ที่บ้านเมืองวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้เพราะมีคนกลุ่มหนึ่งพยายามสร้างภาพว่าเป็นกลุ่มคนดีมีการศึกษารักชาติจนน้ำตาไหล สร้างดราม่าปลุกเร้าความเกลียดชัง สร้างวาทกรรมสวยหรูที่สร้างความแตกแยก

ที่หนักหนาคือพรรคที่แพ้เลือกตั้งประจำบวกนักวิชาการที่ไม่เห็นหัวประชาชนได้พยายามยัดเยียดความเชื่อผิดๆ ว่า "ประชาธิปไตยคือเลือกตั้ง มันจะดีอย่างไร มันเอื้อนักการเมืองโกง"

แต่ที่จริงแล้ว "เลือกตั้งเป็นแค่กระบวนการหนึ่งในประชาธิปไตย ประชาธิปไตยที่อ่อนแอต่างหากที่เอื้อต่อนักการเมืองโกง" เพราะระบบตรวจสอบอ่อนแอ ประชาชนขาดการมีส่วนร่วม ขาดพลังในการขับเคลื่อน ประชาธิปไตยคือการให้สิทธิความเสมอภาคประชาชน คนยากจน คนด้อยโอกาสยิ่งสมควรได้รับการดูแล เขาต้องสามารถเข้าถึงปัจจัยสี่และสาธารณูปโภคได้ ต้องมีโอกาสทั้งด้านการศึกษา การรักษาพยาบาล การประกอบอาชีพ ฯลฯ เมื่อคนในชาติมีความรู้ มีคุณภาพชีวิตดี ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เขาก็จะมีส่วนร่วมในการเมือง สามารถกดดันให้พรรคการเมืองปรับตัวและพัฒนา ทำให้ระบบตรวจสอบเข้มแข็ง การโกงก็น้อยลง

ดังนั้นสังเกตได้เลยพรรคการเมืองไหนที่ประชาชนเลือกมาจะตั้งใจทำงาน คิดหานโยบายดีๆ มุ่งทำมาค้าขายกับต่างชาติ เน้นสร้างผลงาน มีแนวคิดให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีทั่วหน้า เพราะเขาคิดว่าถ้าผลงานดี ประชาชนจะเลือกเขาอีก แต่พวกเต่าล้านปี ผูกขาดผลประโยชน์มาตลอดไม่เคยเห็นใจคนจน จะคิดว่าคนจนโง่ ซื้อเสียงได้ คิดอะไรไม่เป็น ต้องให้พวกเขาซึ่งเป็นคนดีมีการศึกษาจัดการทุกอย่างให้ พวกนี้จะไม่ให้ความสำคัญกับประชาธิปไตยเลย เขาไม่จำเป็นต้องสร้างผลงานเพื่อชนะใจประชาชน (สมัยนายกทักษิณ เราตั้งเป้าหมายจวนเทียบเท่าสิงคโปร์ มาวันนี้ศ.ท่านนึงตั้งเป้าหมายที่พม่าเมื่อ 50 ปีที่แล้ว โปรดดูแนวคิด)

หากเกิดปัญหาตรงไหนก็แก้ที่ตรงนั้นด้วยความยุติธรรม ด้วยหลักการ ไม่ใช่ใช้มโน ใช้ดราม่า ใช้พจนานุกรม ไม่ใช่การริดรอนสิทธิประชาชน  ปิดหูปิดตาคนอื่นไม่พอ ยังปิดหูปิดตาตัวเองอีกด้วยการบอกว่า คนอื่นไม่เข้าใจเรา เราไม่เหมือนใคร มันต้องทำแบบนี้แหละ การคิดแบบนั้นก็คือพื้นฐานความคิดว่าเราเก่ง เราดี คนที่เห็นต่างจากเราโง่และเลว ดังนั้นเรามีอภิสิทธิ์ในการจัดการ ไม่ต้องแคร์สื่อ เมื่อก่อนประชาชนก็งงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในประเทศนี้ แต่เดี๋ยวนี้คนรู้กันเยอะแล้ว ต่างชาติก็รู้ เราถึงได้โดนตอบโต้อยู่นี่