ลองถามแฟนคุณดูก่อนครับว่าเป็นคริสต์นิกายไหน

หากตัดสินใจไม่เปลี่ยนศาสนา ต่างฝ่ายต่างถือ และมั่นใจว่าไปด้วยกันได้จริง

ก็ทำ 2 พิธีครับ เช้าทำแบบคริสต์ ช่วงสายแห่ขันหมาก พร้อมทำพิธีแบบพุทธ รดน้ำสังข์ เป็นอันเสร็จพิธี

จะแตกต่างตรงนิกายคือ โปรเตสแตนต์ติดต่อศิษยาภิบาล ขอให้ทำพิธีแต่งงาน และก็รอคนมาคัดค้าน ถ้าไม่มีก็แต่งงานได้

คาทอลิก ก่อนแต่งงานจะละเอียดมากครับ ต้องเช็คประวัติละเอียดมากว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เคยแต่งงานมาก่อนหรือเปล่า คาทอลิกจะอนุญาตให้แต่งงานกันได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น

หากเช็คว่าไม่เคย ก็ต้องไปเข้าอบรมการใช้ชีวิตคู่ของคาทอลิกก่อนประมาณ 2-3 สัปดาห์ แล้วถึงจะแต่งงานได้ครับ

เรื่องสินสอดนั้น ทั้งทางพุทธและคริสต์ ไม่เกี่ยวอยู่แล้ว ไม่ได้มีอยู่ในพิธีทางศาสนา การมอบสินสอด เป็นประเพณีไทย

พิธีทางศาสนา จึงไม่มีตรงนี้ เมื่อเสร็จพิธีแล้ว ธรรมเนียมแต่งงานประเพณีไทย จึงจะเริ่มนับสินสอด เมื่อสินสอดครบ ก็ไปรดน้ำสังข์ได้

ส่วนเรื่องลูกในอนาคต

คาทอลิก จะเน้นเลยว่า ถ้าลูกเกิดมา พ่อเป็นคาทอลิก แม่เป็นพุทธ ลูกก็ต้องเป็นคาทอลิก และก็รับศีลล้างบาปตั้งแต่แบเบาะเลย

โปรเตสแตนต์นั้น ส่วนใหญ่จะให้ลูกเป็นเช่นกัน แต่บางคริสตจักร จะยังไม่ให้เด็กแรกเกิดแบเบาะ เข้ารับศีลบัพติศมาหรือศีลล้างบาป

จะให้โอกาสเด็กได้ตัดสินใจตอนโตเองว่า จะประกาศตัวเป็นคริสตชนแบบทางการเมื่อไหร่

ก็มีบางครอบครัว ที่พ่อแม่ต่างฝ่ายต่างถือ แต่ลูกมาเป็นพุทธก็มี

ถ้าถามผมนะ อดีตผมก็คิดว่า "ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก ศรัทธาอยู่ที่คน"

แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนเป็นคริสต์แล้ว ก็เริ่มเข้าใจว่า คริสตชนอยากให้คู่รักเป็นคริสตชนด้วยกันก็มีหลายเหตุผลและปัจจัยครับ

เช่น การเข้าโบสถ์ ก็เข้าด้วยกัน ต่างฝ่ายต่างเดินในทางของพระเจ้า ดำเนินชีวิตตามแบบพระเยซู

ความขัดแย้งและสิ่งต่างๆแทบจะไม่เกิดขึ้นเลยครับ

ที่บอกไปนี่ ไม่ได้กล่าวว่าคู่รักแบบพุทธขัดแย้งกันนะครับ

แต่คือถ้าดำเนินทางในศาสนาเดียวกัน ทุกอย่างก็จะราบรื่นครับ เว้นแต่ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันแล้วว่า จะไม่ก้าวก่ายในเรื่องของความเชื่อ