เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว ได้ไปที่วัดอัมพวันของหลวงพ่อจรัญ เพื่อไปทำบุญเนื่องจากญาติที่ต่างประเทศฝากเงินมาเพื่อทำบุญกับหลวงพ่อจรัญและซื้อซีดีธรรมมะ ที่จังหวัดสิงห์บุรี เราก็ได้ขับรถไปจากกรุงเทพพร้อมครอบครัวเพื่อร่วมทำบุญด้วย พอเข้าไปถึงวัดจอดรถ ก็ถามคนขายของริมทางว่าซื้อซีดีธรรมมะตรงไหน กลับได้คำตอบมาว่า "เข้าไปหาข้างในเอาเถอะในวัดนี้มันซับซ้อนนักแหละ" ไอเราก็ไม่ค่อยเข้าใจที่เขาพูดเท่าไหร่ ก็เดินเข้ามาก็เจอที่ให้เช่าพระและวัตถุมงคล อยู่ตรงข้ามกับศาลาที่มีคนมานั่งรอหลวงพ่อจรัญท่านลงมาเพื่อที่จะทำบุญกับท่านโดยตรง คุณแม่ก็เดินเข้าไปถามพระที่นั่งเฉยๆอยู่หน้าตู้ให้เช่าวัตถุมงคล
คุณแม่ : "ขอโทษนะคะถ้าจะทำบุญแล้วขอใบอนุโมทนานี่ต้องทำที่ไหนคะ"
หลวงพี่ : "จะทำบุญก็รอใส่กับหลวงพ่อจรัญเลยเหมือนที่คนอื่นรออยู่ แต่ใบอนุโมทนาเขียนได้แค่ตรงนี้"
คุณแม่ : "พอดีญาติฝากเงินมาน่ะค่ะเลยอยากได้ใบอนุโมทนาเพื่อส่งกลับไปให้เขาน่ะค่ะ"
หลวงพี่ : "เอาชื่อมาแล้วทำบุญเท่าไหร่"
คุณแม่ : "สามพันบาทค่ะ" (แล้วคุณแม่ก็ค้นหาชื่อในโทรศัพท์มือถือเพราะชื่อเป็นภาษาอังกฤษ กลัวว่าจะเขียนผิด ซึ่งคุณแม่ก็ใช้เวลาหาพอสมควร)
พอใช้เวลาหานานหน่อยซึ่งคุณแม่ก็ยอมรับว่าผิดเองที่ไม่ได้เตรียม แต่หลวงพี่ท่านนั้นก็นั่งเฉยๆไม่ได้ทำอะไรเลย เลยไม่คิดว่าท่านจะโมโห
หลวงพี่เริ่มหงุดหงิดทำเสียงฟึดฟัด
หลวงพี่ : "เอาไปเขียนเองละกัน" (พร้อม"โยน"ใบอนุโมทนามาให้ )
คุณแม่ : ยื่นโทรศัพท์ที่มีชื่อให้หลวงพี่ "ชื่อตามนี้น่ะค่ะ" ยื่นให้พร้อมๆกับที่หลวงพี่โยนใบอนุโมทนามาให้พอดี
หลวงพี่ : " ก็ให้เอาไปเขียนเองแล้วไง! " พูดด้วยน้ำเสียงโมโหพอสมควรจนคุณแม่ตกใจ
คุณแม่เลยให้คุณพ่อเขียนให้ซึ่งปากกาคนละสีแล้วลายมือก็ไม่เหมือนกัน
คุณแม่หันไปมองหลวงพี่รูปนั้น ท่านไม่ได้ทำอะไรเลยนั่งเฉยๆเลยไม่เข้าใจว่าท่านโมโหเพราะอะไร ในเมื่อท่านไม่ได้ทำอะไรเลย คุณแม่เลยเข้าไปพูดกับหลวงพี่ท่านนั้นด้วยความไม่พอใจลึกๆ
คุณแม่ : "หลวงพี่คะ นี่วัดนะคะ ทำไมหลวงพี่ต้องไม่พอใจขนาดนั้นด้วย ดิฉันมาทำบุญ หาความร่มเย็นจากวัดนะคะ "
เท่านั้นแหละ คนเสื้อขาวที่เฝ้าตู้วัตถุมงคลโมโหแทนทันที
คนให้เช่าวัตถุมงคล : "คุณจะเอาอะไร! คุณต้องการอะไร!" กระแทกเสียงดัง
คุณแม่ : " ดิฉันไม่ได้ต้องการอะไร แต่นี่วัดควรจะมีความสงบร่มเย็นไม่ใช่เหรอ"
หลวงพี่ : " แล้วโยมมายืนด่า ด่า ด่า อาตมา ต่อหน้าคนอื่นทำไม " หลวงพี่พูดเสียงดังด้วยความไม่พอใจให้คนรอบข้างได้ยินแล้วหันมามอง
คุณแม่ : ด้วยความที่โมโหมาก " หลวงพี่คะดิฉันมาพูดดีๆนะคะ ไม่ได้ด่า แต่ถ้าหาว่าฉันด่า ก็ได้ค่ะ! หลวงพี่นั่นแหละค่ะ มารศาสนา"
ลงเอยด้วยการด่าพระจนได้ ทั้งๆที่ตอนแรกพูดดีๆตลอด ก็รู้ตัวว่าตัวเองก็เป็นฝ่ายผิด แต่ถ้าหลวงพี่รูปนั้นไม่ใช่พระ จะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่การกระทำ เหมือนเจ้าถิ่น หรือยังไงไม่ทราบ
สุดท้ายได้พูดคุยกับคนในวัดก็ทราบว่า พระรูปนั้นชื่อหลวงพี่หมิง และคนขายวัตถุมงคลเปรียบได้กับมือขวาของหลวงพี่หมิงรูปนั้น คนที่วัดก็บอกว่าท่านอยู่มานานแล้ว มาจากเมืองจีน เป็นพระผู้ใหญ่
วันนั้นก็ได้บทเรียนมากมาย กับการทำบุญ ต่อจากนี้ตั้งมั่นกับตัวเองว่าจะทำบุญกับเด็กยากไร้ ดีกว่าการทำบุญกับพระซึ่งเราไม่รู้เลยว่าเป็นพระจริงๆ หรือ เป็นแค่คนที่อยู่ในคราบผ้าเหลือง สุดท้ายการทำบุญครั้งนี้ กลายเป็นทำบาปซะอย่างนั้นแหละ น่าเศร้าใจ...
"มารศาสนา" แรงไปไหมสำหรับพระแบบนี้...
คุณแม่ : "ขอโทษนะคะถ้าจะทำบุญแล้วขอใบอนุโมทนานี่ต้องทำที่ไหนคะ"
หลวงพี่ : "จะทำบุญก็รอใส่กับหลวงพ่อจรัญเลยเหมือนที่คนอื่นรออยู่ แต่ใบอนุโมทนาเขียนได้แค่ตรงนี้"
คุณแม่ : "พอดีญาติฝากเงินมาน่ะค่ะเลยอยากได้ใบอนุโมทนาเพื่อส่งกลับไปให้เขาน่ะค่ะ"
หลวงพี่ : "เอาชื่อมาแล้วทำบุญเท่าไหร่"
คุณแม่ : "สามพันบาทค่ะ" (แล้วคุณแม่ก็ค้นหาชื่อในโทรศัพท์มือถือเพราะชื่อเป็นภาษาอังกฤษ กลัวว่าจะเขียนผิด ซึ่งคุณแม่ก็ใช้เวลาหาพอสมควร)
พอใช้เวลาหานานหน่อยซึ่งคุณแม่ก็ยอมรับว่าผิดเองที่ไม่ได้เตรียม แต่หลวงพี่ท่านนั้นก็นั่งเฉยๆไม่ได้ทำอะไรเลย เลยไม่คิดว่าท่านจะโมโห
หลวงพี่เริ่มหงุดหงิดทำเสียงฟึดฟัด
หลวงพี่ : "เอาไปเขียนเองละกัน" (พร้อม"โยน"ใบอนุโมทนามาให้ )
คุณแม่ : ยื่นโทรศัพท์ที่มีชื่อให้หลวงพี่ "ชื่อตามนี้น่ะค่ะ" ยื่นให้พร้อมๆกับที่หลวงพี่โยนใบอนุโมทนามาให้พอดี
หลวงพี่ : " ก็ให้เอาไปเขียนเองแล้วไง! " พูดด้วยน้ำเสียงโมโหพอสมควรจนคุณแม่ตกใจ
คุณแม่เลยให้คุณพ่อเขียนให้ซึ่งปากกาคนละสีแล้วลายมือก็ไม่เหมือนกัน
คุณแม่หันไปมองหลวงพี่รูปนั้น ท่านไม่ได้ทำอะไรเลยนั่งเฉยๆเลยไม่เข้าใจว่าท่านโมโหเพราะอะไร ในเมื่อท่านไม่ได้ทำอะไรเลย คุณแม่เลยเข้าไปพูดกับหลวงพี่ท่านนั้นด้วยความไม่พอใจลึกๆ
คุณแม่ : "หลวงพี่คะ นี่วัดนะคะ ทำไมหลวงพี่ต้องไม่พอใจขนาดนั้นด้วย ดิฉันมาทำบุญ หาความร่มเย็นจากวัดนะคะ "
เท่านั้นแหละ คนเสื้อขาวที่เฝ้าตู้วัตถุมงคลโมโหแทนทันที
คนให้เช่าวัตถุมงคล : "คุณจะเอาอะไร! คุณต้องการอะไร!" กระแทกเสียงดัง
คุณแม่ : " ดิฉันไม่ได้ต้องการอะไร แต่นี่วัดควรจะมีความสงบร่มเย็นไม่ใช่เหรอ"
หลวงพี่ : " แล้วโยมมายืนด่า ด่า ด่า อาตมา ต่อหน้าคนอื่นทำไม " หลวงพี่พูดเสียงดังด้วยความไม่พอใจให้คนรอบข้างได้ยินแล้วหันมามอง
คุณแม่ : ด้วยความที่โมโหมาก " หลวงพี่คะดิฉันมาพูดดีๆนะคะ ไม่ได้ด่า แต่ถ้าหาว่าฉันด่า ก็ได้ค่ะ! หลวงพี่นั่นแหละค่ะ มารศาสนา"
ลงเอยด้วยการด่าพระจนได้ ทั้งๆที่ตอนแรกพูดดีๆตลอด ก็รู้ตัวว่าตัวเองก็เป็นฝ่ายผิด แต่ถ้าหลวงพี่รูปนั้นไม่ใช่พระ จะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่การกระทำ เหมือนเจ้าถิ่น หรือยังไงไม่ทราบ
สุดท้ายได้พูดคุยกับคนในวัดก็ทราบว่า พระรูปนั้นชื่อหลวงพี่หมิง และคนขายวัตถุมงคลเปรียบได้กับมือขวาของหลวงพี่หมิงรูปนั้น คนที่วัดก็บอกว่าท่านอยู่มานานแล้ว มาจากเมืองจีน เป็นพระผู้ใหญ่
วันนั้นก็ได้บทเรียนมากมาย กับการทำบุญ ต่อจากนี้ตั้งมั่นกับตัวเองว่าจะทำบุญกับเด็กยากไร้ ดีกว่าการทำบุญกับพระซึ่งเราไม่รู้เลยว่าเป็นพระจริงๆ หรือ เป็นแค่คนที่อยู่ในคราบผ้าเหลือง สุดท้ายการทำบุญครั้งนี้ กลายเป็นทำบาปซะอย่างนั้นแหละ น่าเศร้าใจ...