{{Black Bullet}} Ep.13 ตอนอวสาน จบสงคราม X ก็เพราะว่าชั้นคืออสูรร้าย X คำสัตย์สาบาน



มาถึงตอนอวสานของ SS1 กันแล้วครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมผลงานของเราไม่ว่าเรื่องนี้หรือหลายเรื่องก่อนหน้าตั้งแต่ต้นจนจบครับ


มาต่อกันเลยครับ




อีกไม่กี่นาทีจากนี้กองทัพกาสเทรียส์กาสเทรียส์ที่นำโดยอาเดลบารันจะบุกเข้ามาถึงเขตแดนสนามรบสุดท้าย อนุสรณ์เปลวเพลิงแห่งการปฎิวัติ

แต่ปัญหาใหญ่ที่กลุ้มกันจนเป็นปัญหาหนักเท่าภูเขาคือ แบตเตอรี่ที่ทางกองกำลังป้องกันตัวเองต้องบนมากลับไม่ส่งมาสักที เวลาก็ยิ่งเหลือน้อยเต็มทีแล้ว หากสู้โดยไม่มีแสงสว่างจะยิ่งเป็นการเสียเปรียบต่อพื้นที่สังหาร




ทันใดนั้น



บนฟากฟ้าท่ามกลางอนุสรณ์เปลวเพลิงแห่งการปฎิวัติ สิ่งซึ่งปรากฎเต็มท้องฟ้าไปหมดคือ โคมไฟรูปทรงกระบอกจุดเทียนอยู่ภายใน มันคือ โคมแสงเทียนของ งานเทศกาล Genun ที่จัดขึ้นทุกปีเพื่อเป็นการไว้ทุกข์แก่ผู้ตายในสงครามกาสเทรียส์



เต็มไปหมด
ทั้งมากมายและนับไม่ถ้วน
แต่แสงของมันราวกับเป็นปฎิหาริย์ที่กองทัพ Adjuvant ได้หลุดพ้นจากปัญหาตรงนี้ไปได้อย่างสบาย

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เร็น - (นับโทรศัพท์ของเซย์เท็นชิ)



ในตัวเมือง ณ ตึกที่ทำการใหญ่ของเซย์เท็นชิ ในขณะนี้ บรรดาผู้คนทั้งหลาย ทุกเพศ ทุกวัย ไม่แบ่งแยกพรรคแบ่งพวก หรือ เผ่าพันธุ์




มนุษย์
และ
เด็กต้องสาป

ต่างรวมใจเป็นหนึ่งเดียว ส่งทั้งคำอธิฐานและคำภาวนา โดยผ่านทางโคมไฟแสงเทียน




เซย์ - คุณซาโตมิค่ะ...นี้คือความหวังของเหล่าผู้คนในเขตปกครองโตเกียวแห่งนี้ คำภาวนาของพวกเค้า และต้องการจะมีชีวิตอยู่ต่อไปค่ะ.....ต้องการส่งไปยังพวกคุณค่ะ
เซย์ - อนาคตของเขตปกครองโตเกียวแห่งนี้ขอฝากไว้กับมือคุณด้วยค่ะ
เซย์ - ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากเพียงใดก็อย่าได้เพรียงพร้ำ...จงชนะด้วยความอาจหาญ


อีกด้าน



เร็น - รับทราบ

เร็น - เอ็นจู...ชั้นเชื่อว่าตลอดนะว่า...มนุษย์เรานะ...บางทีก็มี 2 ด้าน
เอ็นจู - ?
เร็น - นั้นคือ ความมืด และ แสงสว่าง

เร็น - แล้วสิ่งนี้ก็คือ แสงสว่าง ไงล่ะ

จะเรียกได้ว่า แสงเทียนเหล่านี้คือเหล่าวิญญาณของผู้ที่ตายในสงครามกาสเทรียส์ครั้งก่อน รวมทั้งเด็กต้องสาปทุกคนที่ต้องตาย เป็นกำลังใจช่วยกองทัพ Adjuvant ปกป้องเขตปกครองโตเกียว คงได้เช่นกัน

ไม่ให้เสียเวลามาเริ่มสงครามกันเลย



เมื่อถึงเวลาก็เริ่มต้นเปิดฉากแผนการณ์ Rapier's Last ได้




เหล่าโปรโมเตอร์ลูกทัพระดมกวาดกระสุนและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆนาๆ ระดมใส่กาสเทรียส์ที่บุกตามท้องฟ้า


เมื่อถึงเวลาอันสมควรหลังเปิดทางได้แล้ว ก็ถึงเวลากลุ่มสังหารของเร็นทาโร่เริ่มเปิดฉากรุก!!!!!



แม้ว่าระหว่างทางมันจะมีอุปสรรคเต็มไปหมดก็ตามอย่างเช่น  





ตัวหมาก กาสเทรียส์ บุกมาทุกสารทิศ แต่ก็ไม่ครามือบรรดาพรรคพวกตนเองแต่อย่างใด



ฮิรูโกะและโคฮินะออกมาแย่งซีนเล็กน้อย

ฮิรูโกะ - นี่แหละ...คือความตาย
ฮิรูโกะ - นี่แหละ..คือสงคราม
ฮิรูโกะ - วิเศษที่สุด!!!!



ฮิรูโกะ - จะมามัวเสียเวลาอยู่ที่นี้อีกเหรอ..ซาโตมิ ลีดเดอร์ ?




มาถึงเมนหลักของแผนการณ์กันแล้ว หลังต้องเล่นงานมันจนสาหัสไปพอสมควร เพื่อสร้างช่องโหว่ให้วางระเบิดได้ อาเดลบารันเปิดกระดองเปลือกแข็งทั้งกราดลิ่มแข็งต่อต้านอากาศยานออกมา



เร็น - ฮ่าห์!!!!!!



ตูมมมม!!!!!



แผนการณ์วางระเบิด สำเร็จไปได้ด้วยดี


ถึงมันจะดูสั้นไปนิดทั้งรวบรัดไปหน่อยแต่ก็สำเร็จไปได้ด้วยดี เมื่อวางระเบิดในตัวมันได้สำเร็จแล้วก็ถึงเวลาต้องหนีกันแล้ว



เร็น - เอาละ 5 4 3 2 1



.
.
.
.
.
.
.
.



เร็น - ?!





เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อสนามรบที่ต้องรีบจบโดยเร็วที่สุดต้องมาย่ำแย่ลงไปมากกว่าเดิมเพราะ ระเบิด EP BOMB ไม่ระเบิดความสิ้นหวังมาเยือนถึงที่และยิ่งทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆ

เร็น - มิโอริ....ระเบิด..ไม่ทำงานใช่มั้ย
มิโอริ - ขอโทษด้วยนะ...ซาโตมิจัง

เร็น - ไม่หรอก...ยังเหลืออีกวิธีเดียวเท่านั้น


สำหรับเร็นทาโร่นี้คงเป็นวิธีสุดท้ายแล้วที่ตัวเองคิดได้ หากก่อนจะเริ่มแผนการณ์ ตนเองเป็นคนพูดเองว่า " อาชีพผู้รักษาความปลอดภัยคืออาชีพต้องเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องผู้อื่น " แม้จะเป็นตอนนี้ตนเองก็ยังเชื่ออยู่เช่นนั้น



แล้วเพราะเหตุนี้ทำให้เร็นทาโร่ได้เริ่มกอดร่างเด็กน้อยอย่างแนบแน่น ทั้งเอ๋ยคำกล่าวบางอย่างที่เด็กน้อยในอ้อมกอดตนเองเข้าใจได้ในทันที

เร็น - เอ็นจู....คงต้องบอกลากันแล้วละ
เอ็นจู - !!

ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาที่เร็นทาโร่ได้อยู่กับเอ็นจู...ทั้งช่วงเวลาที่ต้องมาลำบากด้วยกัน..หรือสนุกสนาน ... ตัวเองมีความสุขอย่างมาก




เร็น - ชั้นนะ..คิดอยากจะให้ตนเองเป็นคนที่เหมาะสมกับเธอมาตลอด
เร็น - 1 ปีที่ได้อยู่ร่วมกับเธอ...ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งนะ..

เด็กน้อยไม่ถูกปล่อยให้พูดจาใดๆ กลับถูกกำปั้นต่อยเข้าท้องน้อยจนสลบไปในหมัดเดียว ก่อนที่ร่างอันจะถูกวางลงกับพื้นทรายอย่างทะนุถนอม



ทางเดียวที่เร็นทาโร่คิดได้คือ การเข้าไปจุดชนวนการทำงานของ EP BOMB โดยตรงแต่จะต้องเข้าไปจุดชนวนในระยะประชิดเท่านั้น นั้นก็หมายถึงต่อให้ตนเองมีความคิดจะหนีออกมาอย่างไรก็ไม่มีทางรอดได้เด็ดขาด

จบครึ่งแรก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่