ด้วยที่ยังรัก เลยขอเค้าไว้ว่าปล่อยเค้าไป ขอให้เค้าไปดี เห็นเราขอเเบบนี้ พ่อเเม่เลยยอม เเต่เรื่องราวมันไม่จบเท่านั้นสิค่ะ มันเเรงขึ้นจะเเทบอยากลายร่างเป็นวิญญาณร้ายเลยทีเดียว