สารวัตรโรงหนังไปดูมาแล้ว "Transformers: Age of Extinction" หุ่นยนต์น่าเบื่อขึ้น แต่คนพัฒนาขึ้น (ไม่ Spoil)

การกลับมาอีกครั้งของหนังแอคชั่นทุนสร้างมหาศาล ของเจ้าพ่อผู้กำกับหนังแอคชั่นระเบิดมันตั้งแต่ภูเขายันเผากระท่อม ใน Transformers ภาค 4 Age of Extinction ที่ยังคงมาในแนว concept เดิม คือเนื้อเรื่องเราไม่เน้น ไม่ต้องไปสนมันเยอะ เราเน้นฉากแอคชั่นเยอะๆ ใหญ่ๆ หุ่นยนต์แปลงร่างต่อยกันท่ามกลางความพินาศของตึกรามบ้านช่อง มนุษย์ก็วิ่งหนีหลบระเบิดหนีตายกันซะ ความมันส์แบบไม่ต้องใช้สมองแบบนี้แหละ ทำเงินถล่มทลายทั่วโลกชัวร์

การสร้างหนัง Transformers ภาค 4 นั้น มีการเปลี่ยนนักแสดงใหม่ทั้งหมด ซึ่งก็ได้ผลดีในการสร้าง drama ความสัมพันธ์แบบใหม่ๆ ที่ไม่จำเจกับสามภาคแรก มาร์ค วาลห์เบิร์ก รับบทนำในบทคุณพ่อนักประดิษฐ์ที่มีปัญหาการเงิน บ้านใกล้โดนยึด และยังต้องเลี้ยงลูกสาววัยฮอร์โมนพลุ่งพล่านที่แอบออกเดทกับหนุ่มนักแข่งรถ ตรงส่วนนี้หนังทำออกมาได้ดีเกินคาด คนดูสามารถรับรู้ได้ถึงความสัมพันธ์ ความห่วงใยที่พ่อและลูกสาวมีต่อกัน ทำให้ช่วงแรกๆของหนังมีช่วงเวลาที่ดูสนุกดีอยู่

หากแต่เมื่อหนังเริ่มประเคนฉากแอคชั่นมาให้ แทนที่ความมันส์จะบังเกิด มันกลับกลายเป็นตรงกันข้าม ฉากแอคชั่นถูกใส่มาอย่างมากมายจนเกินพอดี ทั้งยังยืดยาวเกินความจำเป็น แต่ผู้กำกับ ไมเคิล เลย์ ก็ขึ้นชื่อเรื่องเต็มที่ใส่ไม่ยั้งกับฉากแอคชั่นอยู่แล้ว แต่นั่นแหละ ยังไงมันก็ล้นจนเกินความพอดีไปเยอะอยู่ บางฉากถึงขั้นไม่มีความจำเป็น เช่นฉากวิ่งหลบซ่อนกันในยานอวกาศ แทนที่คนดูจะมันส์ไปกับฉากแอคชั่น เลยกลายเป็นเวียนหัวกับฉากระเบิด ฉากซิ่งรถ ประกายไฟ เสียงปืนจำนวนมาก ที่ไม่รู้จักจบสิ้นกันสักที

เหล่าหุ่นยนต์ Transformers ทั้งหลาย ที่น่าจะเป็นจุดขายของหนังเรื่องนี้ แต่ภาค 4 นี้ กลับไม่ค่อยมีอะไรใหม่ๆมาให้ตื่นตาตื่นใจเท่าไร ก็แน่ล่ะ เห็นหุ่นแปลงร่างมาตั้ง 4 ภาคแล้ว มันก็ไม่ค่อยตื่นเต้นเหมือนกับตอนเห็นครั้งแรกๆ หุ่น Transformers ตัวใหม่ๆ ก็ไม่ได้มีบทบาทอะไรที่น่าประทับใจนัก ตัว Optimus Prime ก็ดูไม่ค่อยมีความเป็นผู้นำเท่าไรนัก ส่วน Bumble Bee ก็ถูกลดบทบาทลงไปมาก คือหุ่น transformers ในภาคนี้ เหมือนจะโผล่มาแค่แปลงร่างให้ดู กับโชว์ฉากชกต่อยกันแค่นั้น

แต่จะบอกว่า Transformers 4 นี้ ไม่มีความสนุกเลยก็ไม่ใช่ อย่างหนึ่งที่ผมชื่นชอบในหนังเรื่องนี้ รวมถึงหนังของ ไมเคิล เบย์ อีกหลายๆเรื่อง คือมันมีอารมณ์ขันและมุกตลกที่สนุกสนานในหลายๆช่วง ท่ามกลางความวินาศสันตะโร เขามักจะปล่อยมุกตลกเด็ดๆโดนๆออกมาได้ถูกจังหวะเสมอ ตรงนี้ทีมนักแสดงมีส่วนช่วยได้มาก ที่ร่วมกันสร้างสีสันสนุกสนานได้ตลอดเรื่อง และมุมกล้องที่สวยงามและการตัดต่อที่ฉับไวเหมือนหนังโฆษณาก็ถือว่าเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของหนังเรื่องนี้ ตามสไตล์ ไมเคิล เบย์   

หนังเรื่องนี้มีความยาว 2 ชั่วโมง 45 นาที (จะนานไปไหน) เพราะฉากแอคชั่นที่ยืดยาวมากมาย ถ้าลดฉากแอคชั่นลงและทำให้หนังยาวเหลือสักสองชั่วโมงเต็ม มันน่าจะดูสนุกกว่านี้  

3 ดาว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่