ฉันเป็นคนหนึ่งที่โดยสารด้วยรถตู้สาธารนะอยู่บ่อยครั้ง เพราะรวดเร็วและสะดวก
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อดิฉันนั่งรถจากกรุงเทพไปต่างจังหวัด ซึ่งปกติก็จะไม่คิดอะไรถ้ามีคนมานั่งข้างๆ เช่นเดียวกับวันนี้
มีลุงท่านหนึ่งมานั่งอยู่ที่เบาะข้างๆ ซึ่งฉันก็ไม่ได้สังเกตอะไรลุงแกมากนัก แค่มองว่าเขาเป็นมนุษย์ผู้ชายสูงวัยคนหนึ่ง แล้วฉันก็ก้มหน้ากลับมาที่จอโทรศัพท์ จนกระทั่งลุงแกจามเสียงดังสนั่นลั่นรถ จนกระจกสั่น (มันสั่นจริงๆ นะ) ไม่มีการปิดปาก และจมูกใดๆ ทั้งสิ้น สงสัยลุงแกจะชาร์ตพลังมานาน เลยจามซะลั่นขนาดนี้ นี่มันในรถนะเว้ยยยย!! คิดในใจ ลุง!!
เล่นกุแล้วไง ทำไมจามไม่ปิดปาก ปิดจมูก ไม่มีมรรยาททางสังคมเอาเสียเลย ฉันหันไปมองหน้าลุงแบบเคืองๆ พร้อมดึงปกคอเสื้อมาปิดจมูกไว้สักพัก รอกลิ่นน้ำลายลุงจางแล้วค่อยดึงออก ระหว่างทางที่รถวิ่งฉันก็เฝ้าสังเกตอาการลุงเป็นพักๆ เพราะลุงแกซื้ดๆซ๊าดๆ ตลอดทาง ดูท่าแกจะเจ็บคอ มีเสมหะ และน้ำมูกไหล จนกระทั่งถึงจุดไครแมคที่มันทำให้ฉันทนกับมนุษย์ลุงคนนี้ไม่ไหวคือ ลุงแกเอานิ้วอุดจมูก แล้วดึงนิ้วออกมาน้ำมูกมันก็ไหลมาแปะบนเสื้อของลุง ซึ่งลุงเองก็ไม่ได้รู้สึกตัวนะว่าน้ำมูกแกไหลใส่เสื้อแก เห็นแล้วจะอ๊วก นี่ขนาดมาเล่าใหม่ยังขยะแขยงเลย ฉันตัดสินใจ ไม่ไหวกับลุงแกแล้วนะ เป็นหวัดก็ไม่ใส่หน้ากากป้องกัน ไม่มีผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษชำระอีก ฉันเลยพยายามควานหากระดาษทิสชูในกระเป๋าให้ลุงแกเผื่อจะช่วยอะไรแกได้ (โคตรนางฟ้าเลย) แต่เสียใจด้วยนะเหลือแต่ห่อ กระดาษหมดแล้ว ฉันเลยต้องเบือนหน้าหนีลุงยัดหูฟังแล้วเปิดเพลงใส่หูดังๆ เพื่อไม่ให้ได้ยินเสียง หรือเห็นภาพลุงซื้ดขี้มูกอีก
เมื่อฉันถึงจุดหมายปลายทางเราก็แยกย้ายกับลุงแล้วก็ลืมเรื่องราวบนรถทั้งหมด ไม่มีการพูดถึง หรืออะไรทั้งสิ้น ปล่อยให้มันผ่านไป จนกระทั่งตอนหัวค่ำ อาการเริ่มมารู้สึกเจ็บคอ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นหวัด คิดว่าน่าจะกินผงชูรสมากเกินไป แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นหน่ะสิ ยิ่งเวลาผ่านไปอาการยิ่งมา ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดหัว เวียนหัว เหมือนจะเป็นไข้หวัด คราวนี้หล่ะ อีมนุษย์ลุง
เข้ามาเต็มสมองเลย ความคิด ณ จุดนั้นคือ แค้นลุงมาก ทำไมลุงถึงไม่ใส่หน้ากากอนามัย ทำไมลุงถึงไม่สงสารคนอื่นบนรถ ที่เขาไม่รู้ไม่เห็นอะไรกับลุง ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ลุงทำให้ฉันต้องนอนป่วยงอมไปเป็นอาทิตย์ เสียค่ารักษาพยาบาลไปเกือบพัน T T
ประสบการณ์หลังจากติดไข้หวัดจากมนุษย์ลุงคนนี้สอนให้ฉันรู้ว่า โลกนี้มันหน้ากลัวเหลือเกิน พวกเขาทำอะไรกันไม่เคยนึกถึงความเดือดร้อนของคนอื่น เอาแต่ความสบายส่วนตัว ไม่มีจิตสำนึก มนุษย์ลุงคนนี้สอนให้ฉันรู้ และมาบอกกับทุกคนที่อ่านกระทู้นี้ว่าไปไหนมาไหนควรพกหน้ากากอนามัยติดตัว แม้จะใช้หรือไม่ได้ใช้ก็ตาม เพราะเราจะไม่มีวันรู้ว่าคนแปลกหน้าที่นั่งอยู่ข้างๆเรานั้น เขาเป็นใคร ป่วย หรือเป็นพาหะของโรคที่ติดต่อทางระบบทางเดินหายใจได้หรือไม่ พกติดตัวไว้เถิดค่ะ ไม่เสียหลาย อันนึงไม่ได้แพงเลย ตอนนี้ฉันก็พกไว้ตลอด พอนั่งในรถ แล้วเจอคนจาม หรือ ไอ ปุ๊บ ก็ใส่ปั๊บ เหมือนเป็นโรคจิตกลัวติดหวัด
เมื่อมนุษย์ลุงแพร่เชื้อบนรถตู้
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อดิฉันนั่งรถจากกรุงเทพไปต่างจังหวัด ซึ่งปกติก็จะไม่คิดอะไรถ้ามีคนมานั่งข้างๆ เช่นเดียวกับวันนี้
มีลุงท่านหนึ่งมานั่งอยู่ที่เบาะข้างๆ ซึ่งฉันก็ไม่ได้สังเกตอะไรลุงแกมากนัก แค่มองว่าเขาเป็นมนุษย์ผู้ชายสูงวัยคนหนึ่ง แล้วฉันก็ก้มหน้ากลับมาที่จอโทรศัพท์ จนกระทั่งลุงแกจามเสียงดังสนั่นลั่นรถ จนกระจกสั่น (มันสั่นจริงๆ นะ) ไม่มีการปิดปาก และจมูกใดๆ ทั้งสิ้น สงสัยลุงแกจะชาร์ตพลังมานาน เลยจามซะลั่นขนาดนี้ นี่มันในรถนะเว้ยยยย!! คิดในใจ ลุง!! เล่นกุแล้วไง ทำไมจามไม่ปิดปาก ปิดจมูก ไม่มีมรรยาททางสังคมเอาเสียเลย ฉันหันไปมองหน้าลุงแบบเคืองๆ พร้อมดึงปกคอเสื้อมาปิดจมูกไว้สักพัก รอกลิ่นน้ำลายลุงจางแล้วค่อยดึงออก ระหว่างทางที่รถวิ่งฉันก็เฝ้าสังเกตอาการลุงเป็นพักๆ เพราะลุงแกซื้ดๆซ๊าดๆ ตลอดทาง ดูท่าแกจะเจ็บคอ มีเสมหะ และน้ำมูกไหล จนกระทั่งถึงจุดไครแมคที่มันทำให้ฉันทนกับมนุษย์ลุงคนนี้ไม่ไหวคือ ลุงแกเอานิ้วอุดจมูก แล้วดึงนิ้วออกมาน้ำมูกมันก็ไหลมาแปะบนเสื้อของลุง ซึ่งลุงเองก็ไม่ได้รู้สึกตัวนะว่าน้ำมูกแกไหลใส่เสื้อแก เห็นแล้วจะอ๊วก นี่ขนาดมาเล่าใหม่ยังขยะแขยงเลย ฉันตัดสินใจ ไม่ไหวกับลุงแกแล้วนะ เป็นหวัดก็ไม่ใส่หน้ากากป้องกัน ไม่มีผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษชำระอีก ฉันเลยพยายามควานหากระดาษทิสชูในกระเป๋าให้ลุงแกเผื่อจะช่วยอะไรแกได้ (โคตรนางฟ้าเลย) แต่เสียใจด้วยนะเหลือแต่ห่อ กระดาษหมดแล้ว ฉันเลยต้องเบือนหน้าหนีลุงยัดหูฟังแล้วเปิดเพลงใส่หูดังๆ เพื่อไม่ให้ได้ยินเสียง หรือเห็นภาพลุงซื้ดขี้มูกอีก
เมื่อฉันถึงจุดหมายปลายทางเราก็แยกย้ายกับลุงแล้วก็ลืมเรื่องราวบนรถทั้งหมด ไม่มีการพูดถึง หรืออะไรทั้งสิ้น ปล่อยให้มันผ่านไป จนกระทั่งตอนหัวค่ำ อาการเริ่มมารู้สึกเจ็บคอ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นหวัด คิดว่าน่าจะกินผงชูรสมากเกินไป แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นหน่ะสิ ยิ่งเวลาผ่านไปอาการยิ่งมา ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดหัว เวียนหัว เหมือนจะเป็นไข้หวัด คราวนี้หล่ะ อีมนุษย์ลุง เข้ามาเต็มสมองเลย ความคิด ณ จุดนั้นคือ แค้นลุงมาก ทำไมลุงถึงไม่ใส่หน้ากากอนามัย ทำไมลุงถึงไม่สงสารคนอื่นบนรถ ที่เขาไม่รู้ไม่เห็นอะไรกับลุง ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ลุงทำให้ฉันต้องนอนป่วยงอมไปเป็นอาทิตย์ เสียค่ารักษาพยาบาลไปเกือบพัน T T
ประสบการณ์หลังจากติดไข้หวัดจากมนุษย์ลุงคนนี้สอนให้ฉันรู้ว่า โลกนี้มันหน้ากลัวเหลือเกิน พวกเขาทำอะไรกันไม่เคยนึกถึงความเดือดร้อนของคนอื่น เอาแต่ความสบายส่วนตัว ไม่มีจิตสำนึก มนุษย์ลุงคนนี้สอนให้ฉันรู้ และมาบอกกับทุกคนที่อ่านกระทู้นี้ว่าไปไหนมาไหนควรพกหน้ากากอนามัยติดตัว แม้จะใช้หรือไม่ได้ใช้ก็ตาม เพราะเราจะไม่มีวันรู้ว่าคนแปลกหน้าที่นั่งอยู่ข้างๆเรานั้น เขาเป็นใคร ป่วย หรือเป็นพาหะของโรคที่ติดต่อทางระบบทางเดินหายใจได้หรือไม่ พกติดตัวไว้เถิดค่ะ ไม่เสียหลาย อันนึงไม่ได้แพงเลย ตอนนี้ฉันก็พกไว้ตลอด พอนั่งในรถ แล้วเจอคนจาม หรือ ไอ ปุ๊บ ก็ใส่ปั๊บ เหมือนเป็นโรคจิตกลัวติดหวัด