ไม่ต้องไป Search หาที่ไหนหรอกครับ เป็นทฤษฎี ที่ผมคิดขึ้นมาเอง....ฮิๆ
ท่านผู้นํา เคยสังเกตุไหมครับ คนไทยมีนิสัยเสียอยู่อย่างคือ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ
ผมว่านิสัยนี้มันมีติดตัวมาตั้งแต่เด็กน่ะ คือถ้าเราสั่งห้ามทํา เขาจะพยายมทําให้ได้
แต่ถ้าสั่งให้ทํา กลับเพิกเฉยทําเป็นหูทวนลม
ก็เหมือนขี้เมากําลังจะเดินข้ามสะพาน แม้เราจะอ้างเหตุผลร้อยแปดพันประการ
เพื่อห้ามไม่ให้เขาข้าม
แต่รู้มั้ย หากเราเผลอเมื่อไหร่ เขาก็จะแอบข้ามไปจนได้
ต่อไป ก็เอาอย่างนี้สิครับ ( ท่านผู้นํา )
ปล่อยไปเลย เขาจะข้ามก็ให้เขาข้าม เพื่อให้เขาได้เรียนรู้ ด้วยตัวเอง
หากเขาพลาดตกลงไป มันจะได้เป็นบทเรียนเพื่อต่อไปเขาจะได้ไม่ข้ามอีก
หรือไม่มันก็จะเกิดเกิดพัฒนาการเรียนรู้ไปเองตามธรรมชาติ
จนวันต่อ ขี้เมาคนนี้ สามารถเดินข้ามสะพานไปยังฝั่งตรงข้าม โดยไม่ตกลงไปอีก
( และมันก็เป็นอย่างนี้จริงๆ ไม่เคยมีขี้เมาเดินตกสะพานเดียวกัน เป็นครั้งที่สอง )
หรือเลวร้ายที่สุด หากพลาดตกสะพานจมนํ้าตาย ลูกหลานจะได้เห็นเป็นตัวอย่าง
เพื่ออนาคตจะได้ไม่เดินข้ามสะพาน ขณะกําลังมึนเมา
ทษฎี ขี้มาเดินตกสะพาน....นี้
ผมว่าสามารถนํามาปรับใช้กับการแก้ปัญหาประเทศได้เป็นอย่างดีเลยน่ะครับ ท่านผู้นํา
อย่างเช่น นโยบายประชานิยมทั้งหลาย ที่ชอบพูดถึงกัน
หากเป็นโทษจริง ทีหลังก็อย่าไปขัดขวาง ปล่อยให้ประชาชนที่คลั่งไค้ล เขาได้เรียนรู้
ลองผิด ลองถูก กันด้วยตัวเอง
ที่ว่าเป็นโทษ ที่สุดแล้วมันเป็นโทษจริงมั้ย เป็นโทษต่อเขายังงัย
ให้เขาได้พิสูจน์ไปเลย
หากเป็นแบบนี้....รู้มั้ย ( ท่านผู้นํา )
นอกจากเขาจะจําถึงโทษของโครงการประชานิยมไปจนวันตาย เขายังจําไว้สอนลูกสอนหลาน
"ที่ปู่กลายเป็นซอมบี้จนทุกวันนี้ เพราะโครงการประชานิยมของทักษิณ นั่นเอง"
โดยไม่จําเป็นต้องรอให้ใคร (คนนั้น ) มาสอน
แต่กลายเป็นว่า มีคนบางกลุ่มพยายามคิดแทนประชาชนอยู่ตลอดเวลา
เห็นขี้เมากําลังจะเดินข้ามสะพาน กลับชอบออกไปยืนขัดขวางไม่ให้ข้าม
หากขัดขืน ก็ยังจับเขามัดไว้ตรงตีนสะพานอีก
นี่แหละครับ คือความแตกต่าง ของพัฒนาการประชาธิปไตยแบบไทยๆ กับของ ฝรั่ง
ฝรั่ง เขาปล่อยให้ประชาชนได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง
แต่ประเทศไทย กลับมีคนบางกลุ่มชอบขัดขวางการเรียนรู้ของประชาชน
ประชาธิปไตยของไทย มันจึงเหมือนเด็กที่ไม่ยอมโต ด้วยประการฉะนี้ ยังงัยหล่ะครับ... ท่านผู้นํา
--------------
แบบนี้ OK. มั้ย
ผมอยากให้ท่านผู้นํา นําทฤษฎี ..." ขี้เมาเดินตกสะพาน ".... มาใช้
ท่านผู้นํา เคยสังเกตุไหมครับ คนไทยมีนิสัยเสียอยู่อย่างคือ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ
ผมว่านิสัยนี้มันมีติดตัวมาตั้งแต่เด็กน่ะ คือถ้าเราสั่งห้ามทํา เขาจะพยายมทําให้ได้
แต่ถ้าสั่งให้ทํา กลับเพิกเฉยทําเป็นหูทวนลม
ก็เหมือนขี้เมากําลังจะเดินข้ามสะพาน แม้เราจะอ้างเหตุผลร้อยแปดพันประการ
เพื่อห้ามไม่ให้เขาข้าม
แต่รู้มั้ย หากเราเผลอเมื่อไหร่ เขาก็จะแอบข้ามไปจนได้
ต่อไป ก็เอาอย่างนี้สิครับ ( ท่านผู้นํา )
ปล่อยไปเลย เขาจะข้ามก็ให้เขาข้าม เพื่อให้เขาได้เรียนรู้ ด้วยตัวเอง
หากเขาพลาดตกลงไป มันจะได้เป็นบทเรียนเพื่อต่อไปเขาจะได้ไม่ข้ามอีก
หรือไม่มันก็จะเกิดเกิดพัฒนาการเรียนรู้ไปเองตามธรรมชาติ
จนวันต่อ ขี้เมาคนนี้ สามารถเดินข้ามสะพานไปยังฝั่งตรงข้าม โดยไม่ตกลงไปอีก
( และมันก็เป็นอย่างนี้จริงๆ ไม่เคยมีขี้เมาเดินตกสะพานเดียวกัน เป็นครั้งที่สอง )
หรือเลวร้ายที่สุด หากพลาดตกสะพานจมนํ้าตาย ลูกหลานจะได้เห็นเป็นตัวอย่าง
เพื่ออนาคตจะได้ไม่เดินข้ามสะพาน ขณะกําลังมึนเมา
ทษฎี ขี้มาเดินตกสะพาน....นี้
ผมว่าสามารถนํามาปรับใช้กับการแก้ปัญหาประเทศได้เป็นอย่างดีเลยน่ะครับ ท่านผู้นํา
อย่างเช่น นโยบายประชานิยมทั้งหลาย ที่ชอบพูดถึงกัน
หากเป็นโทษจริง ทีหลังก็อย่าไปขัดขวาง ปล่อยให้ประชาชนที่คลั่งไค้ล เขาได้เรียนรู้
ลองผิด ลองถูก กันด้วยตัวเอง
ที่ว่าเป็นโทษ ที่สุดแล้วมันเป็นโทษจริงมั้ย เป็นโทษต่อเขายังงัย
ให้เขาได้พิสูจน์ไปเลย
หากเป็นแบบนี้....รู้มั้ย ( ท่านผู้นํา )
นอกจากเขาจะจําถึงโทษของโครงการประชานิยมไปจนวันตาย เขายังจําไว้สอนลูกสอนหลาน
"ที่ปู่กลายเป็นซอมบี้จนทุกวันนี้ เพราะโครงการประชานิยมของทักษิณ นั่นเอง"
โดยไม่จําเป็นต้องรอให้ใคร (คนนั้น ) มาสอน
แต่กลายเป็นว่า มีคนบางกลุ่มพยายามคิดแทนประชาชนอยู่ตลอดเวลา
เห็นขี้เมากําลังจะเดินข้ามสะพาน กลับชอบออกไปยืนขัดขวางไม่ให้ข้าม
หากขัดขืน ก็ยังจับเขามัดไว้ตรงตีนสะพานอีก
นี่แหละครับ คือความแตกต่าง ของพัฒนาการประชาธิปไตยแบบไทยๆ กับของ ฝรั่ง
ฝรั่ง เขาปล่อยให้ประชาชนได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง
แต่ประเทศไทย กลับมีคนบางกลุ่มชอบขัดขวางการเรียนรู้ของประชาชน
ประชาธิปไตยของไทย มันจึงเหมือนเด็กที่ไม่ยอมโต ด้วยประการฉะนี้ ยังงัยหล่ะครับ... ท่านผู้นํา
--------------
แบบนี้ OK. มั้ย