http://www.peopleunitynews.com/web02/2014/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%B0-%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88/
สำนักข่าวออนไลน์ พีเพิล ยูนิตี้ – เชื่อว่าแทบทุกคนก็คงรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. หมายถึงใคร จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ พูดผ่านทางรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” เมื่อค่ำวันที่ 27 มิถุนายน 2557 ความว่า
“…การพูดจาของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลในอดีต ซึ่งมีการกล่าวอ้างถึง หน.คสช. ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ในระหว่างนั้น 6 เดือนที่ผ่านมา ได้มีบทบาทหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องการให้เกิดความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง บังคับใช้กฎหมาย และปฏิบัติตาม และปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในขณะนั้น ไม่ได้ไปร่วมคิดร่วมปฏิบัติกับฝ่ายใดทั้งสิ้น เราต้องแยกแยะตัวเราให้ออก ว่าเราอยู่ตรงจุดไหน อะไรเป็นเรื่องของประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญ กฎหมาย กลไกของรัฐ ในสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม ก็ต้องทำตามนั้น ฉะนั้นที่ผ่านมาจะไม่เข้าใจ ผมจะไม่ทำให้กองทัพเสียหายแบบนั้น แต่เมื่อใดก็ตามที่มีความจำเป็น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จึงต้องมี คสช. วันนี้หลายฝ่ายหรือบางฝ่ายได้ทำไปแล้ว และจะพยายามจะทำต่อ ขอห้ามไว้ตรงนี้ว่า ห้ามการจัดงานลักษณะเช่นนี้อีก เช่น การจัดการพูดคุยทางการเมือง รับประทานอาหารระดมทุน ไม่ว่าจะไปช่วยเหลือใคร สิ่งนี้ยังไม่ถึงเวลา ถ้ามีการระดมได้เมื่อไหร่ พูดคุยได้เมื่อไหร่ เป็นกลุ่มเรื่องการเมืองก็จะไปหารือว่าจะทำอะไรต่อไป ซึ่งอีกฝ่ายหนึ่งต้องมา ต้องมาทุกพวกทุกฝ่าย ต้องกลับไปสู่วงจรเก่าๆอีก ซึ่งขอความร่วมมืออย่าทำอีก ฉะนั้นถ้าอยากพูดคุยต้องไปคุยที่บ้านเงียบๆสองคน ถ้าออกมาจัดการชุมนุมหรือจัดงานเลี้ยงข้างนอกไม่ได้ เพราะผิดข้อกำหนดของ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ถ้าทำอีกจะถูกเรียกตัวทุกคนที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดี ฐานะผู้ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. …”
ถูกต้องหมายถึง “กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ” เลขาธิการ กปปส. ที่มีคิวจัดงานระดมทุน ชื่องาน “กินข้าวกับลุงกำนัน” ในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 28 มิถุนายน 2557 ซึ่งเป็นกิจกรรมใหม่ที่นายสุเทพและบรรดาแกนนำ กปปส. ประกาศจัดขึ้นทุกวันเสาร์ เพื่อหาทุนช่วยเหลือมวลชน กปปส. ที่ได้รับบาดเจ็บในระหว่างการชุมนุม รวมทั้งช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิต
แต่อีกเป้าหมายของการจัดงานที่ไม่ได้ประกาศออกมาคือ ต้องการรวมกลุ่มแกนนำและมวลชน กปปส. ให้เหนียวแน่นต่อไป โดยจัดกิจกรรมเพื่อให้มาพบปะกันเป็นประจำ หากจำเป็นจะต้องเป่านกหวีดกันอีกในอนาคต จะได้พรึ่บพรั่บทันที ไม่ต้องเสียเวลารวมพล ซึ่งก็คล้ายๆกับที่กลุ่ม นปช. จัดงานชุมนุมคนเสื้อแดงเป็นระยะหลังปี 53 โดยอ้างว่าเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งแท้จริงก็เพื่อรวมตัวคนเสื้อแดงไม่ให้แยกย้ายห่างหายกันไป
นอกจากนี้ ก็เพื่อแสดงเพาเวอร์ให้เห็นว่ากลุ่มของตนยังมีพลังอยู่ ใครจะไม่ให้ความสำคัญไม่ได้ ขอหรือต่อรองอะไรก็ต้องได้
คสช. มองออกว่ามาไม้นี้ ซึ่ง คสช. ต้องการให้ทุกกลุ่มหยุดหมดไม่ว่าฝ่ายใด เพื่อให้ทุกกลุ่มสลายตัวไปโดยอัตโนมัติ ไม่มีกลุ่มใดๆอีก มีแต่คนไทยทั้งประเทศกลุ่มเดียว เพราะที่ผ่านมาการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายและจัดตั้งกลุ่มต่างๆขึ้นมาเผชิญหน้ากันคือปัญหาใหญ่สุดของประเทศ จนคนในชาติจวนจะเข้าสู่ภาวะสงครามกลางเมืองฆ่ากันเอง ดังนั้น คสช. จึงกำหนดภารกิจระยะที่ 1 ตามโรดแม็ป คือ การสลายความขัดแย้ง สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น ขจัดกลุ่มต่างๆที่ขัดแย้งกันให้หมดสิ้นไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมา คสช. กำลังทำงานตามภารกิจระยะที่ 1 อย่างได้ผล โดยในส่วนของกลุ่ม นปช. (คนเสื้อแดง) คสช. ได้ใช้ทั้งมาตรการทางด้านการทหาร ความมั่นคง มาตรการทางกฎหมาย และมาตรการทางด้านการพูดคุยทำความเข้าใจอย่างเข้มข้น จนทำให้กลุ่ม นปช. หรือคนเสื้อแดงให้ความร่วมมือและยุติความเคลื่อนไหวเป็นอย่างดี
ขณะที่ในส่วนของกลุ่ม กปปส. ดูเหมือน คสช. จะไม่ได้ใช้มาตรการต่างๆอย่างเข้มข้นเท่ากับกลุ่ม นปช. แต่ให้กลุ่ม กปปส. ไปคิดเอาเองว่าจะร่วมมือกับ คสช. ยุติความขัดแย้งภายในชาติอย่างไร ทั้งนี้อาจเป็นเพราะ คสช. เชื่อคำพูดของนายสุเทพที่เคยประกาศกลางเวทีหลายครั้งหลายหนว่า จะกลับบ้านและพามวลชนกลับบ้าน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก หากรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกโค่นล้มลงไป
ทว่า เมื่อนายสุเทพประกาศจะจัดงาน “กินข้าวกับลุงกำนัน” ทุกวันเสาร์ คสช. ก็รู้ทันทีว่านายสุเทพยังไม่กลับบ้านแน่ ๆ
แต่จุดฟิวส์ขาดที่ทำให้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ต้องออกมาไล่ “กำนัน” ให้กลับบ้าน ด้วยการประกาศสั่งห้ามการจัดงานระดมทุน หรือการพูดคุยทางการเมือง นั้นอยู่ที่เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นสามสี่วัน คือ การที่นายสุเทพไปพูดกับหนังสือพิมพ์บางฉบับว่า แผนการล้มรัฐบาลของระบอบทักษิณนั้นได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ มาตั้งแต่ปี 2553 แล้ว โดยเฉพาะช่วงก่อนที่ คสช. จะยึดอำนาจ นายสุเทพอ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ต่อสายมาบอกว่า “นายสุเทพ และ กปปส. เหนื่อยเกินไปแล้ว ตอนนี้เป็นหน้าที่ของผมแล้ว” นอกจากนี้ นายสุเทพยังเปิดเผยอีกว่า ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์และคณะปฏิบัติงาน คสช. ผ่านทาง “ไลน์” มาโดยตลอด รวมทั้งยังเปิดเผยว่าใช้เงินในการชุมนุมไปกว่า 1.4 พันล้านบาท ในจำนวนนี้มาจากในส่วนของแกนนำประมาณ 400 ล้านบาท อีก 1 พันล้านบาทมาจากผู้บริจาค
นี่คือจุดที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช. ยอมรับไม่ได้ และยอมให้มีการพูดในลักษณะนี้ต่อไปไม่ได้ เพราะทำให้ตัว พล.อ.ประยุทธ์ และกองทัพเสียหาย พล.อ.ประยุทธ์ ถึงต้องออกมาปฏิเสธและชี้แจงความจริงในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ว่า “…การพูดจาของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลในอดีต ซึ่งมีการกล่าวอ้างถึง หน.คสช. ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ในระหว่างนั้น 6 เดือนที่ผ่านมา ได้มีบทบาทหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องการให้เกิดความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง บังคับใช้กฎหมาย และปฏิบัติตาม และปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในขณะนั้น ไม่ได้ไปร่วมคิดร่วมปฏิบัติกับฝ่ายใดทั้งสิ้น เราต้องแยกแยะตัวเราให้ออก ว่าเราอยู่ตรงจุดไหน อะไรเป็นเรื่องของประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญ กฎหมาย กลไกของรัฐ ในสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม ก็ต้องทำตามนั้น ฉะนั้นที่ผ่านมาจะไม่เข้าใจ ผมจะไม่ทำให้กองทัพเสียหายแบบนั้น แต่เมื่อใดก็ตามที่มีความจำเป็น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จึงต้องมี คสช. …” และตามมาด้วยคำสั่งห้ามจัดงาน
ความจริงก่อนหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จะออกมาพูด ทางทีมงานโฆษก คสช. ก็ออกมาปฏิเสธเรื่องที่นายสุเทพพูดมาแล้ว แต่ดูเหมือนนายสุเทพจะยังไม่ตระหนักว่านี่เป็นเรื่องร้ายแรงที่ส่งผลเสียต่อตัว พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช. รวมทั้งทำให้ความพยายามสร้างความปรองดองของ คสช. มีปัญหาขึ้น เพราะนายสุเทพยังประกาศที่จะจัดงาน “กินข้าวกับลุงกำนัน” ต่อไปในวันเสาร์ที่ 28 มิ.ย. หรือบางทีนายสุเทพอาจคิดว่า “ลุงตู่” คงไม่กล้าไล่ “กำนัน” กลับบ้าน
แต่ผลปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยอมไม่ได้ เพราะคงไม่ค่อยเชื่อใจนายสุเทพแล้วว่า จะยุติบทบาทการเมืองและกลับบ้าน เพราะถ้าจะกลับบ้านจริง ไหนเลยจะจัดงาน “กินข้าวกับลุงกำนัน” พล.อ.ประยุทธ์ จึงต้อง “จัดให้” ส่ง “ลุงกำนัน” กลับบ้าน ซึ่งนายสุเทพก็ประกาศยกเลิกการจัดงาน “กินข้าวกับลุงกำนัน” ทันที หลัง พล.อ.ประยุทธ์ พูดออกรายการในคืนวันที่ 27 มิ.ย.
ปฏิบัติการส่ง “ลุงกำนัน” กลับบ้านอย่างไม่เกรงใจครั้งนี้ เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่มีวันยอมให้ใครหรือกลุ่มใดมาทำให้ภารกิจของ คสช. มีปัญหา ใครขืนแหลมขึ้นมาจะต้องโดน “จัดให้” ทุกคน โดยเฉพาะกับภารกิจสลายสีเสื้อ สลายกลุ่ม สร้างความปรองดอง สร้างความสามัคคี ที่ คสช. ยอมให้ล้มเหลวไม่ได้ แม้แต่ลุงกำนันก็เถอะ เพราะสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการทำให้ทุกกลุ่มทุกฝ่ายเห็นกับตาคือ คสช. จะไม่ยอมให้กลุ่มใดหรือฝ่ายใดออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอีก ทุกกลุ่มต้องหยุดเท่าเทียมกันหมด เพราะหากอีกกลุ่มเคลื่อนไหวได้ กลุ่มอื่นก็จะต้องทำตาม และเมื่อนั้นความขัดแย้งจะกลับมาอีก
นั่นหมายความต่อไปด้วยว่า จะไม่ยอมให้กลุ่มใดมาตีกินหรือหากินกับ คสช.
อันที่จริง การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาสั่งห้ามการจัดพูดคุยทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะหากย้อนไปดูจะพบว่า พลันที่ คสช. ทำการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 คำสั่งห้ามฉบับแรกๆของ คสช. คือ การห้ามทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักวิชาการ หรือใครก็ตาม ออกมาแสดงความคิดเห็นหรือแม้แต่เสนอแนะในประเด็นทางการเมือง และประเด็นอื่นของประเทศ เช่น เศรษฐกิจ ความมั่นคง ต่างประเทศ และสังคม เพราะ คสช. เล็งเห็นว่าการแสดงความคิดเห็นของฝ่ายต่างๆจะทำให้เกิดความสับสนในสังคมมากขึ้น และทำให้แนวทางของ คสช. ขาดความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นความจำเป็นของบ้านเมืองที่ทุกอย่างจะต้องเป็นเอกภาพหรือออกมาจากแหล่งเดียว
ซึ่งหลังจากนั้นแทบทุกฝ่ายก็หยุดออกมาพูดในเรื่องการเมืองและเรื่องบ้านเมือง แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยก็หยุดพูด แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังออกมาพูดแสดงความคิดเห็น
มีข่าวลึกๆว่า คสช. ก็ไม่สบายใจ แม้ว่าจะเป็นการพูดในทำนองสนับสนุน คสช. เพราะจะทำให้เกิดภาพว่า คสช. ยอมให้พูดหากพูดเชียร์ คสช. แต่ห้ามพูดหากพูดถึง คสช. ในทางลบ นอกจากนี้ คสช. ยังไม่ต้องการให้ใครออกมาพูดแสดงความเห็นใดที่เกี่ยวกับการทำงานของ คสช. ในลักษณะเสนอแนะ เพราะข้อเสนอแนะมีหลากหลาย ซึ่งบางอย่างไม่ใช่แนวทางที่ คสช. วางไว้ คสช. ไม่อาจทำได้ ซึ่งจะทำให้เกิดภาพความสับสน ไม่เป็นเอกภาพทางความคิด โดยเฉพาะการพูดในเวทีสัมมนา ปาฐกถา ของบุคคลสำคัญต่างๆ ซึ่ง คสช. เห็นว่าไม่เหมาะสม แต่ควรมาพูดเป็นการภายในกับ คสช. เพราะการไปพูดภายนอกอาจเป็นการดิสเครดิต คสช. หรือพูดเพื่อสร้างความสำคัญให้ผู้พูด แต่ คสช. เสียหาย
ข่าวเจาะ // “ลุงกำนัน” ไม่ยอมกลับบ้าน “ลุงตู่” เลยจัดให้
โดย – บิ๊กต้น
28 มิถุนายน 2557
19.00 น.
ข่าวเจาะ // “ลุงกำนัน” ไม่ยอมกลับบ้าน “ลุงตู่” เลยจัดให้
สำนักข่าวออนไลน์ พีเพิล ยูนิตี้ – เชื่อว่าแทบทุกคนก็คงรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. หมายถึงใคร จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ พูดผ่านทางรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” เมื่อค่ำวันที่ 27 มิถุนายน 2557 ความว่า
“…การพูดจาของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลในอดีต ซึ่งมีการกล่าวอ้างถึง หน.คสช. ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ในระหว่างนั้น 6 เดือนที่ผ่านมา ได้มีบทบาทหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องการให้เกิดความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง บังคับใช้กฎหมาย และปฏิบัติตาม และปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในขณะนั้น ไม่ได้ไปร่วมคิดร่วมปฏิบัติกับฝ่ายใดทั้งสิ้น เราต้องแยกแยะตัวเราให้ออก ว่าเราอยู่ตรงจุดไหน อะไรเป็นเรื่องของประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญ กฎหมาย กลไกของรัฐ ในสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม ก็ต้องทำตามนั้น ฉะนั้นที่ผ่านมาจะไม่เข้าใจ ผมจะไม่ทำให้กองทัพเสียหายแบบนั้น แต่เมื่อใดก็ตามที่มีความจำเป็น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จึงต้องมี คสช. วันนี้หลายฝ่ายหรือบางฝ่ายได้ทำไปแล้ว และจะพยายามจะทำต่อ ขอห้ามไว้ตรงนี้ว่า ห้ามการจัดงานลักษณะเช่นนี้อีก เช่น การจัดการพูดคุยทางการเมือง รับประทานอาหารระดมทุน ไม่ว่าจะไปช่วยเหลือใคร สิ่งนี้ยังไม่ถึงเวลา ถ้ามีการระดมได้เมื่อไหร่ พูดคุยได้เมื่อไหร่ เป็นกลุ่มเรื่องการเมืองก็จะไปหารือว่าจะทำอะไรต่อไป ซึ่งอีกฝ่ายหนึ่งต้องมา ต้องมาทุกพวกทุกฝ่าย ต้องกลับไปสู่วงจรเก่าๆอีก ซึ่งขอความร่วมมืออย่าทำอีก ฉะนั้นถ้าอยากพูดคุยต้องไปคุยที่บ้านเงียบๆสองคน ถ้าออกมาจัดการชุมนุมหรือจัดงานเลี้ยงข้างนอกไม่ได้ เพราะผิดข้อกำหนดของ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ถ้าทำอีกจะถูกเรียกตัวทุกคนที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดี ฐานะผู้ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. …”
ถูกต้องหมายถึง “กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ” เลขาธิการ กปปส. ที่มีคิวจัดงานระดมทุน ชื่องาน “กินข้าวกับลุงกำนัน” ในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 28 มิถุนายน 2557 ซึ่งเป็นกิจกรรมใหม่ที่นายสุเทพและบรรดาแกนนำ กปปส. ประกาศจัดขึ้นทุกวันเสาร์ เพื่อหาทุนช่วยเหลือมวลชน กปปส. ที่ได้รับบาดเจ็บในระหว่างการชุมนุม รวมทั้งช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิต
แต่อีกเป้าหมายของการจัดงานที่ไม่ได้ประกาศออกมาคือ ต้องการรวมกลุ่มแกนนำและมวลชน กปปส. ให้เหนียวแน่นต่อไป โดยจัดกิจกรรมเพื่อให้มาพบปะกันเป็นประจำ หากจำเป็นจะต้องเป่านกหวีดกันอีกในอนาคต จะได้พรึ่บพรั่บทันที ไม่ต้องเสียเวลารวมพล ซึ่งก็คล้ายๆกับที่กลุ่ม นปช. จัดงานชุมนุมคนเสื้อแดงเป็นระยะหลังปี 53 โดยอ้างว่าเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งแท้จริงก็เพื่อรวมตัวคนเสื้อแดงไม่ให้แยกย้ายห่างหายกันไป
นอกจากนี้ ก็เพื่อแสดงเพาเวอร์ให้เห็นว่ากลุ่มของตนยังมีพลังอยู่ ใครจะไม่ให้ความสำคัญไม่ได้ ขอหรือต่อรองอะไรก็ต้องได้
คสช. มองออกว่ามาไม้นี้ ซึ่ง คสช. ต้องการให้ทุกกลุ่มหยุดหมดไม่ว่าฝ่ายใด เพื่อให้ทุกกลุ่มสลายตัวไปโดยอัตโนมัติ ไม่มีกลุ่มใดๆอีก มีแต่คนไทยทั้งประเทศกลุ่มเดียว เพราะที่ผ่านมาการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายและจัดตั้งกลุ่มต่างๆขึ้นมาเผชิญหน้ากันคือปัญหาใหญ่สุดของประเทศ จนคนในชาติจวนจะเข้าสู่ภาวะสงครามกลางเมืองฆ่ากันเอง ดังนั้น คสช. จึงกำหนดภารกิจระยะที่ 1 ตามโรดแม็ป คือ การสลายความขัดแย้ง สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น ขจัดกลุ่มต่างๆที่ขัดแย้งกันให้หมดสิ้นไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมา คสช. กำลังทำงานตามภารกิจระยะที่ 1 อย่างได้ผล โดยในส่วนของกลุ่ม นปช. (คนเสื้อแดง) คสช. ได้ใช้ทั้งมาตรการทางด้านการทหาร ความมั่นคง มาตรการทางกฎหมาย และมาตรการทางด้านการพูดคุยทำความเข้าใจอย่างเข้มข้น จนทำให้กลุ่ม นปช. หรือคนเสื้อแดงให้ความร่วมมือและยุติความเคลื่อนไหวเป็นอย่างดี
ขณะที่ในส่วนของกลุ่ม กปปส. ดูเหมือน คสช. จะไม่ได้ใช้มาตรการต่างๆอย่างเข้มข้นเท่ากับกลุ่ม นปช. แต่ให้กลุ่ม กปปส. ไปคิดเอาเองว่าจะร่วมมือกับ คสช. ยุติความขัดแย้งภายในชาติอย่างไร ทั้งนี้อาจเป็นเพราะ คสช. เชื่อคำพูดของนายสุเทพที่เคยประกาศกลางเวทีหลายครั้งหลายหนว่า จะกลับบ้านและพามวลชนกลับบ้าน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก หากรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกโค่นล้มลงไป
ทว่า เมื่อนายสุเทพประกาศจะจัดงาน “กินข้าวกับลุงกำนัน” ทุกวันเสาร์ คสช. ก็รู้ทันทีว่านายสุเทพยังไม่กลับบ้านแน่ ๆ
แต่จุดฟิวส์ขาดที่ทำให้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ต้องออกมาไล่ “กำนัน” ให้กลับบ้าน ด้วยการประกาศสั่งห้ามการจัดงานระดมทุน หรือการพูดคุยทางการเมือง นั้นอยู่ที่เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นสามสี่วัน คือ การที่นายสุเทพไปพูดกับหนังสือพิมพ์บางฉบับว่า แผนการล้มรัฐบาลของระบอบทักษิณนั้นได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ มาตั้งแต่ปี 2553 แล้ว โดยเฉพาะช่วงก่อนที่ คสช. จะยึดอำนาจ นายสุเทพอ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ต่อสายมาบอกว่า “นายสุเทพ และ กปปส. เหนื่อยเกินไปแล้ว ตอนนี้เป็นหน้าที่ของผมแล้ว” นอกจากนี้ นายสุเทพยังเปิดเผยอีกว่า ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์และคณะปฏิบัติงาน คสช. ผ่านทาง “ไลน์” มาโดยตลอด รวมทั้งยังเปิดเผยว่าใช้เงินในการชุมนุมไปกว่า 1.4 พันล้านบาท ในจำนวนนี้มาจากในส่วนของแกนนำประมาณ 400 ล้านบาท อีก 1 พันล้านบาทมาจากผู้บริจาค
นี่คือจุดที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช. ยอมรับไม่ได้ และยอมให้มีการพูดในลักษณะนี้ต่อไปไม่ได้ เพราะทำให้ตัว พล.อ.ประยุทธ์ และกองทัพเสียหาย พล.อ.ประยุทธ์ ถึงต้องออกมาปฏิเสธและชี้แจงความจริงในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ว่า “…การพูดจาของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลในอดีต ซึ่งมีการกล่าวอ้างถึง หน.คสช. ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ในระหว่างนั้น 6 เดือนที่ผ่านมา ได้มีบทบาทหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องการให้เกิดความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง บังคับใช้กฎหมาย และปฏิบัติตาม และปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในขณะนั้น ไม่ได้ไปร่วมคิดร่วมปฏิบัติกับฝ่ายใดทั้งสิ้น เราต้องแยกแยะตัวเราให้ออก ว่าเราอยู่ตรงจุดไหน อะไรเป็นเรื่องของประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญ กฎหมาย กลไกของรัฐ ในสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม ก็ต้องทำตามนั้น ฉะนั้นที่ผ่านมาจะไม่เข้าใจ ผมจะไม่ทำให้กองทัพเสียหายแบบนั้น แต่เมื่อใดก็ตามที่มีความจำเป็น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จึงต้องมี คสช. …” และตามมาด้วยคำสั่งห้ามจัดงาน
ความจริงก่อนหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จะออกมาพูด ทางทีมงานโฆษก คสช. ก็ออกมาปฏิเสธเรื่องที่นายสุเทพพูดมาแล้ว แต่ดูเหมือนนายสุเทพจะยังไม่ตระหนักว่านี่เป็นเรื่องร้ายแรงที่ส่งผลเสียต่อตัว พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช. รวมทั้งทำให้ความพยายามสร้างความปรองดองของ คสช. มีปัญหาขึ้น เพราะนายสุเทพยังประกาศที่จะจัดงาน “กินข้าวกับลุงกำนัน” ต่อไปในวันเสาร์ที่ 28 มิ.ย. หรือบางทีนายสุเทพอาจคิดว่า “ลุงตู่” คงไม่กล้าไล่ “กำนัน” กลับบ้าน
แต่ผลปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยอมไม่ได้ เพราะคงไม่ค่อยเชื่อใจนายสุเทพแล้วว่า จะยุติบทบาทการเมืองและกลับบ้าน เพราะถ้าจะกลับบ้านจริง ไหนเลยจะจัดงาน “กินข้าวกับลุงกำนัน” พล.อ.ประยุทธ์ จึงต้อง “จัดให้” ส่ง “ลุงกำนัน” กลับบ้าน ซึ่งนายสุเทพก็ประกาศยกเลิกการจัดงาน “กินข้าวกับลุงกำนัน” ทันที หลัง พล.อ.ประยุทธ์ พูดออกรายการในคืนวันที่ 27 มิ.ย.
ปฏิบัติการส่ง “ลุงกำนัน” กลับบ้านอย่างไม่เกรงใจครั้งนี้ เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่มีวันยอมให้ใครหรือกลุ่มใดมาทำให้ภารกิจของ คสช. มีปัญหา ใครขืนแหลมขึ้นมาจะต้องโดน “จัดให้” ทุกคน โดยเฉพาะกับภารกิจสลายสีเสื้อ สลายกลุ่ม สร้างความปรองดอง สร้างความสามัคคี ที่ คสช. ยอมให้ล้มเหลวไม่ได้ แม้แต่ลุงกำนันก็เถอะ เพราะสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการทำให้ทุกกลุ่มทุกฝ่ายเห็นกับตาคือ คสช. จะไม่ยอมให้กลุ่มใดหรือฝ่ายใดออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอีก ทุกกลุ่มต้องหยุดเท่าเทียมกันหมด เพราะหากอีกกลุ่มเคลื่อนไหวได้ กลุ่มอื่นก็จะต้องทำตาม และเมื่อนั้นความขัดแย้งจะกลับมาอีก
นั่นหมายความต่อไปด้วยว่า จะไม่ยอมให้กลุ่มใดมาตีกินหรือหากินกับ คสช.
อันที่จริง การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาสั่งห้ามการจัดพูดคุยทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะหากย้อนไปดูจะพบว่า พลันที่ คสช. ทำการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 คำสั่งห้ามฉบับแรกๆของ คสช. คือ การห้ามทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักวิชาการ หรือใครก็ตาม ออกมาแสดงความคิดเห็นหรือแม้แต่เสนอแนะในประเด็นทางการเมือง และประเด็นอื่นของประเทศ เช่น เศรษฐกิจ ความมั่นคง ต่างประเทศ และสังคม เพราะ คสช. เล็งเห็นว่าการแสดงความคิดเห็นของฝ่ายต่างๆจะทำให้เกิดความสับสนในสังคมมากขึ้น และทำให้แนวทางของ คสช. ขาดความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นความจำเป็นของบ้านเมืองที่ทุกอย่างจะต้องเป็นเอกภาพหรือออกมาจากแหล่งเดียว
ซึ่งหลังจากนั้นแทบทุกฝ่ายก็หยุดออกมาพูดในเรื่องการเมืองและเรื่องบ้านเมือง แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยก็หยุดพูด แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังออกมาพูดแสดงความคิดเห็น
มีข่าวลึกๆว่า คสช. ก็ไม่สบายใจ แม้ว่าจะเป็นการพูดในทำนองสนับสนุน คสช. เพราะจะทำให้เกิดภาพว่า คสช. ยอมให้พูดหากพูดเชียร์ คสช. แต่ห้ามพูดหากพูดถึง คสช. ในทางลบ นอกจากนี้ คสช. ยังไม่ต้องการให้ใครออกมาพูดแสดงความเห็นใดที่เกี่ยวกับการทำงานของ คสช. ในลักษณะเสนอแนะ เพราะข้อเสนอแนะมีหลากหลาย ซึ่งบางอย่างไม่ใช่แนวทางที่ คสช. วางไว้ คสช. ไม่อาจทำได้ ซึ่งจะทำให้เกิดภาพความสับสน ไม่เป็นเอกภาพทางความคิด โดยเฉพาะการพูดในเวทีสัมมนา ปาฐกถา ของบุคคลสำคัญต่างๆ ซึ่ง คสช. เห็นว่าไม่เหมาะสม แต่ควรมาพูดเป็นการภายในกับ คสช. เพราะการไปพูดภายนอกอาจเป็นการดิสเครดิต คสช. หรือพูดเพื่อสร้างความสำคัญให้ผู้พูด แต่ คสช. เสียหาย
ข่าวเจาะ // “ลุงกำนัน” ไม่ยอมกลับบ้าน “ลุงตู่” เลยจัดให้
โดย – บิ๊กต้น
28 มิถุนายน 2557
19.00 น.