ช่วยพิจารณาหน่อยว่างานเข้าผมหรือไม่ (โดนแกล้งหรือไม่) ภาค 1

กระทู้สนทนา
มีเรื่องอยู่เรื่องหนึ่งที่จะเล่าให้ท่านฟังแล้วช่วยพิจารณาให้ผมหน่อยน่ะครับ  

เรื่องมีอยู่ว่า  เมื่อวันก่อน 25 มิ.ย  ผมได้ไปรับพัสดุไปรษณีย์ที่สาขายานนาวา แล้วได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดอย่างหนึ่งขึ้นกับผมโดยจะลำดับเหตุการณ์ต่าง ๆให้ท่านฟังครับ  

ในการไปรับพัสดุส่งคืนที่ไปรษณ๊ย์สาขายานนาวานี้ผมไปรับอยู่บ่อย ๆ   เพราะไม่ค่อยอยู่บ้าน จึงไม่ได้รับพัสดุเวลาคนส่งมาส่งที่บ้าน ครั้งนี้ก็เช่นกันคนจ่ายพัสดุ(คนส่งพัสดุ)ได้มาส่งพัสดุที่บ้านผมแล้ว ก็ไม่เจอผมอีก  แต่ครั้งนี้ต่างกันตรงที่คนส่ง(พนักงานนำจ่าย) ไม่พบเลขบ้าน  จึงไม่ได้ให้ใบสีชมพูไว้ ((ใบสีชมพูหมายถึงใบรับพัสดุสำหรับเอาไปรับพัสดุที่สาขาไปรษณีย์ที่ระบุไว้ในนั้น  เวลาคนส่งมาส่งแล้วไม่มีใครเซ็นต์รับพัสดุ  ใบสีชมพูจึงเป็นหลักฐานที่จะเอาไปรับพัสดุนั่นเอง)   ซึ่งในกรณีที่แล้ว ๆ มาผมจะได้รับใบสีชมพู  เพราะเวลาสั่งซื้อสินค้าจะให้เจ้าของสินค้าจ่าหน้าเลขที่บ้านเดิมตลอดมา  แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมให้เขาจ่าหน้าบ้านเลขที่ ๆ ทางราชการออกให้ใหม่ล่าสุด และยังไม่ได้ติดเลขที่บ้านใหม่  โดยพัสดุส่วนใหญ่ที่เจ้าของร้านที่ผมสั่งซื้อสินค้าทางเน็ตก็จะส่งสินค้าให้แต่เป็นพัสดุธรรมดาหรือพัสดุอีเอ็มเอสก็ไม่ค่อยได้สังเกตุ  แต่ครั้งล่าสุดที่มีปัญหานี้เป็นพัสดุอีเอ็มเอส (ในความคิดของผมขณะนั้น คิดว่าที่แล้วมาคงจะเป็นพัสดุธรรมดา จึงเป็นช่องทางให้คนชั่วได้แกล้งผม)  


ครั้งล่าสุดนี้จึงต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา   คือต่างกันตรงที่ เจอบ้านผู้รับกับไม่เจอบ้านผู้รับ  ครั้งนี้ผู้นำจ่าย(คนส่ง)ไม่พบเลขบ้านตามจ่าหน้า(ไม่เจอบ้านผู้รับ) จึงนำพัสดุกลับที่ทำงานไปรษณีย์แล้วไม่ได้ให้ใบสีชมพูไว้  (ผมเดาเอาน่ะ ผิดถูกเดี๋ยวจะมีข้อมูลให้ท่านพิจารณาใน  8 กรณีด้านล่าง)

โดยที่ผมรู้เพราะเมื่อสินค้าถึงช้าผิดปกติ ผมจึงให้เจ้าของสินค้าดำเนินการตรวจสอบให้  เขาบอกว่าทางไปรษณีย์ ส่งสินค้าให้แล้ว  แต่ไม่พบบ้านเลขที่ตามจ่าหน้า  คนส่งจึงนำพัสดุไปรษณีย์ กลับคืนสาขายานนาวาโดยคนส่งระบุเหตุผลว่าไม่พบเลขบ้านตามจ่าหน้าจึงไม่สามารถส่งพัสดุให้ผมได้ ตามด้านบน   ทางไปรษณีย์จึงให้เลขรหัสประจำกล่องพัสดุมา (หรืออะไรประมาณนี้) แก่เจ้าของสินค้า เป็นรหัส el059421079th เขาจึงบอกผม ให้ผมจดไว้แล้วให้ผมนำไปเป็นหลักฐานในการรับพัสดุที่ไปรษณีย์สาขายานนาวา ผมก็คิดว่าน่าที่จะไปรับที่ห้องเดิมที่เคยรับเป็นประจำคือห้องรับพัสดุในกรณีตีกลับ   (เพราะกรณีนี้ก็คงเหมือนกรณีได้รับใบสีชมพู)  ผมจึงนำเลขรหัสดังกล่าวที่ได้มายื่นเพื่อรอรับพัสดุกับเจ้าหน้าที่  เจ้าหน้าที่   ก็นำเอาเลขรหัสนั้นไปตรวจสอบ แล้วบอกผมว่าให้ผมไปรับพัสดุที่ห้องนำจ่าย อีเอ็มเอส  (ด้วยความซื่อ เพราะคงเข้าแผนอันชั่วร้ายมันแล้ว อิอิ) ผมก็ไปที่ห้องนำจ่ายอีเอ็มเอส

เรื่องมีอยู่ว่าพอผมไปถึง  ไม่พบพนักงานสำหรับรับงานตรงนี้โดยตรง(จ่ายพัสดุในกรณีตีกลับ)  ซึ่งต่างจากห้องรับพัสดุที่ผมเคยไป  ผมก็ถามพนักงานที่อยู่ในห้องนั้นซึ่งส่วนใหญ่ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นพนักงานนำจ่าย(พนักงานผู้ส่งพัสดุ)  ที่รู้เพราะว่าเขาเหล่านั้นใส่เสื้อคลุมสีแดงดำ  (เหมือนกับบุรุษไปรณีย์อะไรประมาณนี้  คงเป็นชุดเครื่องแบบเขากระมัง  ) พนักงานคนที่ใส่ชุดดำแดงคนใดไม่ทราบจำไม่ได้ก็เอารหัสผมไปตรวจสอบ แล้วก็พูดโยกโย้ไปมาอีก เอารหัสไปทางนู้นทางนี่คล้ายจะถ่วงให้หมดเวลาราชการ (เหมือนแข่งฟุตบอลโลกตอนนี้เลยก็ว่าได้ตอนเวลาข้างใดข้างหนึ่งขึ้นนำ อิอิ)ถ่วงเวลาอยู่นานโข  ถามนู้นถามนี่  สุดท้ายคำตอบจากเจ้าหน้าที่นำจ่ายคนหนึ่งชื่อว่านายอรรถพล  อินทรีย์ (ทราบภายหลังโดยผมถามชื่อไว้หลังจากโต้เถียงกันเสร็จ  แล้วผมก็ลงท้ายคำพูดของผมว่า  แล้วเราจะได้เจอกันในพันทิพ อิอิ)นายอรรถพล  บอกผมว่าไม่สามารถรับพัสดุได้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่อยู่ ผมก็เลยบอกว่าอ้าวแล้วผมจะได้รับพัสดุเมื่อไหร่หละ  นายอรรถพล ฯ  บอกว่าต้องรอพนักงานนำจ่าย (คนส่งที่ไปส่งที่บ้านผม)กลับเข้าก่อนตอนนี้เขาไม่อยู่  ผมจึงรู้ได้ทันทีว่าผมงานเข้าแล้ว(โดนแกล้ง) ด้วยความเฉลียวใจผมจึงเดินออกไปดูที่หน้าประตูห้องประตูเปิด ปิด  ที่ผมอยู่ในขณะนั้น  ประตูเขียนว่าห้องนี้เป็นห้องนำจ่าย(ห้องนำจ่าย หมายถึง ห้องทำงานที่ไว้เก็บพัสดุต่างที่ชาวบ้านส่งมา  แล้วก็จะจัดให้พนักงานนำจ่าย(ส่ง) ส่งไปยังบ้านเรือนต่าง ๆ ที่ระบุไว้ตามจ่าหน้า)    

ไม่ว่าผมหรือคุณผมว่าก็ต้องของขึ้นแน่เมื่อได้รับคำตอบจากพนักงาน  เมื่อเรามารับพัสดุแต่ไม่มีเจ้าหน้าที่จ่ายพัสดุรับผิดชอบงานตรงนี้  จากคำตอบของนายอรรถพล  คือต้องรอพนักงานนำจ่าย(คนส่งพัสดุ)เข้ามาที่ทำงานก่อนถึงจะรับพัสดุได้  เอาสั้น ๆ แค่นี้แล้วกันน่ะ  

แล้วในที่สุดผมก็ไปที่แผนกต้อนรับเพื่อจะขอพบหัวหน้าสาขาเพื่อจะสอบถาม  ก็ถูกบ่ายเบี่ยงอีก จึงกลับมาที่ห้องที่เคยรับพัสดุตอนที่มีใบสีชมพู  โดยผมโวยวายแล้วพูดว่า “เป็นอันว่าพัสดุนี้จะมาในห้องนี้ภายในกี่วัน  ผมจะได้มารับหรือโทรมาถามให้แน่นอนไม่ใช่มาโยกโย้อย่างนี้”(ในความเข้าใจของผมขณะนั้นผมคิดว่าอย่างไรเสียพัสดุของผมต้องมาอยู่ในห้องนี้อย่างแน่นอนด้วยระบบงานที่จะอธิบายให้เห็นต่อไปด้านล่าง)  เท่านั้นเองเรื่องก็เลยจบ (ยอมรับสภาพมั้ง) ต่อมาเจ้าหน้าที่ ๆ ห้องจ่ายพัสดุที่ผมเคยไปรับเวลามีใบสีชมพู  ก็เลยนำผมไปที่ห้องนำจ่ายอีเอ็มเอส ที่เขาเองบอกให้ผมไปรับพัสดุตอนแรก เขาก็เลยเดินเรื่องให้ผม ๆ จึงเลยได้รับพัสดุ  ผมสังเกตุดูสมุดเซ็นต์รับก็ไม่มี  ถ้าเป็นงานประจำก็ต้องมีสมุดไว้ลงลายมือชื่อเป็นหลักฐานเหมือนห้องที่ผมเคยไปรับอยู่เสมอ ๆ (ตรงนี้ก็เป็นที่น่าสังเกตุ ในกรณีที่ผมคิดว่าเขาแกล้งผมแน่นอน)  ทั้งที่งานตรงนี้ในระบบงานน่าจะเป็นงานประจำ  น่าที่จะมีสมุดสำหรับเซ็นต์รับพัสดุไว้เป็นหลักฐานสำหรับทางไปรษณีย์เอง (เหมือนกับห้องรับพัสดุที่ผมไปรับตอนมีใบสีชมพู) แต่กลับพิมพ์จากคอม ฯ เอาเฉพาะเป็นราย ๆ ไป คือผมมารับทีก็พิมพ์ที  เหมือนกับทำงานตรงนี้ให้ผมคนเดียวไว้เป็นหลักฐานว่าผมรับพัสดุไปแล้ว (หลังจากที่แกล้งผมไม่สำเร็จแล้ว) โดยผมคิดว่าเขาจะแกล้งให้ผมกลับบ้านไปก่อน (ให้เสียเวลาเล่น ๆ สะใจตูอะไรทำนองนี้)  แล้วให้ผมมาอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น   แล้วผมก็จะไปที่ห้องนำจ่ายพัสดุอีเอ็มเอส  แล้วก็จะบอกว่าพัสดุของคุณส่งไปที่ห้องที่ผมเคยไปรับพัสดุที่มีใบสีชมพูแล้ว ให้โมโหสุด ๆ เสียงั้นมั้ง)  

ซึ่งความเป็นจริง(ถ้าเขาไม่ได้แกล้งผมจริง)  การทำงานลักษณะนี้ดูมันจะล้าช้าเกินไปด้วยซ้ำ ถ้าหากมีผู้ใช้บริการมาก ๆ  ทั้งยังสิ้นเปลืองอีกด้วยซ้ำ  ความเข้าใจของผมตามระบบงานเช่นนี้เป็นไปไม่ได้  ซึ่งด้านล่างผมจะได้อธิบายเกี่ยวกับระบบงานของไปรษณีย์ตามความเข้าใจของผม ให้ท่านเข้าใจโดยละเอียดอีกทีครับ


ก็ขอให้ท่านพิจารณาเรื่องที่ผมเล่ามาทั้งหมด  พิจารณาว่าผมถูกแกล้งหรือไม่  ซึ่งผมว่าผมไม่มีทางเข้าใจผิด  เพราะผมพอจะเข้าใจระบบงานพวกนี้พอสมควรเพราะผมก็พอมีความรู้ทางนี้บ้าง งานมันก็คล้าย ๆ งานของพนักงานเก็บบิลตามบริษัทเอกชนทั่วไปเท่านั้นเองครับ  ไม่ได้สลับซับซ้อนอะไร  เป็นเพียงภาษาที่ใช้มันต่างกัน  เพราะไปรษณีย์เป็นหน่วยงานราชการ (วิสาหกิจ)ภาษาที่ใช้จึงเป็นภาษาราชการซึ่งเข้าใจยากเท่านั้นเอง  จึงอาจจะทำให้สับสนบ้าง  ท่านอ่านแล้วท่านต้องพยายามทำความเข้าใจให้ดีหน่อยน่ะครับ  ( รำพรรณ   “คล้าย ๆ ว่า  เออ เดี๋ยวตูจะไม่ได้รับความเป็นธรรม” อะไรประมาณนี้  อิอิ)   ลองดูระบบงานที่ไปรษณีย์วางไว้น่ะครับ

พัสดุแบ่งออกเป็น 2 ประเภท พัสดุธรรมดา  กับพัสดุอีเอ็มเอส  ซึ่งทั้งสองกรณีนี้จะมีห้องนำจ่ายเหมือนกัน(ห้องนำจ่ายหมายถึงห้องทำงานสำหรับเก็บพัสดุที่เรา ๆ ท่านส่งพัสดุไปนั่นเอง เป็นห้องที่เก็บพัสดุไว้ถึงเวลาก็ให้พนักงานนำจ่าย (พนักงานส่งพัสดุ  คนจ่ายหรือเรียกอีกอย่างว่าคนส่ง นั่นเองครับ แต่เรียกภาษาราชการว่าพนักงานนำจ่าย) แล้วห้องเก็บพัสดุนี้ก็คงแยกกัน เป็นสองห้อง  คือห้องเก็บพัสดุธรรมดา กับห้องเก็บพัสดุอีเอ็มเอส  เมื่อพนักงานนำจ่าย (คนส่งพัสดุ)  นำพัสดุใส่รถเรียบร้อยแล้วก็นำออกจ่าย(ส่ง)ตามบ้านเรือน ถ้าพบผู้รับก็จ่าย(ส่ง)ไป  ถ้าจ่าย(ส่ง)ไม่ได้ก็จะเข้าใน 8 กรณีที่นำจ่าย(ส่ง)ไม่ได้   ตามข้างกล่องพัสดุที่ระบุไว้ที่ข้างกล่องซึ่งเราก็เห็นกันถ้าสังเกตุ
1.จ่าหน้าไม่ชัดเจน
2.ไม่มีที่อยู่ตามจ่าหน้า
3.ไม่ยอมรับ
4.ไม่มีผู้รับตามจ่าหน้า
5.ไม่มารับภายในกำหนด
6.ไม่มีจ่าหน้าหรือจ่าหน้าสูญหาย
7.ย้ายไม่ทราบที่อยู่ใหม่
8.อื่น ๆ

ตามความเข้าใจผมทั้ง 8 กรณี คือการนำจ่าย(ส่ง)ไม่ได้  แล้วในที่สุดพัสดุก็จะเข้าระบบงานที่วางไว้ ซึ่งเป็นขั้นตอนของทางไปรษณีย์  แต่ในที่สุดพัสดุทั้ง 8 กรณี ก็ต้องมาอยู่ที่ ห้องรับพัสดุที่เรา ๆ ท่าน ๆไปรับกันเวลาได้รับใบสีชมพู  เพราะมันเข้าสู้ระบบที่วางไว้

ท่านคิดดูว่าในกรณีของผม  พนักงานกลับให้ไปรับที่ห้องนำจ่ายพัสดุอีเอ็มเอส (ห้องเก็บพัสดุครั้งแรกที่รับพัสดุมาจากที่ต่าง ๆ  ซึ่งไม่เกี่ยวกับการจ่ายพัสดุตีกลับเลย พัสดุตีกลับเมื่อเข้าใน 8 กรณีแล้วจะต้องไปอยู่ในที่ห้องจ่ายพัสดุตีกลับถึงจะถูกต้อง (ห้องรับพัสดุเวลาที่ได้รับใบสีชมพู  ตรงนี้ค่อนข้างจะชัดเจนว่าไปรษรีย์ยานนาวาวางแผนแกล้งผม)  

ในกรณีที่เกิดกับผมนี้ (ถ้าไม่ได้แกล้งผม ถ้าผมเข้าใจผิด)  ตามระบบงานที่วางไว้เป็นอย่างงั้นจริงก็ต้องมีพนักงานจ่ายพัสดุส่งคืนเหมือนกับห้องรับพัสดุที่เวลาผมไปรับพัสดุในกรณีที่ผมได้รับใบสีชมพู  อีกกรณีหนึ่งถ้าคิดว่าเป็นพัสดุอีเอ็มเอส ต้องเก็บรักษาไว้เฉพาะ  ก็ดูจะแปลกๆ แล้วก็เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด  เพราะถ้าจะทำอย่างนั้น ห้องเก็บพัสดุอีเอ็มเอส   ก็ต้องมีพนักงานเฉพาะสำหรับจ่ายพัสดุที่นำส่งไม่ได้   ในห้องนำส่งพัสดุอีแอ็มเอสโดยเฉพาะ  นี่นายอรรถพล ฯ  กลับบอกผมว่ารับไม่ได้ต้องรอพนักงานนำจ่าย(คนส่งพัสดุที่มาส่งที่บ้านผม)กลับมาจ่ายให้  โอแม่เจ้า  เป็นท่าน ๆ จะทำอย่างไร  โวยไม่จ๊ะ    กรุงเทพ ฯ รถก็ติด  สารพัดปัญหาบนท้องถนน  ผมต้องมาอีกกี่ครั้งถึงจะเจอ ท่าน     นี่แหละครับระบบราชการไทย  ไม่พอใจใครคนนั้นก็โดนเยี่ยงผม   นี่ขนาดผมบอกพวกเขาน่ะว่าผมเป็นข้าราชการ เขายังกล้าทำกับผมเยี่ยงนี้  ถ้าเป็นตาสีตาสา  จะโดนเยี่ยงไร  เมื่อสี่สิบห้าสิบปีก่อนไปถามตาสีตาสาดูซิ  เวลาไปส่งโทรเลขกันน่ะไปอย่างไร   โดนกันอานขี้  (ใบคำร้องที่จะเขียนข้อความที่จะส่งโทรเลขยังต้องเสียเงินเลย  คิดเอาเอง)  สมัยก่อนคอมมูนิส ถึงเต็มบ้านเต็มเมืองไง  ข้าราชการไปไหนโดนเชือด  เหมือนกับเหตุการณ์ในภาคใต้ตอนนี้แหละ (ผมยังโดนอนิสงค์จากคนชั่วที่ทำไว้ในสังคมกับเขาด้วยเลย  ตอนผมรับราชการในพื้นที่สีชมพู)

กรณีนี้ ผมจะนำเรื่องนี้ไปฟ้องศาลเรียกร้องค่าเสียหายแก่ไปรษณีย์เป็นตัวอย่างไว้เป็นคดีศึกษา   เพราะพัสดุผมเป็นพัสดุอีเอ็มเอส   เป็นการส่งในกรณีพิเศษจะต้องถึงมือผู้รับโดยด่วน หรืออีเอ็มเอส( Express Mail Service)  ความหมายexpress  N. การส่งแบบเร่งด่วน (ไปรษณีย์)
http://th.w3dictionary.org/index.php?q=express    แต่ในกรณีผมที่งานเข้าผมนี้(แกล้งผม)  วางงานผม (วางงาน =วางแผน) กันไว้ทั้งสาขาของไปรษรีย์ยานนาวา ไม่ใช่คนใดคนหนึ่งทำจะกระทำได้สำเร็จ  จะต้องเป็นขบวนการ เพราะไปรษณีย์มีโรงเรียนสอนทางด้านการไปรษณีย์โดยตรงครับที่ผมรู้มา  เพราะฉนั้นพนักงานจะไม่รู้ระบบงานเป็นไปไม่ได้  เพราะมันฟ้องจากระบบงาน  ระบบงานมันสัมพันธ์กันโดยระบบ  เมื่อผิดแผกไปมันจึงเห็นชัดเจนครับ   เมื่อเราไปใช้บริการใด ๆก็แล้วแต่  ถ้าเราสัมผัสกับระบบงานที่เราไปใช้จะรู้เลยว่าถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง  

ในกรณีผมนี้ท่านคิดว่าอย่างไรล่ะครับงานเข้า(แกล้งผม)หรือไม่   อย่าถามผมเหมือนพนักงานไปรษณีย์แผนกต้อนรับน่ะครับว่าเขาจะแกล้งคุณไปทำไม  อยากหัวเราะดัง ๆ ครับ

โลกนี้ยังมีอะไรที่ลี้ลับอัศจรรย์พรรณลึก และฯลฯ  ที่มนุษย์อย่างเรา ๆ ยังค้นไม่พบอีกมากมายครับ  อย่างผม ๆ ก็ว่าผมเจอเรื่องลี้ลับน่ะในกรณีนี้  ที่คิดว่าเขาแกล้งผมนี่ แต่เล่าสาเหตุให้ท่าน ๆ ทั้งหลายฟังๆไม่ได้(ที่คิดอยู่ในใจ) ถ้าเล่าสาเหตุให้ท่านทั้งหลายฟังเขาก็หาว่าผมบ้า  ผมจึงถามท่านทั้งหลายไง ในเมื่อผลลัพท์มันเกิดกับผมอย่างนี้  ซึ่งผลลัพท์มันค่อน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่