สวัสดีค่ะ
เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว เราเคยเข้ามาเขียนกระทู้ แบ่งปันประสบการณ์เรื่องบ้านไฟไหม้ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเราที่ห้องชายคา ซึ่งตอนนั้นยังไม่มี ID ใน Pantip ได้แต่ใช้บัตรผ่านเข้ามาแบ่งปันประสบการณ์ ตอนนั้นได้รับกำลังใจมากมายจากเพื่อนๆในนี้ ดีใจมากๆ เลย
วันนี้จะมาแบ่งปันประสบการณ์อีกรอบ ว่าเจ็ดปีผ่านมา เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของผู้หญิงตัวน้อยยยยยๆ คนนี้ 555
ก่อนอื่น เรามีข้อความที่เคยเขียนไว้เมื่อเจ็ดปีที่แล้วใส่ไว้ใน spoil ให้เพื่อนๆอ่านกันเล่นๆนะคะ พอดีรุ่นพี่ที่บริษัทเขา save ข้อความจากกระทู้ Pantip ไว้ให้ ก่อนที่จะถูกลบ ดีใจมากๆเลยค่ะ บางทีก็เอากลับมาอ่าน มาดูคอมเม้นต์ที่เพื่อนๆ Pantip เข้ามาเขียนทิ้งไว้ให้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บ้านไฟไหม้ ข้อคิดที่อยากแบ่งปัน
แค่อยากจะมาบอกว่า คนเรามาแต่ตัว ไปแต่ตัวคะ อย่ายึดติด และคิดอะไรให้ง่ายเข้าไว้ ไม่มีอะไรเลวร้ายเกินแก้ ถ้าเรารู้จักปล่อยวาง เมื่อก่อนตอนมีบ้าน ของรกห้องมากกกกก จัดเท่าไหร่ ไม่เคยสะอาดได้นาน เสื้อผ้าล้นตู้ กล่องรองเท้า กระดาษโน๊ต ของฟรี ของแถม มีเต็มไปหมด ไม่ยอมทิ้งสักอย่าง เสียดายยยยย งกกกกก ทุกอย่างมีความสำคัญหมด แต่พอบ้านไฟไหม้ปุ๊บ สิ่งที่เสียไป คือของเหล่านั้น เสื้อผ้าไม่เหลือ ของใช้ไม่เหลือ เงินที่เก็บมาชั่วชีวิตการทำงาน ไม่เหลือ มีแต่คนที่เรารักเท่านั้นที่ปลอดภัยทุกคน ถึงแม้จะบาดเจ็บกันบ้าง แต่เราไม่สูญเสียใคร แน่นอน ตอนแรกที่รู้ว่าบ้านไฟไหม้ สิ่งที่นึกถึงคือ บ้าน และความสูญเสีย โทษดวงชะตา ฟ้า และสิ่งศักดิ์ศิทธิ์ ร้องไห้เสียงดังอยู่คนเดียว คิดถึงเงินทองที่เก็บมาเพื่อพ่อแม่ และอนาคต เพื่อบ้านหลังแรกที่กำลังจะสร้างให้พ่อกับแม่ เงินที่ไปถอนมาก่อนไปทำงานที่ทิ้งไว้ให้พ่อกับแม่ใช้จ่าย หนึ่งแสนบาท ไหม้ไปหมด ยังดีที่ยังเจอซากเงินดอลล่าร์ เงินเยน และเงินออสเตรียเลีย ที่ไหม้ไปแล้ว เพราะหลังจากนั้นเรายังพอมีหวังเอาไปเคลมกับธนาคารได้ ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะได้คืนหมดหรือเปล่า แต่เหตุการณ์นี้ทำให้เราเห็นน้ำใจของคนที่รู้จักกัน เพื่อน พี่น้อง คนใกล้ชิด และคนแปลกหน้า คนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ช่วยกันรวบรวมเงิน และเสื้อผ้าให้กับเรา ในความโชคร้าย เรายังมีความโชคดีหลงเหลืออยู่ ที่ไม่มีใครทิ้งให้โดดเดี่ยว เงินที่ได้มา มากพอที่จะเอามาสร้างบ้านหลังใหม่ บวกกับเงินที่เราพอจะได้คืนมาบ้าง และการตั้งหน้าตั้งตาทำงานหาเงินใหม่ คนที่เจอเราไม่เชื่อว่าเราบ้านไฟไหม้ เพราะเราหน้าตาเป็นปกติมาก ยิ้มแย้ม และแข็งแรง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทำไมน่ะเหรอคะ??? ก็เพราะ หลังจากบ้านไฟไหม้ หลังจากที่ร้องไห้เป็นวักเป็นเวรอยู่คนเดียว เราคิดได้ว่าเรากำลังทำบาปอย่างมะหัน เราทำให้พ่อแม่ร้องไห้ เสียใจ และเป็นห่วงเรา เราพูดถึงเรื่องเงินที่สูญเสียไป ซึ่งตอนนั้นเราไม่รู้หรอกว่ามันทำให้พ่อกับแม่เรารู้สึกผิด และเสียน้ำตาไปมากกว่าเราขนาดไหน
เพราะพ่อกับแม่นึกโทษแต่ตัวเอง ว่าเป็นเพราะเค้าที่ไม่สามารถรักษาเงินของลูกไว้ให้ได้ เค้าเป็นห่วงเรามาก กลัวเราเสียใจ ในขณะที่เราฟูมฟายพูดถึงเงินไม่กี่แสนที่ไหม้ไฟ..... เราทำใจ เลิกร้องไห้ และปลงตั้งแต่เดี๋ยวนั่นเลย เราโทรบอกพ่อให้บอกแม่ซึ่งตอนนั้นอยู่โรงพยาบาล ว่าอย่าโทษตัวเอง และอย่าทำให้เราต้องบาปไปมากกว่านี้ เราได้คุยกับพ่อแม่ทางโทรศัพท์ คำแรกที่ทั้งพ่อและแม่พูด คือ "แม่ขอโทษนะลูก พ่อขอโทษนะลูกที่รักษาเงินของลูกไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่พ่อแม่เสียใจมากที่สุด ขอโทษนะลูก" เรายกมือกราบพ่อและแม่กับโทรศัพท์ ขอร้องไม่ให้ท่านพูด เพราะเรากลัวจะบาปไปมากกว่านี้ เราบอกแม่ เราไม่คิดอะไรแล้ว เราหาใหม่ได้ เราไม่มีความเสียดายหลงเหลือแล้ว แม่เราถึงสบายใจ เราปลงได้อย่างที่พ่อสอนว่า "เรามาแต่ตัว ไปแต่ตัวนะลูก ทุกอย่างเรามาหากันใหม่" และมันก็จริงอย่างที่พ่อพูด ของที่เราเคยหวง ไม่ยอมทิ้ง ไม่ยอมให้ใครเอาไปใช้ เสื้อผ้าที่หาย เวลาเอาไปซัก หาไม่เจอ โกรธคนโน้นคนนี้ ตอนนี้มีแค่สองสามชุด ใส่ซ้ำไปมา ยังอยู่ได้ (สวยด้วย) เงินที่ตั้งหน้าตั้งตาเก็บ กลัวไม่พอใช้ ตอนนี้มีพอใช้จ่าย พอกินแต่ละวัน ก็อยู่ได้ บ้านที่สวยหรูที่วาดฝัน ตอนนี้มีแค่ที่นอน หมอน ผ้าห่ม และห้องเล็กๆอยู่รวมกันพ่อแม่ลูก ก็ยังอยู่ได้ อย่างมีความสุข สิ่งอำนวยความสะดวก เราสร้างกันขึ้นมา ไม่มี ก็ไม่ตาย อยู่อย่างพอเพียงกันเถอะนะคะ อย่างก อย่าตระหนี่ในสิ่งที่ไม่ควร แบ่งปันอะไรได้ก็แบ่งกันซะ คนที่เค้าไม่มี และต้องการในสิ่งที่เรามีเกินพอแล้ว ยังมีอีกเยอะ คุณมีเพื่อแบ่ง ดีกว่าไม่มีอะไรที่จะแบ่งปันใครเลยนะคะ เราคงไม่มีวันมีความรู้สึกนี้ ถ้าบ้านเราไม่โดนไหม้ ไม่รู้ว่าความพอเพียง การมีน้อย ใช้น้อย ใช้สอยอย่างประหยัด และการแบ่งปันเป็นอย่างไร ตอนนี้เรารู้แล้ว เราเอามาบอกเพื่อนๆ ไม่ต้องรอให้ตัวเองสูญเสียอะไรซะก่อนก่อนที่จะคิดได้นะคะ
สิ่งที่เขียนไว้ มันเป็นความรู้สึกทั้งหมดในตอนนั้นหลังจากวันที่บ้านไฟไหม้ค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกเช่นนั้น ไม่มีความเสียดาย หรือเสียใจใดๆค่ะ อย่างที่พ่อบอก เรามาแต่ตัว ก็ไปแต่ตัว ทุกอย่างเราหาใหม่ได้ สู้กันใหม่ คำของพ่อคำนี้ ทำให้เราปล่อยวางได้ภายในวันเดียว
มีรูปบ้านหลังที่ถูกไฟไหม้มาให้ดูค่ะ สาเหตุ ไม่อยากพูดถึง จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ไม่มีใครอยากรู้ และไม่มีใครสนใจจะตามหา สิ่งที่ผ่านไปแล้ว ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เราก็ปล่อยมันไปค่ะ เพื่อความสบายใจของทุกคน
รูป 3 รูปด้านล่าง คือรูปบ้านที่ไหม้ไป ชั้นบนเป็นไม้ทั้งหมด ไฟเริ่มมาจากชั้นบน ไหม้ทุกอย่างหมดภายในไม่ถึง2 ชม.
ภาพด้านล่างนี้ เป็นภาพส่วนหนึ่งของเงินที่เราเก็บมาทั้งชีวิตการทำงานช่วงนั้น เป็นเงินต่างประเทศ 2สกุล
โชคดีมากที่มีพี่เก็บไว้ให้ เพราะเราสามารถนำเงินชุดนี้ กับอีกชุดที่หาเจอไปเคลมเงินคืนกับธนาคารของ2 ประเทศ ได้คืนมาเกือบหมด ดีใจมากกกกกก
แต่...เงินสองแสนบาท ที่ถอนออกมาเก็บไว้ที่บ้านตอนนั้น....ไหม้หมดไม่เหลือเลยค่ะ
ตอนนั้นถอนออกมา เพราะกำลังจะสร้างบ้านให้พ่อกับแม่ค่ะ ถอนมาปุ๊บ อีกวันไหม้ปั๊บ 555
ช่วงนั้น เราไม่เหลืออะไรเลยค่ะ เป็นช่วงอาภัพสุดๆ บ้านไฟไหม้ แถมไม่นานก็เลิกกะแฟนอีก
ซวยมาเป็นแพคเกจคู่เลย 555
ตอนนั้นมีแต่กำลังใจที่มากมายล้นเหลือ กำลังใจสำคัญมากๆนะคะ โดยเฉพาะ "ใจ"ของเรานี่ล่ะ สำคัญที่สุด ถ้าเราฟื้นใจได้เร็ว เราก็จะสามารถกลับมาสู้ได้เร็ว
ตอนนั้นเราได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงาน ช่วยกันบริจาคเสื้อผ้าให้ รวมถึงเงินจำนวนหนึ่งที่ช่วยกันเรี่ยรายให้เรา มันเป็นอะไรที่ตื้นตันมากๆนะคะ
เวลาที่เราทุกข์ และมีคนยื่นมือช่วยเหลือ เรารู้สึกว่ามันเป็นบุญของเราจริงๆ ในความโชคร้าย แต่ได้กัลยาณมิตรมากมาย
ช่วงนั้นใครให้อะไร เรารับหมด เพราะเสื้อผ้าเราไม่เหลือสักชิ้น ยกเว้นที่มีติดตัวตอนไปทำงานอยู่2ชุด กับรองเท้า1คู่
เราบอกบริษัทขอกลับมาทำงานเลย ไม่ขอหยุดนาน เพราะเราต้องการเก็บเงิน มารีบสร้างบ้านหลังใหม่
ซึ่งพ่อเราคุมสร้างเองหมดเลยค่ะ เป็นบ้านหลังชั้นเดียว หลังเล็กๆในพื้นที่ 60ตรว. เป็นเงินเก็บทั้งหมดของเรา รวมถึงเงินที่ผู้ใจบุญทุกท่านช่วยกันบริจาคมา
หุๆๆ ภาพนี้ถ่ายไว้นานนนแล้วค่ะ ปัจจุบันนี้ต้นไม้เพียบ! พอดีไม่มีภาพถ่ายปัจจุบันตอนเขียนกระทู้ เลยขอเอาภาพเก่ามาลงนะคะ
เราตั้งชื้อบ้านเราว่าบ้านแสนรัก เรารักมันมาก เพราะน้ำพักน้ำแรงของเรา เป็นบ้านของพ่อกับแม่ค่ะ
ชีวิตช่วงที่เลวร้าย ผ่านไปแล้วเห็นมั้ยคะ
ง่ายมั้ย?
หลังจากนั้น เราก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่จากการที่บ้านไฟไหม้ครั้งนั้น มันทำให้เรากลายเป็นคนที่ไม่ค่อยยึดติดกับสิ่งของจริงๆค่ะ(น้อยลงเยอะ)
อะไรอยากซื้อ ถ้าไม่มากเกินไป เราก็ซื้อ อะไรอยากกิน ถ้าไม่มากเกินไป เราก็กิน อยู่ในกำลังทรัพย์ของเรา อะไรไม่ควรเก็บ ก็ไม่เก็บ ไม่ซื้อ ทิ้งมันไปบ้าง
เวลาจะกิน จะทำอะไร ก็นึกถึงพ่อแม่บ้าง ได้กินของอร่อยอะไร ก็นึกถึง หรือซื้อไปฝากท่านเท่าที่มีโอกาส ทำงานได้เงินมา ก็ให้พ่อกับแม่ทุกเดือน เรางกเงินน้อยลง แต่ก็ไม่ประมาทนะคะ
สรุปคือ...เดินสายกลาง
ใช้ได้ แต่ต้องรู้จักเก็บออมไว้บ้าง อย่างน้อยเผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ที่เราไม่อาจล่วงรู้ได้
ไม่เสียดายที่จะใช้เงิน แต่ก็ต้องไม่ประมาท หรือฟุ่มเฟือยจนเกินงาม 555
จน ณ วันนี้... เจ็ดปีผ่านมา เรามีบ้านอีกหลังแล้วนะคะ ตอนแรกกะจะแค่ซื้อที่เก็บไว้ก่อน แต่รวยไม่พอ ต้องกู้ธนาคาร เพราะไม่สามารถกู้ซื้อที่เปล่าๆ ได้ ก็เลยเลยตามเลยค่ะ สร้างบ้านของตัวเองมันซะเลย555
หลังนี้ เป็นบ้านของเราเองจริงๆ เป็นความภูมิใจล้วนๆ มีหนี้เป้นของตัวเองแล้วเว้ยยยย
(ปาดเหงื่อ)
พอดีมีพี่แนะนำที่ผืนนี้ให้ เลยตัดสินใจซื้อ เพราะชอบบรรยากาศ
บ้านหลังนี้อยู่ที่เชียงใหม่ค่ะ ตั้งใจว่าบ้านปลายตอนแก่ จะไปใช้ชีวิตที่นั่น แต่ตอนนี้ต้องทำงานที่เมืองกรุง ใช้หนี้ธนาคารไปก่อน 555
จบแล้วค่าาาา
หวังว่ากระทู้ของเรา จะเป็นกำลังใจให้คนที่ท้อหลายๆคนนะคะ
เราเชื่อว่า ความทุกข์ของทุกคน ไม่มีคำว่ามากเกินเอาชนะ ถ้าใครกำลังทุกข์อยู่ด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม จงอย่ามัวแต่สงสารตัวเอง หรือโทษโชคชะตา หรือคนอื่นๆ
ทุกอย่างอยู่ที่ตัวของเราทั้งนั้นค่ะ แก้ไขที่ใจตัวเองให้ได้เมื่อไหร่ อุปสรรคหรือทุกข์ใดๆ ก็จะเป็นเรื่องจิ๋วๆ ไปทันที
อีกอย่าง ความกตัญญูกับพ่อแม่ก็เป็นสิ่งสำคัญนะคะ ทุกวันนี้เราเชื่ออย่างหนึ่ง ว่าที่เราสามารถรอดพ้นจากความลำบากได้ในแต่ละครั้งในชีวิตนั้น มีผลมาจากความกตัญญุที่เรามีให้พ่อแม่ เราไม่ใช่ไม่ใช่ลูกที่ดีเลิศ มีเถียง มีทะเลาะกับพ่อแม่ แต่เราก็พยายามมีพ่อแม่เป็นที่ตั้งในใจ ทำอะไรนึกถึงพ่อแม่ ใครไม่เชื่อเราเชื่อนะ
ขออวยพรให้เพื่อนๆทุกคนมีแต่ความสุขกันทุกวันๆ นะคะ
เจ็ดปีผ่านมา หลังจากประสบการณ์บ้านไฟไหม้
เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว เราเคยเข้ามาเขียนกระทู้ แบ่งปันประสบการณ์เรื่องบ้านไฟไหม้ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเราที่ห้องชายคา ซึ่งตอนนั้นยังไม่มี ID ใน Pantip ได้แต่ใช้บัตรผ่านเข้ามาแบ่งปันประสบการณ์ ตอนนั้นได้รับกำลังใจมากมายจากเพื่อนๆในนี้ ดีใจมากๆ เลย
วันนี้จะมาแบ่งปันประสบการณ์อีกรอบ ว่าเจ็ดปีผ่านมา เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของผู้หญิงตัวน้อยยยยยๆ คนนี้ 555
ก่อนอื่น เรามีข้อความที่เคยเขียนไว้เมื่อเจ็ดปีที่แล้วใส่ไว้ใน spoil ให้เพื่อนๆอ่านกันเล่นๆนะคะ พอดีรุ่นพี่ที่บริษัทเขา save ข้อความจากกระทู้ Pantip ไว้ให้ ก่อนที่จะถูกลบ ดีใจมากๆเลยค่ะ บางทีก็เอากลับมาอ่าน มาดูคอมเม้นต์ที่เพื่อนๆ Pantip เข้ามาเขียนทิ้งไว้ให้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สิ่งที่เขียนไว้ มันเป็นความรู้สึกทั้งหมดในตอนนั้นหลังจากวันที่บ้านไฟไหม้ค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกเช่นนั้น ไม่มีความเสียดาย หรือเสียใจใดๆค่ะ อย่างที่พ่อบอก เรามาแต่ตัว ก็ไปแต่ตัว ทุกอย่างเราหาใหม่ได้ สู้กันใหม่ คำของพ่อคำนี้ ทำให้เราปล่อยวางได้ภายในวันเดียว
มีรูปบ้านหลังที่ถูกไฟไหม้มาให้ดูค่ะ สาเหตุ ไม่อยากพูดถึง จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ไม่มีใครอยากรู้ และไม่มีใครสนใจจะตามหา สิ่งที่ผ่านไปแล้ว ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เราก็ปล่อยมันไปค่ะ เพื่อความสบายใจของทุกคน
รูป 3 รูปด้านล่าง คือรูปบ้านที่ไหม้ไป ชั้นบนเป็นไม้ทั้งหมด ไฟเริ่มมาจากชั้นบน ไหม้ทุกอย่างหมดภายในไม่ถึง2 ชม.
ภาพด้านล่างนี้ เป็นภาพส่วนหนึ่งของเงินที่เราเก็บมาทั้งชีวิตการทำงานช่วงนั้น เป็นเงินต่างประเทศ 2สกุล
โชคดีมากที่มีพี่เก็บไว้ให้ เพราะเราสามารถนำเงินชุดนี้ กับอีกชุดที่หาเจอไปเคลมเงินคืนกับธนาคารของ2 ประเทศ ได้คืนมาเกือบหมด ดีใจมากกกกกก
แต่...เงินสองแสนบาท ที่ถอนออกมาเก็บไว้ที่บ้านตอนนั้น....ไหม้หมดไม่เหลือเลยค่ะ
ตอนนั้นถอนออกมา เพราะกำลังจะสร้างบ้านให้พ่อกับแม่ค่ะ ถอนมาปุ๊บ อีกวันไหม้ปั๊บ 555
ช่วงนั้น เราไม่เหลืออะไรเลยค่ะ เป็นช่วงอาภัพสุดๆ บ้านไฟไหม้ แถมไม่นานก็เลิกกะแฟนอีก
ซวยมาเป็นแพคเกจคู่เลย 555
ตอนนั้นมีแต่กำลังใจที่มากมายล้นเหลือ กำลังใจสำคัญมากๆนะคะ โดยเฉพาะ "ใจ"ของเรานี่ล่ะ สำคัญที่สุด ถ้าเราฟื้นใจได้เร็ว เราก็จะสามารถกลับมาสู้ได้เร็ว
ตอนนั้นเราได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงาน ช่วยกันบริจาคเสื้อผ้าให้ รวมถึงเงินจำนวนหนึ่งที่ช่วยกันเรี่ยรายให้เรา มันเป็นอะไรที่ตื้นตันมากๆนะคะ
เวลาที่เราทุกข์ และมีคนยื่นมือช่วยเหลือ เรารู้สึกว่ามันเป็นบุญของเราจริงๆ ในความโชคร้าย แต่ได้กัลยาณมิตรมากมาย
ช่วงนั้นใครให้อะไร เรารับหมด เพราะเสื้อผ้าเราไม่เหลือสักชิ้น ยกเว้นที่มีติดตัวตอนไปทำงานอยู่2ชุด กับรองเท้า1คู่
เราบอกบริษัทขอกลับมาทำงานเลย ไม่ขอหยุดนาน เพราะเราต้องการเก็บเงิน มารีบสร้างบ้านหลังใหม่
ซึ่งพ่อเราคุมสร้างเองหมดเลยค่ะ เป็นบ้านหลังชั้นเดียว หลังเล็กๆในพื้นที่ 60ตรว. เป็นเงินเก็บทั้งหมดของเรา รวมถึงเงินที่ผู้ใจบุญทุกท่านช่วยกันบริจาคมา
หุๆๆ ภาพนี้ถ่ายไว้นานนนแล้วค่ะ ปัจจุบันนี้ต้นไม้เพียบ! พอดีไม่มีภาพถ่ายปัจจุบันตอนเขียนกระทู้ เลยขอเอาภาพเก่ามาลงนะคะ
เราตั้งชื้อบ้านเราว่าบ้านแสนรัก เรารักมันมาก เพราะน้ำพักน้ำแรงของเรา เป็นบ้านของพ่อกับแม่ค่ะ
ชีวิตช่วงที่เลวร้าย ผ่านไปแล้วเห็นมั้ยคะ
ง่ายมั้ย?
หลังจากนั้น เราก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่จากการที่บ้านไฟไหม้ครั้งนั้น มันทำให้เรากลายเป็นคนที่ไม่ค่อยยึดติดกับสิ่งของจริงๆค่ะ(น้อยลงเยอะ)
อะไรอยากซื้อ ถ้าไม่มากเกินไป เราก็ซื้อ อะไรอยากกิน ถ้าไม่มากเกินไป เราก็กิน อยู่ในกำลังทรัพย์ของเรา อะไรไม่ควรเก็บ ก็ไม่เก็บ ไม่ซื้อ ทิ้งมันไปบ้าง
เวลาจะกิน จะทำอะไร ก็นึกถึงพ่อแม่บ้าง ได้กินของอร่อยอะไร ก็นึกถึง หรือซื้อไปฝากท่านเท่าที่มีโอกาส ทำงานได้เงินมา ก็ให้พ่อกับแม่ทุกเดือน เรางกเงินน้อยลง แต่ก็ไม่ประมาทนะคะ
สรุปคือ...เดินสายกลาง
ใช้ได้ แต่ต้องรู้จักเก็บออมไว้บ้าง อย่างน้อยเผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ที่เราไม่อาจล่วงรู้ได้
ไม่เสียดายที่จะใช้เงิน แต่ก็ต้องไม่ประมาท หรือฟุ่มเฟือยจนเกินงาม 555
จน ณ วันนี้... เจ็ดปีผ่านมา เรามีบ้านอีกหลังแล้วนะคะ ตอนแรกกะจะแค่ซื้อที่เก็บไว้ก่อน แต่รวยไม่พอ ต้องกู้ธนาคาร เพราะไม่สามารถกู้ซื้อที่เปล่าๆ ได้ ก็เลยเลยตามเลยค่ะ สร้างบ้านของตัวเองมันซะเลย555
หลังนี้ เป็นบ้านของเราเองจริงๆ เป็นความภูมิใจล้วนๆ มีหนี้เป้นของตัวเองแล้วเว้ยยยย (ปาดเหงื่อ)
พอดีมีพี่แนะนำที่ผืนนี้ให้ เลยตัดสินใจซื้อ เพราะชอบบรรยากาศ
บ้านหลังนี้อยู่ที่เชียงใหม่ค่ะ ตั้งใจว่าบ้านปลายตอนแก่ จะไปใช้ชีวิตที่นั่น แต่ตอนนี้ต้องทำงานที่เมืองกรุง ใช้หนี้ธนาคารไปก่อน 555
จบแล้วค่าาาา
หวังว่ากระทู้ของเรา จะเป็นกำลังใจให้คนที่ท้อหลายๆคนนะคะ
เราเชื่อว่า ความทุกข์ของทุกคน ไม่มีคำว่ามากเกินเอาชนะ ถ้าใครกำลังทุกข์อยู่ด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม จงอย่ามัวแต่สงสารตัวเอง หรือโทษโชคชะตา หรือคนอื่นๆ
ทุกอย่างอยู่ที่ตัวของเราทั้งนั้นค่ะ แก้ไขที่ใจตัวเองให้ได้เมื่อไหร่ อุปสรรคหรือทุกข์ใดๆ ก็จะเป็นเรื่องจิ๋วๆ ไปทันที
อีกอย่าง ความกตัญญูกับพ่อแม่ก็เป็นสิ่งสำคัญนะคะ ทุกวันนี้เราเชื่ออย่างหนึ่ง ว่าที่เราสามารถรอดพ้นจากความลำบากได้ในแต่ละครั้งในชีวิตนั้น มีผลมาจากความกตัญญุที่เรามีให้พ่อแม่ เราไม่ใช่ไม่ใช่ลูกที่ดีเลิศ มีเถียง มีทะเลาะกับพ่อแม่ แต่เราก็พยายามมีพ่อแม่เป็นที่ตั้งในใจ ทำอะไรนึกถึงพ่อแม่ ใครไม่เชื่อเราเชื่อนะ
ขออวยพรให้เพื่อนๆทุกคนมีแต่ความสุขกันทุกวันๆ นะคะ