สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่สองของเราหลังจากห่างหายไป 1 ปี โดยกระทู้แรกตั้งถามเกี่ยวกับ shipping HK กับ SG หลังจากนั้นก็ยุ่งจนลืมไปเลย โดยปกติจะอ่านแต่เผือกร้อนที่เพื่อนแชร์ตามเฟสค่ะ ไม่เคย log in อีกอย่างลืมรหัสด้วย แต่วันนี้เปิดดู note ใน iPhone เครื่องเก่า จึงเจอ password เอาล่ะ เลยตัดสินใจอยากแชร์ประสบการณ์เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะที่กำลังหาแนวทางให้ตัวเองค่ะ เพราะเราก็นานมากกว่าจะเจอทาง
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ย้อนไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราอายุ 23 ในยุคของ social ดังๆ Instagram และ facebook เป็นแหล่งขายของชั้นดีเลยทีเดียว ไอ้เราก็ตามกระแสมั่งค่ะ เห็นเพื่อนแฟนคนนึง เค้าทำเสื้อยืดขาย แถมขายได้ขายดี ไอ้เราก็ด้วยความอยากมีเงินมั่งก็เอาเลยค่ะ ใช้เวลาขลุกหาข้อมูลสารพัด เทียบราคาแบบผ้า ออกแบบลายปัก ทำเลเบิลป้ายชื่อ จำได้แม่นหมดไป 12000 บาท ได้ของมาตื่นเต้นมาก วันแรกโพสขายได้ 2 ตัว 650 บาท ส่งฟรีให้ด้วยหักทุนแล้วได้กำไร 390 บาท ดีใจมากค่ะ อีก 2 วันขายได้อีก 2 ตัว กำลังใจมาตรึม คิดว่าเอาน่าๆอีกนิดก็จะได้ทุนคืน เราคิดเสร็จสรรพเลยว่า ถ้าขายหมดนี่กำไร 20000 บาท นั่งยิ้มเพ้อเลยทีเดียว แต่ความฝันสวนทางกับความจริงค่ะ หลังจากนั้น ขายไม่ได้เลย จนหาในเน็ต เฮ้ยรองเท้า ทรง oxford loafer อะไรพวกนี้กำลังมานะ เพราะเดี๋ยวนี้ผู้ชายแต่งตัวเนี๊ยบขึ้น เราเลยลองดูค่ะ แต่ประสบการณ์ครั้งแรกสอนให้รู้ว่า “เจ็บแล้วต้องจำ ทำแล้วคิดทีหลังมีแต่เจ๊ง” เพราะตอนสั่งเสื้อคิดแต่ว่าต้องขายได้แน่นอน จนลืมคิดถึงความเสี่ยง
กลับมาที่รองเท้าค่ะ เราติดต่อขอเป็น dropship ทางร้านก็โอเคค่ะ หลังจากนั้นเราก็เปิดเพจเฟสบุ๊คค่ะเพื่อเป็นอีกช่องทางขายของ แล้งลงโฆษณากับ FB วันละ 80 บาท วันแรกก็ขายได้เลยค่ะ 2 คู่ โอ้โหกำไรได้ 700 ค่ะ วันแรกนะ บอกเลยว่ารุ่งมาก เราทำแบบนี้มา 6 เดือนค่ะ ตุลา 55 –มีนา 56 ได้กำไร เดือนละ 10000-12000 เสื้อก็ยังขายค่ะ ต่อมาขายได้อีก 5 ตัวแล้วก็เงียบไปคือขายไม่ได้ ทุกวันนี้ก็ยังกองอยู่ที่บ้าน แต่เสื้อยังใหม่ทุกตัวค่ะ เราเลยตั้งใจจะซักแล้วเอาไปแจกน้องๆ โรงเรียนแถวบ้าน เป็นของขวัญวันเด็กปีหน้า คือเหลือ 90ตัว เด็กที่โรงเรียน มี 80 คน สรุปคงได้ครบทุกคนค่ะ ขอต่อค่ะ ถ้าถามว่าทำไมธุรกิจรองเท้าถึงทำได้เงียบไปเพราะ เทรนด์แฟชั่นมันไปแล้วไงค่ะ ต้นปี 56 ที่ฮิตสุดๆเลย คือรองเท้า New balance ค่ะ กับนาฬิกาอีกยี่ห้อคือ infantry เราขายของก็ต้องตามเทรนค่ะ เราบินเองเลยค่ะ บินซื้อรองเท้า New balance เองที่สิงค์โปร์ เราชอบซื้อตรงสาขา *SCAPE ใกล้ๆกับ orchard ค่ะ ส่วนนาฬิกา infantry เราสั่งกับบริษัทโดยตรง รอบนึงโดนภาษีทีละ 3000 ค่ะ แต่หักกำไรแล้วคุ้มค่ะ ตั้งแต่มีนา – กรกฎาคม เราได้กำไรมา 40000 กว่าค่ะ แต่หลังจากนั้นกระแสก็ซาลงอาจจะเพราะรองเท้าคู่นึงราคาแพงค่ะนาฬิกาก็เรือนเป็นพัน กำลังซื้อก็น้อยลง เพจเฟสบุ๊คก็เริ่มร้างค่ะ เอาตรงๆเราไม่รู้จะหาอะไรมาขายด้วยค่ะ และอีกอย่างแฟนก็กระตุ้นบอกให้เลิกทำ เราก็เลยปิดตำนานบนเฟสบุ๊คไป แต่เพจถ้าเซิสชื่อก็ยังเจอนะค่ะ มี คนไลค์หมื่อนกว่าคนซึ่งเป็นผลมาจากลงโฆษณาผ่านทาง FB ค่ะ
ช่วงที่หยุดขายของกินบุญเก่า ก็ลดลงๆ แถมวันๆก็เพ้อ อยากมีรถ มี บ้าน มีเงินใช้ แต่พอตั้งสติ ก็เออจะมีได้ไงว่ะ ถ้าไม่ทำมาหากิน เราจึงหยิบกระดาษมาแผ่นนึงค่ะ แล้วเขียนว่าตัวเองถนัดอะไร อยากทำอะไร แล้วก็เปิดหาบทความในเน็ตอ่านค่ะ ว่าแนวทางของคนอื่นๆเป็นไง แล้วเราก็พบกับจุดเปลี่ยนชีวิตที่ไม่ใช่พวกธุรกิจขายตรงนะค่ะ
** เดี๋ยวมาต่อนะค่ะ ขอทำไปทำธุระสักครู่ค่ะ ( ขออนุญาตแท็กมนุษย์เงินเดือน เพื่อเป็นแนวทางในการหาอาชีพเสริมหรือผันมาเป็นนายตัวเองค่ะ)
ชีวิตลูกรังกับใจที่มันอยากเป็นนายตัวเองอีกครั้ง
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ย้อนไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราอายุ 23 ในยุคของ social ดังๆ Instagram และ facebook เป็นแหล่งขายของชั้นดีเลยทีเดียว ไอ้เราก็ตามกระแสมั่งค่ะ เห็นเพื่อนแฟนคนนึง เค้าทำเสื้อยืดขาย แถมขายได้ขายดี ไอ้เราก็ด้วยความอยากมีเงินมั่งก็เอาเลยค่ะ ใช้เวลาขลุกหาข้อมูลสารพัด เทียบราคาแบบผ้า ออกแบบลายปัก ทำเลเบิลป้ายชื่อ จำได้แม่นหมดไป 12000 บาท ได้ของมาตื่นเต้นมาก วันแรกโพสขายได้ 2 ตัว 650 บาท ส่งฟรีให้ด้วยหักทุนแล้วได้กำไร 390 บาท ดีใจมากค่ะ อีก 2 วันขายได้อีก 2 ตัว กำลังใจมาตรึม คิดว่าเอาน่าๆอีกนิดก็จะได้ทุนคืน เราคิดเสร็จสรรพเลยว่า ถ้าขายหมดนี่กำไร 20000 บาท นั่งยิ้มเพ้อเลยทีเดียว แต่ความฝันสวนทางกับความจริงค่ะ หลังจากนั้น ขายไม่ได้เลย จนหาในเน็ต เฮ้ยรองเท้า ทรง oxford loafer อะไรพวกนี้กำลังมานะ เพราะเดี๋ยวนี้ผู้ชายแต่งตัวเนี๊ยบขึ้น เราเลยลองดูค่ะ แต่ประสบการณ์ครั้งแรกสอนให้รู้ว่า “เจ็บแล้วต้องจำ ทำแล้วคิดทีหลังมีแต่เจ๊ง” เพราะตอนสั่งเสื้อคิดแต่ว่าต้องขายได้แน่นอน จนลืมคิดถึงความเสี่ยง
กลับมาที่รองเท้าค่ะ เราติดต่อขอเป็น dropship ทางร้านก็โอเคค่ะ หลังจากนั้นเราก็เปิดเพจเฟสบุ๊คค่ะเพื่อเป็นอีกช่องทางขายของ แล้งลงโฆษณากับ FB วันละ 80 บาท วันแรกก็ขายได้เลยค่ะ 2 คู่ โอ้โหกำไรได้ 700 ค่ะ วันแรกนะ บอกเลยว่ารุ่งมาก เราทำแบบนี้มา 6 เดือนค่ะ ตุลา 55 –มีนา 56 ได้กำไร เดือนละ 10000-12000 เสื้อก็ยังขายค่ะ ต่อมาขายได้อีก 5 ตัวแล้วก็เงียบไปคือขายไม่ได้ ทุกวันนี้ก็ยังกองอยู่ที่บ้าน แต่เสื้อยังใหม่ทุกตัวค่ะ เราเลยตั้งใจจะซักแล้วเอาไปแจกน้องๆ โรงเรียนแถวบ้าน เป็นของขวัญวันเด็กปีหน้า คือเหลือ 90ตัว เด็กที่โรงเรียน มี 80 คน สรุปคงได้ครบทุกคนค่ะ ขอต่อค่ะ ถ้าถามว่าทำไมธุรกิจรองเท้าถึงทำได้เงียบไปเพราะ เทรนด์แฟชั่นมันไปแล้วไงค่ะ ต้นปี 56 ที่ฮิตสุดๆเลย คือรองเท้า New balance ค่ะ กับนาฬิกาอีกยี่ห้อคือ infantry เราขายของก็ต้องตามเทรนค่ะ เราบินเองเลยค่ะ บินซื้อรองเท้า New balance เองที่สิงค์โปร์ เราชอบซื้อตรงสาขา *SCAPE ใกล้ๆกับ orchard ค่ะ ส่วนนาฬิกา infantry เราสั่งกับบริษัทโดยตรง รอบนึงโดนภาษีทีละ 3000 ค่ะ แต่หักกำไรแล้วคุ้มค่ะ ตั้งแต่มีนา – กรกฎาคม เราได้กำไรมา 40000 กว่าค่ะ แต่หลังจากนั้นกระแสก็ซาลงอาจจะเพราะรองเท้าคู่นึงราคาแพงค่ะนาฬิกาก็เรือนเป็นพัน กำลังซื้อก็น้อยลง เพจเฟสบุ๊คก็เริ่มร้างค่ะ เอาตรงๆเราไม่รู้จะหาอะไรมาขายด้วยค่ะ และอีกอย่างแฟนก็กระตุ้นบอกให้เลิกทำ เราก็เลยปิดตำนานบนเฟสบุ๊คไป แต่เพจถ้าเซิสชื่อก็ยังเจอนะค่ะ มี คนไลค์หมื่อนกว่าคนซึ่งเป็นผลมาจากลงโฆษณาผ่านทาง FB ค่ะ
ช่วงที่หยุดขายของกินบุญเก่า ก็ลดลงๆ แถมวันๆก็เพ้อ อยากมีรถ มี บ้าน มีเงินใช้ แต่พอตั้งสติ ก็เออจะมีได้ไงว่ะ ถ้าไม่ทำมาหากิน เราจึงหยิบกระดาษมาแผ่นนึงค่ะ แล้วเขียนว่าตัวเองถนัดอะไร อยากทำอะไร แล้วก็เปิดหาบทความในเน็ตอ่านค่ะ ว่าแนวทางของคนอื่นๆเป็นไง แล้วเราก็พบกับจุดเปลี่ยนชีวิตที่ไม่ใช่พวกธุรกิจขายตรงนะค่ะ
** เดี๋ยวมาต่อนะค่ะ ขอทำไปทำธุระสักครู่ค่ะ ( ขออนุญาตแท็กมนุษย์เงินเดือน เพื่อเป็นแนวทางในการหาอาชีพเสริมหรือผันมาเป็นนายตัวเองค่ะ)