ตอนที่ 1: ฝรั่งเศส - ฮอนดูรัส
http://ppantip.com/topic/32246983
========
กระทู้นี้จะมีทั้งพาเที่ยวและพาไปดูบอลนะคะ หวังว่าจะรีวิวเสร็จก่อนจบแมตช์บราซิล-ชิลี (เชียร์ชิลี อิอิ)
จากเมือง Porto Alegre เราไปเมือง Rio de Janeiro ค่ะ เหตุผลที่เราเลือกซื้อตั๋วสำหรับสองเมืองนี้ก็เพราะ ดูจากแผนที่แล้วมันไม่ไกลกันมาก จะได้เดินทางง่ายๆ ปรากฏว่าบราซิลประเทศใหญ่มาก ที่เราเห็นว่าใกล้กันบนแผนที่ จริงๆมันคือรถบัส 25 ชั่วโมง! พอเช็คราคาตั๋วเครื่องบินแล้ว มันไม่แพงกว่ามาก เลยเลือกแบบไม่ต้องคิด
เราบินจาก Porto Alegre ในวันที่ 16 เพื่อจะดูแข่งที่ Rio ในวันที่ 18 แต่ก็มีขลุกขลักนิดหน่อย เพราะเช้าวันที่ 16 ที่ Porto Alegre หมอกลงจัด (แตกต่างจากฟ้าใสๆของวันที่แข่งบอลมาก) เครื่องบินขึ้นลงไม่ได้จน 11 โมง ไฟลท์เราเลยดีเลย์ไป 3 ชั่วโมง วันนั้นเลยไม่ได้เที่ยวเลย
ที่พักใน Rio de Janeiro – เราอ่านมาว่า ที่พักใน Rio จะแพงมากๆในช่วงที่มีจัดงาน Carnival ทุกปี แต่สำหรับบอลโลก ราคาก็แพงกว่าช่วง Carnival อีก (- -“) เหงื่อตกเลย เราจองที่พักหลังจากที่ได้ตั๋วแค่ไม่กี่วัน ตั้งแต่ประมาณเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว แต่ปรากฎว่าราคาโรงแรมใน Booking.com ที่ถูกที่สุดที่เราหาได้คือ 8,000 บาทต่อคืน เลยต้องลองใช้บริการของอพาร์ตเมนต์ใน เวป AirBNB ซึ่งก็ยังแพงอีก และส่วนใหญ่เจ้าของอพาร์ตเมนต์อยากได้คนพักยาวๆ แต่เราพักแค่ 3 คืน สุดท้ายก็มาได้อพาร์ตเมนต์ในแหล่งชุมชนไม่ไกลจากสนาม Maracana นัก เป็นห้องส่วนตัวในอพาร์ตเมนต์ของคนท้องถิ่น ใช้ห้องน้ำรวม ราคาคืนละประมาณ 2,500 บาท
แถวละแวกที่เราพัก ไม่ได้ดูเป็นถิ่นหรู แต่ก็เหมือนจะปลอดภัยพอใช้ ที่สำคัญ ห่างจาก subway แค่สองบล็อก
มีธงยักษ์กลางถนน
วันที่ 17 มิ.ย. มีบราซิล – เม็กซิโก ตอน 4 โมงเย็น เราเลยวางแผนไปเที่ยวตอนเช้า และไปดูพร้อมกับแฟนบอลบราซิลที่ FIFA Fan Fest ในตอนบ่าย
ตอนเช้า เราจะไปดูสัญลักษณ์ของเมือง Rio de Janeiro ซึ่งก็คือ Cristo Redentor หรือรูปปั้น Christ the Redeemer
รูปปั้นตั้งอยู่บนเขา Corcovado ต้องนั่ง Subway ไปลงที่สถานี Largo do Machado แล้วต่อรถแวน ราคา 51 Real รวมค่าเข้าชมแล้ว
พอขึ้นมาจากสถานี Largo แล้วจะเห็นโบสถ์นี้ มีรถแวนสีขาวจอดอยู่หน้าโบสถ์
จริงๆมีอีกวิธีนึงคือนั่งรถไฟขึ้นไป ซึ่งจะได้เห็นวิวธรรมชาติ แต่เราขี้เกียจต่อคิว
รูปปั้นพระเยซูนี่ได้รับการจัดให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ สูง 30 เมตร และแขนยาว 28 เมตร สร้างเสร็จในปี 1931
ของจริงใหญ่จริงๆค่ะ
ฟ้าแจ่มมาก
ขนาดเรามาเช้ายังคนเยอะ เห็นเมฆลอยต่ำด้วย เหมือนลอยอยู่กลางเมฆ
อีกรูป แบบไม่ติดคน
มีคนกำลังซ่อมมือพระเยซูอยู่ด้วย
เราลงจากเขามาด้วยรถแวนเหมือนขาขึ้น ไม่ต้องรอคิวเหมือนรถไฟ แต่เจอรถติดนิดหน่อย
พอลงจากเขามา ก็ไปเดินตลาดใกล้ๆสถานี subway
เราซื้อส้มที่ตลาด แล้วเผลอของคุณด้วยภาษาสเปน "กราเซียส" แทนภาษาโปรตุเกส "โอบริกาโด" โดนคนขายส้มบ่นกลับมาใหญ่
ส้มที่บราซิลอร่อยและถูกมาก แนะนำให้ซื้อติดไว้ ช่วยให้หายกระหายน้ำได้ดีมาก
คนที่นี่ก้นใหญ่ก้นงอนมาก สังเกตว่าหุ่นในร้านขายเสื้อผ้า ก็ก้นงอน
จากนั้นก็เข้าไปเดินเที่ยวในเมือง มีตึกสวยๆบ้าง แต่ไม่สวยเท่าบัวโนสไอเรส
โรงละคร แต่ตอนนี้ปิด เพราะพนักงานที่ทำงานเกี่ยวกับวัฒนธรรมหยุดประท้วงกันหมด ทั้งโรงละครและพิพิธภัณฑ์ ปิดไปหลายแห่งเลย
เดินไปโบสถ์ Catedral de São Sebastião do Rio de Janeiro สร้างเมื่อปี 1979 นักออกแบบพยายามทำคล้ายๆปิรามิดของชาวมายัน
มีหน้าต่างกระจกสี 4 ด้าน
แวะกินข้าว ในบราซิล การกินที่ง่ายที่สุดสำหรับเราคือร้านบุฟเฟต์แบบจ่ายตามน้ำหนักของอาหารที่ตักมา มีอยู่ทั่วไปในเมือง ง่ายตรงที่เราไม่ต้องอ่านเมนูภาษาโปรตุเกส และมีอาหารให้เลือกหลากหลายดี โดยเฉพาะคนที่อยากกินผัก จานนี้ประมาณ 10 real
[CR] World Cup Fever - ไปดูฟุตบอลโลกที่บราซิลกันค่ะ ตอนที่ 2 สเปน-ชิลี ที่ริโอ
ตอนที่ 1: ฝรั่งเศส - ฮอนดูรัส http://ppantip.com/topic/32246983
========
กระทู้นี้จะมีทั้งพาเที่ยวและพาไปดูบอลนะคะ หวังว่าจะรีวิวเสร็จก่อนจบแมตช์บราซิล-ชิลี (เชียร์ชิลี อิอิ)
จากเมือง Porto Alegre เราไปเมือง Rio de Janeiro ค่ะ เหตุผลที่เราเลือกซื้อตั๋วสำหรับสองเมืองนี้ก็เพราะ ดูจากแผนที่แล้วมันไม่ไกลกันมาก จะได้เดินทางง่ายๆ ปรากฏว่าบราซิลประเทศใหญ่มาก ที่เราเห็นว่าใกล้กันบนแผนที่ จริงๆมันคือรถบัส 25 ชั่วโมง! พอเช็คราคาตั๋วเครื่องบินแล้ว มันไม่แพงกว่ามาก เลยเลือกแบบไม่ต้องคิด
เราบินจาก Porto Alegre ในวันที่ 16 เพื่อจะดูแข่งที่ Rio ในวันที่ 18 แต่ก็มีขลุกขลักนิดหน่อย เพราะเช้าวันที่ 16 ที่ Porto Alegre หมอกลงจัด (แตกต่างจากฟ้าใสๆของวันที่แข่งบอลมาก) เครื่องบินขึ้นลงไม่ได้จน 11 โมง ไฟลท์เราเลยดีเลย์ไป 3 ชั่วโมง วันนั้นเลยไม่ได้เที่ยวเลย
ที่พักใน Rio de Janeiro – เราอ่านมาว่า ที่พักใน Rio จะแพงมากๆในช่วงที่มีจัดงาน Carnival ทุกปี แต่สำหรับบอลโลก ราคาก็แพงกว่าช่วง Carnival อีก (- -“) เหงื่อตกเลย เราจองที่พักหลังจากที่ได้ตั๋วแค่ไม่กี่วัน ตั้งแต่ประมาณเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว แต่ปรากฎว่าราคาโรงแรมใน Booking.com ที่ถูกที่สุดที่เราหาได้คือ 8,000 บาทต่อคืน เลยต้องลองใช้บริการของอพาร์ตเมนต์ใน เวป AirBNB ซึ่งก็ยังแพงอีก และส่วนใหญ่เจ้าของอพาร์ตเมนต์อยากได้คนพักยาวๆ แต่เราพักแค่ 3 คืน สุดท้ายก็มาได้อพาร์ตเมนต์ในแหล่งชุมชนไม่ไกลจากสนาม Maracana นัก เป็นห้องส่วนตัวในอพาร์ตเมนต์ของคนท้องถิ่น ใช้ห้องน้ำรวม ราคาคืนละประมาณ 2,500 บาท
แถวละแวกที่เราพัก ไม่ได้ดูเป็นถิ่นหรู แต่ก็เหมือนจะปลอดภัยพอใช้ ที่สำคัญ ห่างจาก subway แค่สองบล็อก
มีธงยักษ์กลางถนน
วันที่ 17 มิ.ย. มีบราซิล – เม็กซิโก ตอน 4 โมงเย็น เราเลยวางแผนไปเที่ยวตอนเช้า และไปดูพร้อมกับแฟนบอลบราซิลที่ FIFA Fan Fest ในตอนบ่าย
ตอนเช้า เราจะไปดูสัญลักษณ์ของเมือง Rio de Janeiro ซึ่งก็คือ Cristo Redentor หรือรูปปั้น Christ the Redeemer
รูปปั้นตั้งอยู่บนเขา Corcovado ต้องนั่ง Subway ไปลงที่สถานี Largo do Machado แล้วต่อรถแวน ราคา 51 Real รวมค่าเข้าชมแล้ว
พอขึ้นมาจากสถานี Largo แล้วจะเห็นโบสถ์นี้ มีรถแวนสีขาวจอดอยู่หน้าโบสถ์
จริงๆมีอีกวิธีนึงคือนั่งรถไฟขึ้นไป ซึ่งจะได้เห็นวิวธรรมชาติ แต่เราขี้เกียจต่อคิว
รูปปั้นพระเยซูนี่ได้รับการจัดให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ สูง 30 เมตร และแขนยาว 28 เมตร สร้างเสร็จในปี 1931
ของจริงใหญ่จริงๆค่ะ
ฟ้าแจ่มมาก
ขนาดเรามาเช้ายังคนเยอะ เห็นเมฆลอยต่ำด้วย เหมือนลอยอยู่กลางเมฆ
อีกรูป แบบไม่ติดคน
มีคนกำลังซ่อมมือพระเยซูอยู่ด้วย
เราลงจากเขามาด้วยรถแวนเหมือนขาขึ้น ไม่ต้องรอคิวเหมือนรถไฟ แต่เจอรถติดนิดหน่อย
พอลงจากเขามา ก็ไปเดินตลาดใกล้ๆสถานี subway
เราซื้อส้มที่ตลาด แล้วเผลอของคุณด้วยภาษาสเปน "กราเซียส" แทนภาษาโปรตุเกส "โอบริกาโด" โดนคนขายส้มบ่นกลับมาใหญ่
ส้มที่บราซิลอร่อยและถูกมาก แนะนำให้ซื้อติดไว้ ช่วยให้หายกระหายน้ำได้ดีมาก
คนที่นี่ก้นใหญ่ก้นงอนมาก สังเกตว่าหุ่นในร้านขายเสื้อผ้า ก็ก้นงอน
จากนั้นก็เข้าไปเดินเที่ยวในเมือง มีตึกสวยๆบ้าง แต่ไม่สวยเท่าบัวโนสไอเรส
โรงละคร แต่ตอนนี้ปิด เพราะพนักงานที่ทำงานเกี่ยวกับวัฒนธรรมหยุดประท้วงกันหมด ทั้งโรงละครและพิพิธภัณฑ์ ปิดไปหลายแห่งเลย
เดินไปโบสถ์ Catedral de São Sebastião do Rio de Janeiro สร้างเมื่อปี 1979 นักออกแบบพยายามทำคล้ายๆปิรามิดของชาวมายัน
มีหน้าต่างกระจกสี 4 ด้าน
แวะกินข้าว ในบราซิล การกินที่ง่ายที่สุดสำหรับเราคือร้านบุฟเฟต์แบบจ่ายตามน้ำหนักของอาหารที่ตักมา มีอยู่ทั่วไปในเมือง ง่ายตรงที่เราไม่ต้องอ่านเมนูภาษาโปรตุเกส และมีอาหารให้เลือกหลากหลายดี โดยเฉพาะคนที่อยากกินผัก จานนี้ประมาณ 10 real