Transformers 4 : Age of Extinction
คะแนน : เนื้อเรื่อง 4.5/10
: ความมันส์ 7.5/10
: ภาพรวม 6/10
หลังจากที่ได้ดูหนัง Transformers 4 : มหาวิบัติยุคสูญพันธุ์ (ชื่อไทยอะไรมันจะขนาดนั้น) Franshine ของหนังเรื่องนี้ดำเนินมาถึงภาคที่ 4 ซึ่งเป็นการเริ่มไตรภาคใหม่ โดยที่ผู้กำกับยังคงเป็นไมเคิลเบย์ ได้บอกไว้ว่าภาคนี้จะเป็นการเริ่มยุคใหม่ของเหล่าหุ่นยนต์จักรกลถล่มล้างจักรวาล ( แต่หนังอาจจะมีการท้าวความถึงไตรภาคแรกอยู่บ้าง ) และยังมีการพัฒนาลุคใหม่ของเหล่าหุ่นยนต์ที่ดูเท่ห์กว่าเดิม อาวุธใหม่ไฮเทค ตัวละครใหม่ ซึ่งได้นำ Mark Wahlberg พระเอกคิวบู้การันตีความมันส์เข้ามาด้วย จึงทำให้ผมคาดหวังไว้ว่าภาคที่4 นั้นจะเป็นภาคที่มีเนื้อเรื่องและการดำเนินเรื่องที่ดีเท่าหรือดีกว่าในภาคแรก และมันส์กว่าภาคที่ 3 ได้ โดยในภาคนี้หนังได้นำเสนอในปมต่างๆเรื่อง
ในด้านเนื้อเรื่อง ในภาคนี้หนังได้สร้างและนำเสนอปมต่างๆในเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ มนุษย์กลายเป็นฝ่ายล่าหุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์เสียเอง ปมเรื่องความสัมพันธ์พ่อลูกระหว่าง เคด (Mark Wahlberg) และเทซซา (Nicola Peltz ) ปมเรื่องเกี่ยวกับการสูญพันธ์ของมนุษยชาติ ซึ่งหนังไม่สามารถเล่นปมเหล่านี้ออกมาได้ดีนัก การดำเนินเนื้อเรื่องนั้นไม่ค่อยประติดประต่อ ถ้าไม่ตั้งใจดูคงมีงงอยู่ในหลายจุดเหมือนกัน มีความไม่สมเหตุสมผลกันในเนื้อเรื่องอยู่มาก เช่นในเรื่องการร่วมมือกันของอดีต CIA กับหุ่นยนต์นอกโลก ( lockdown ) การตามล่าออพติมัส ไพร์ม เมื่อดูๆแล้วยังรู้สึกว่าหนังยังไม่ make ในหลายๆจุด
ในด้านความสนุก และความมันส์ นั้นถือว่าไม่ได้ผิดหวังซะทีเดียว เพราะเมื่อขึ้นชื่อด้วยสไตล์ของไมเคิล เบย์ ผู้กำกับจอมทำลายล้างแล้วหนังสามารถทำออกมาได้ระห่ำอยู่ตามฉบับของเบย์เหมือนเคย คือระเบิดกันวินาศสันตะโร การไล่ล่ากันของมนุษย์กับเหล่าออโต้บอท และไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กันระหว่างหุ่นยนต์เอง การต่อสู้ของคนกับคน และแถมภาคนี้ยังเอาเสน่ห์ความมันส์ของการที่มนุษย์ (Mark Wahlberg) สู้กับหุ่นยนต์จนนาทีสุดท้าย (ไม่เหมือนกับภาค2และ3ที่แซมมีแต่ วิ่ง วิ่งและก็วิ่งหนีอย่างเดียวจนถ่ายเสร็จไปลงวิ่งแข่งต่อได้เลย ) ก็สามารถทำออกมาได้ตื่นเต้น สนุกและเร้าใจอยู่พอสมควร
สรุป เมื่อตัดในตัวของเนื้อเรื่องหรือเนื้อหาของหนังออกไป กะดูเอามันส์ คลายเครียด แนะนำให้ไปดูได้ครับ และใครคิดจะดูเรื่องนี้แนะนำให้อย่าดื่มน้ำเยอะ และควรเข้าห้องน้ำก่อนเข้าโรงหนังเพราะความยาวของหนังนั้นเกือบ3ชั่วโมง( 2ชั่วโมง 45นาที) กันเลยทีเดียว หรือใครที่อั้นไม่ไหวก็มี TRICK ให้อยู่ครับ แนะนำให้ไปเข้าห้องน้ำตอนที่เป็นบทสนทนาหรือการทะเลาะกันในครอบครัวของพระเอก เพราะจะมีอยู่ตลอดและออกจะน่าเบื่อและไม่กระทบกับตัวหนังแต่อย่างใด
-------- อย่าลืมนะครับว่าไปดูเอามันส์เนื้อเรื่องช่างมันแล้วท่านจะมีความสุขในการรับชมนะครับ ^^ ------
Trick การดูTF4
คะแนน : เนื้อเรื่อง 4.5/10
: ความมันส์ 7.5/10
: ภาพรวม 6/10
หลังจากที่ได้ดูหนัง Transformers 4 : มหาวิบัติยุคสูญพันธุ์ (ชื่อไทยอะไรมันจะขนาดนั้น) Franshine ของหนังเรื่องนี้ดำเนินมาถึงภาคที่ 4 ซึ่งเป็นการเริ่มไตรภาคใหม่ โดยที่ผู้กำกับยังคงเป็นไมเคิลเบย์ ได้บอกไว้ว่าภาคนี้จะเป็นการเริ่มยุคใหม่ของเหล่าหุ่นยนต์จักรกลถล่มล้างจักรวาล ( แต่หนังอาจจะมีการท้าวความถึงไตรภาคแรกอยู่บ้าง ) และยังมีการพัฒนาลุคใหม่ของเหล่าหุ่นยนต์ที่ดูเท่ห์กว่าเดิม อาวุธใหม่ไฮเทค ตัวละครใหม่ ซึ่งได้นำ Mark Wahlberg พระเอกคิวบู้การันตีความมันส์เข้ามาด้วย จึงทำให้ผมคาดหวังไว้ว่าภาคที่4 นั้นจะเป็นภาคที่มีเนื้อเรื่องและการดำเนินเรื่องที่ดีเท่าหรือดีกว่าในภาคแรก และมันส์กว่าภาคที่ 3 ได้ โดยในภาคนี้หนังได้นำเสนอในปมต่างๆเรื่อง
ในด้านเนื้อเรื่อง ในภาคนี้หนังได้สร้างและนำเสนอปมต่างๆในเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ มนุษย์กลายเป็นฝ่ายล่าหุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์เสียเอง ปมเรื่องความสัมพันธ์พ่อลูกระหว่าง เคด (Mark Wahlberg) และเทซซา (Nicola Peltz ) ปมเรื่องเกี่ยวกับการสูญพันธ์ของมนุษยชาติ ซึ่งหนังไม่สามารถเล่นปมเหล่านี้ออกมาได้ดีนัก การดำเนินเนื้อเรื่องนั้นไม่ค่อยประติดประต่อ ถ้าไม่ตั้งใจดูคงมีงงอยู่ในหลายจุดเหมือนกัน มีความไม่สมเหตุสมผลกันในเนื้อเรื่องอยู่มาก เช่นในเรื่องการร่วมมือกันของอดีต CIA กับหุ่นยนต์นอกโลก ( lockdown ) การตามล่าออพติมัส ไพร์ม เมื่อดูๆแล้วยังรู้สึกว่าหนังยังไม่ make ในหลายๆจุด
ในด้านความสนุก และความมันส์ นั้นถือว่าไม่ได้ผิดหวังซะทีเดียว เพราะเมื่อขึ้นชื่อด้วยสไตล์ของไมเคิล เบย์ ผู้กำกับจอมทำลายล้างแล้วหนังสามารถทำออกมาได้ระห่ำอยู่ตามฉบับของเบย์เหมือนเคย คือระเบิดกันวินาศสันตะโร การไล่ล่ากันของมนุษย์กับเหล่าออโต้บอท และไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กันระหว่างหุ่นยนต์เอง การต่อสู้ของคนกับคน และแถมภาคนี้ยังเอาเสน่ห์ความมันส์ของการที่มนุษย์ (Mark Wahlberg) สู้กับหุ่นยนต์จนนาทีสุดท้าย (ไม่เหมือนกับภาค2และ3ที่แซมมีแต่ วิ่ง วิ่งและก็วิ่งหนีอย่างเดียวจนถ่ายเสร็จไปลงวิ่งแข่งต่อได้เลย ) ก็สามารถทำออกมาได้ตื่นเต้น สนุกและเร้าใจอยู่พอสมควร
สรุป เมื่อตัดในตัวของเนื้อเรื่องหรือเนื้อหาของหนังออกไป กะดูเอามันส์ คลายเครียด แนะนำให้ไปดูได้ครับ และใครคิดจะดูเรื่องนี้แนะนำให้อย่าดื่มน้ำเยอะ และควรเข้าห้องน้ำก่อนเข้าโรงหนังเพราะความยาวของหนังนั้นเกือบ3ชั่วโมง( 2ชั่วโมง 45นาที) กันเลยทีเดียว หรือใครที่อั้นไม่ไหวก็มี TRICK ให้อยู่ครับ แนะนำให้ไปเข้าห้องน้ำตอนที่เป็นบทสนทนาหรือการทะเลาะกันในครอบครัวของพระเอก เพราะจะมีอยู่ตลอดและออกจะน่าเบื่อและไม่กระทบกับตัวหนังแต่อย่างใด
-------- อย่าลืมนะครับว่าไปดูเอามันส์เนื้อเรื่องช่างมันแล้วท่านจะมีความสุขในการรับชมนะครับ ^^ ------