ขอเล่าประสบการณ์การถูกกักตัวครั้งแรกที่ฮ่องกงค่ะ
จขกท มีโอกาสได้ไปฮ่องกง-มาเก๊า เมื่อวันสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เราบินไปมาเก๊าแล้วเที่ยวที่นู่นก่อน แล้วนั่งเรือเฟอร์รี่มาฮ่องกง ลงที่ท่าเรือที่เกาะฮ่องกงค่ะ
ขอสารภาพว่า เราไม่เคยกลัวการผ่าน ตม เลย เพราะหน้าพาสปอร์ตเราก็ไม่ได้ขาว มีวีซ่าหลายประเทศทั้งจีน ญี่ปุ่น (ก่อนที่จะยกเลิกวีซ่า) อังกฤษ และเชงเก้น ตอนไปเกาหลี ก็ไปกับทัวร์ แล้วตอนนั้นยังไม่รู้จักกับพันทิป เลยไม่เคยได้อ่านประสบการณ์การผ่าน ตม ของคนอื่นเลยค่ะ
ช่วงก่อนหน้าไปฮ่องกง ก็ได้มาอ่านรีวิว เจอสมาชิกหลายท่านโดนเรียกเข้าห้องเย็น ก็เริ่มหวั่น เพราะสถานการณ์คล้ายๆของเรามาก คือ 1. พาสปอร์ตไทย 2. ผู้หญิง 3. เดินทางจากมาเก๊า แหม ครบทั้งสามข้อเลย เราก็เตรียมแผนการเดินทาง ตั๋วเครื่องบิน นามบัตรต่างๆ ติดที่ว่า เราไม่มีโรงแรมที่เป็นชื่อเราค่ะ เพราะตั้งใจไปนอนกับเพื่อนที่ไปทำงานที่นู่น 1 สัปดาห์ ก็เอานะ วัดดวง
ตอนถึงฮ่องกง ประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆค่ะ เรากับเพื่อนนั่งเรือจากมาเก๊ามาด้วยกัน หิวมาก แล้วแยกกันต่อแถวค่ะ แล้วววววววว สิ่งที่คาดไว้ก็เกิดขึ้น จนท ผู้หญิงมาหาเพื่อนเราเลยค่ะ ถามว่า มาคนเดียวหรือมากับใคร เพื่อนเราก็ขี้มาทางเรา มาด้วยกันค่ะ นั่นไง เยี่ยม รอเลยค่ะ ผ่าน ตม ไปโดนแน่ 555
แล้วก็ไม่พลาด จนท คนเดิมเดินมา ขอดูเอกสารการเดินทาง ตั๋วเครื่องบิน แล้วก็พาไปห้องเย็นค่ะ
อธิบาย
... เรากับเพื่อนกลับกันคนละไฟลท์ คนละประเทศค่ะ เรานั่งเครื่องกลับสิงคโปร์ก่อน เพราะเราทำงานที่นี่ ส่วนเพือนบินกลับไทยอีก 3 วันให้หลังค่ะ
....การแต่งตัว เราใส่ยีนส์ขายาว เสื้อโปโลทับด้วยเสื้อคาร์ดิแกนแขนยาว รองเท้าผ้าใบ เพื่อนใส่กางเกงยีนขาสั้นเสื้อมีแขน ไม่มีอะไรบ่งชี้ว่าอยากเข้าไปทำงานที่นู่นแน่นอน ทัวร์ริสต์มากเหอะ ติดที่ว่าไม่ได้สะพายกล้องเพราะไม่รู้จะถ่ายอะไรบนเรือ
คือ จนท เค้าหาความสัมพันธ์ การเดินทางนานมาก คือถามคำถามละ 3 รอบได้ ถามซ้ำไปมา แถมนางยังงง ทำไมโรงแรมไม่สัมพันธ์กับตั๋วเครื่องบิน เพราะชื่อบนใบของโรงแรมเป็นอีกคนหนึ่ง ที่อยู่นานกว่าอีก 1 วัน งง ไปเลย
จนท ถามว่า พวกเราทำงานอะไรกัน เราก็โชว์เอกสารเพิ่มเติม คือนามบัตร บัตรพนักงาน แล้วก็บัตรทำงานที่สิงคโปร์ ส่วนเพื่อน นางนี่ไม่มีอะไรเลย ฮึ่ม!! ก็บอกไปว่าทำงานอะไร แล้วก็ให้ที่อยู่บริษัทที่ฮ๋องกงไป เค้าก็เชิญเรามานั่งรอต่อ 15 นาทีให้หลังก็ให้เรากลับเข้าไปในห้อง นางคงมึน ก็ดูพาสปอร์ตเรา ถามว่าเรามาฮ่องกงครั้งแรกหรือไม่ เราก็ตอบว่าใช่ ส่วนเพื่อนเรา มีใบว่ามาตอนเดือน มิย แต่เป็นปีที่แล้ว แต่ จนท ไม่พูดพร่ำทำเพลง ถามว่ากลับเข้ามาอีกทำไม ฮัลโล!! นั่นมันปีที่แล้วเจ้าค่ะแม่คุณ
สอบสวนไปมา ไม่มีเอกสารอะไรเพิ่มเติม จนท อีกท่านก็เดินมาเชิญให้เดินไปอีกทาง แล้วก็ เวลคัมทูฮ่องกง ฮ่วย! เสียเวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมง หิวก็หิว เง้อ
ที่มารีวิว ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่จะบอกว่า
1. ปัจจัยสำคัญในการโดนเรียกคือ ผู้หญิง ถือพาสปอร์ตไทย และมาจากมาเก๊า เค้าไม่สนทั้งสิ้นว่าหน้าพาสปอร์ตคุณขาวไหม ไปมากี่ประเทศ ทำงานอะไร ยังไงก็โดนค่ะ ไม่ต้องเป็นกังวล (คือตอนเชคพาสปอร์ตเรา พี่ท่านเชครายหน้า ยังไม่วาย)
2. การแต่งตัวก็ไม่เห็นมีผลนิคะ เราปิดมิดชิดมาก ก็โดน 555
3. เราไม่ได้โชว์แผนการเดินทางค่ะ แต่ถ้ามีก็น่าจะดีมาก
4. เราว่าจริงๆ ก็คือหาความสัมพันธ์ระหว่างตั๋วเครื่องบิน และโรงแรมให้ได้ น่าจะเพียงพอค่ะ
5. เค้าไม่ได้ให้เราแสดงเงินสดและบัตรเครดิตค่ะ
ปล. ทำไมเราไม่เห็นเจอสัญญานไวไฟที่หน้า ตม มันไม่มีใช่ไหมคะ
ปล2. ตรวจหนักกว่าประเทศอื่นมาก ที่อื่นก็ถามแค่มากี่วัน มาทำอะไร แล้วก็ แฮฟอะไนซ์เดย์ เงิบเลย
ปล3. เตรียมนามบัตรไปก็ดีมั้งค่ะ ก็ยืนยันว่าเราไม่ได้จะมาอยู่ถาวรนะ
ประสบการณ์การเข้าห้องเย็นครั้งแรก กับการผ่าน ตม ที่ฮ่องกง
จขกท มีโอกาสได้ไปฮ่องกง-มาเก๊า เมื่อวันสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เราบินไปมาเก๊าแล้วเที่ยวที่นู่นก่อน แล้วนั่งเรือเฟอร์รี่มาฮ่องกง ลงที่ท่าเรือที่เกาะฮ่องกงค่ะ
ขอสารภาพว่า เราไม่เคยกลัวการผ่าน ตม เลย เพราะหน้าพาสปอร์ตเราก็ไม่ได้ขาว มีวีซ่าหลายประเทศทั้งจีน ญี่ปุ่น (ก่อนที่จะยกเลิกวีซ่า) อังกฤษ และเชงเก้น ตอนไปเกาหลี ก็ไปกับทัวร์ แล้วตอนนั้นยังไม่รู้จักกับพันทิป เลยไม่เคยได้อ่านประสบการณ์การผ่าน ตม ของคนอื่นเลยค่ะ
ช่วงก่อนหน้าไปฮ่องกง ก็ได้มาอ่านรีวิว เจอสมาชิกหลายท่านโดนเรียกเข้าห้องเย็น ก็เริ่มหวั่น เพราะสถานการณ์คล้ายๆของเรามาก คือ 1. พาสปอร์ตไทย 2. ผู้หญิง 3. เดินทางจากมาเก๊า แหม ครบทั้งสามข้อเลย เราก็เตรียมแผนการเดินทาง ตั๋วเครื่องบิน นามบัตรต่างๆ ติดที่ว่า เราไม่มีโรงแรมที่เป็นชื่อเราค่ะ เพราะตั้งใจไปนอนกับเพื่อนที่ไปทำงานที่นู่น 1 สัปดาห์ ก็เอานะ วัดดวง
ตอนถึงฮ่องกง ประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆค่ะ เรากับเพื่อนนั่งเรือจากมาเก๊ามาด้วยกัน หิวมาก แล้วแยกกันต่อแถวค่ะ แล้วววววววว สิ่งที่คาดไว้ก็เกิดขึ้น จนท ผู้หญิงมาหาเพื่อนเราเลยค่ะ ถามว่า มาคนเดียวหรือมากับใคร เพื่อนเราก็ขี้มาทางเรา มาด้วยกันค่ะ นั่นไง เยี่ยม รอเลยค่ะ ผ่าน ตม ไปโดนแน่ 555
แล้วก็ไม่พลาด จนท คนเดิมเดินมา ขอดูเอกสารการเดินทาง ตั๋วเครื่องบิน แล้วก็พาไปห้องเย็นค่ะ
อธิบาย
... เรากับเพื่อนกลับกันคนละไฟลท์ คนละประเทศค่ะ เรานั่งเครื่องกลับสิงคโปร์ก่อน เพราะเราทำงานที่นี่ ส่วนเพือนบินกลับไทยอีก 3 วันให้หลังค่ะ
....การแต่งตัว เราใส่ยีนส์ขายาว เสื้อโปโลทับด้วยเสื้อคาร์ดิแกนแขนยาว รองเท้าผ้าใบ เพื่อนใส่กางเกงยีนขาสั้นเสื้อมีแขน ไม่มีอะไรบ่งชี้ว่าอยากเข้าไปทำงานที่นู่นแน่นอน ทัวร์ริสต์มากเหอะ ติดที่ว่าไม่ได้สะพายกล้องเพราะไม่รู้จะถ่ายอะไรบนเรือ
คือ จนท เค้าหาความสัมพันธ์ การเดินทางนานมาก คือถามคำถามละ 3 รอบได้ ถามซ้ำไปมา แถมนางยังงง ทำไมโรงแรมไม่สัมพันธ์กับตั๋วเครื่องบิน เพราะชื่อบนใบของโรงแรมเป็นอีกคนหนึ่ง ที่อยู่นานกว่าอีก 1 วัน งง ไปเลย
จนท ถามว่า พวกเราทำงานอะไรกัน เราก็โชว์เอกสารเพิ่มเติม คือนามบัตร บัตรพนักงาน แล้วก็บัตรทำงานที่สิงคโปร์ ส่วนเพื่อน นางนี่ไม่มีอะไรเลย ฮึ่ม!! ก็บอกไปว่าทำงานอะไร แล้วก็ให้ที่อยู่บริษัทที่ฮ๋องกงไป เค้าก็เชิญเรามานั่งรอต่อ 15 นาทีให้หลังก็ให้เรากลับเข้าไปในห้อง นางคงมึน ก็ดูพาสปอร์ตเรา ถามว่าเรามาฮ่องกงครั้งแรกหรือไม่ เราก็ตอบว่าใช่ ส่วนเพื่อนเรา มีใบว่ามาตอนเดือน มิย แต่เป็นปีที่แล้ว แต่ จนท ไม่พูดพร่ำทำเพลง ถามว่ากลับเข้ามาอีกทำไม ฮัลโล!! นั่นมันปีที่แล้วเจ้าค่ะแม่คุณ
สอบสวนไปมา ไม่มีเอกสารอะไรเพิ่มเติม จนท อีกท่านก็เดินมาเชิญให้เดินไปอีกทาง แล้วก็ เวลคัมทูฮ่องกง ฮ่วย! เสียเวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมง หิวก็หิว เง้อ
ที่มารีวิว ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่จะบอกว่า
1. ปัจจัยสำคัญในการโดนเรียกคือ ผู้หญิง ถือพาสปอร์ตไทย และมาจากมาเก๊า เค้าไม่สนทั้งสิ้นว่าหน้าพาสปอร์ตคุณขาวไหม ไปมากี่ประเทศ ทำงานอะไร ยังไงก็โดนค่ะ ไม่ต้องเป็นกังวล (คือตอนเชคพาสปอร์ตเรา พี่ท่านเชครายหน้า ยังไม่วาย)
2. การแต่งตัวก็ไม่เห็นมีผลนิคะ เราปิดมิดชิดมาก ก็โดน 555
3. เราไม่ได้โชว์แผนการเดินทางค่ะ แต่ถ้ามีก็น่าจะดีมาก
4. เราว่าจริงๆ ก็คือหาความสัมพันธ์ระหว่างตั๋วเครื่องบิน และโรงแรมให้ได้ น่าจะเพียงพอค่ะ
5. เค้าไม่ได้ให้เราแสดงเงินสดและบัตรเครดิตค่ะ
ปล. ทำไมเราไม่เห็นเจอสัญญานไวไฟที่หน้า ตม มันไม่มีใช่ไหมคะ
ปล2. ตรวจหนักกว่าประเทศอื่นมาก ที่อื่นก็ถามแค่มากี่วัน มาทำอะไร แล้วก็ แฮฟอะไนซ์เดย์ เงิบเลย
ปล3. เตรียมนามบัตรไปก็ดีมั้งค่ะ ก็ยืนยันว่าเราไม่ได้จะมาอยู่ถาวรนะ