วิ่งวิ่งวิ่ง(RunRanRun) : วันฟ้าครึ้มกับAir Max 2014ในสวนรถไฟ
สวนรถไฟเป็นสวนสาธารณะที่ผมไปวิ่งบ่อยที่สุดโดยเฉพาะในช่วงเสาร์อาทิตย์ เนื่องจากขับรถไม่ไกลจากบ้านมากนัก แต่ก่อนจะเสียค่าเข้าไปจอดรถ 10 บาท ปัจจุบันต้องเสียค่าเข้าไปจอดรถ 20 บาท ระยะทางที่ผมวิ่งส่วนใหญ่คือ 8-10 กิโลเมตร โดยผมจะวิ่งในลักษณะเป็นแผนที่อิตาลี หรือผมจะเรียกว่า
“Italian Run” ทั้งนี้ 1 รอบอิตาลี จะมีระยะทางประมาณ 2.4 กิโลเมตรตามที่ GPS ของ Nike+ ผมจะเริ่มวิ่งเวียนทางขวาซึ่งจะสวนทางกับนักปั่นจักรยานทั้งหลายที่ปั่นเวียนทางซ้าย ถ้าไปช่วงเช้าประมาณตี 4.30-5.00 น. ก็จะวิ่งสบายหน่อย เพราะจำนวนคนที่มาใช้บริการสวนรถไฟยังไม่มาก แต่พอประมาณ 7.00 น. จำนวนคนที่มาปั่นจักรยานจะเพิ่มเยอะขึ้น
Distance : Italian Run รอบละ 2.4 กิโลเมตร วิ่งวนไปทางขวา ผ่านสนามบาสเก็ตบอลขนาดเล็ก ผ่านศาลพระภูมิ ยกมือไหว้ซักนิดเพื่อความสบายใจหากคุณเริ่มวิ่งตั้งแต่เช้ามืด 555555 วิ่งไปเรื่อยๆ จะผ่าน outdoor fitness ที่จะมีเครื่องออกกำลังกายให้ฟิตกล้ามกัน วิ่งต่อไปจะผ่านสระน้ำขนาดใหญ่ที่กั้นเรากับสวนโมกข์กรุงเทพเพียงไม่ไกล หลังจากนั้นก็จะครบรอบ Italian Run ที่ประตูทางออก ใครที่ยังไม่เคยไปอิตาลี ลองมาวิ่งรอบอิตาลีกับผมนะครับ (จิตนาการสำคัญกว่าความรู้.....ไอน์สไตน์กล่าวไว้.....หรือผมจินตนาการมากเกินไป????5555)
Italian Run วิ่งรอบรองเท้าบูทครับ!!!
Best Time to Run : ถ้าตื่นเช้าไหวก็เริ่มซัก 4.30-5.00 น. เพราะถ้าวิ่งซัก 5-6 รอบก็ประมาณ 10 กิโลพอดี น่าจะจบประมาณ 6.00-6.30 น. แล้วแต่ความแรงของแต่ละคน หลังจากนั้นก็ยืดกล้ามเนื้อ เดินเล่น หาน้ำดื่ม นั่งชมนกชมไม้ สูดออกซิเจนเข้าลึกๆ ให้เวลามันเดินช้าลงบ้าง เก็บงานเก็บปัญหาไว้ก่อน หรือถ้าตื่นสายหน่อยก็ 6.00 น. กำลังดี แต่ถ้าสายกว่านี้อาจหาที่จอดรถยาก และมีคนมาปั่นจักรยานเยอะอาจจะวิ่งไม่ค่อยสนุก ส่วนถ้าจะมาวิ่งตอนเย็นไม่ค่อยแนะนำ เพราะถ้าวิ่ง Italian Run จะให้ความรู้สึกเหมือนวิ่งในเวียดนามมากกว่า!!!! เนื่องจากจำนวนคนปั่นจักรยานเยอะจริงอะไรจริงจ้า!!!
สูดออกซิเจนเข้าลึกๆ ให้เวลามันเดินช้าลงบ้างครับ
ฟังเพลงที่เราชอบจะทำให้สนุกกับการวิ่งครับ แต่ถ้าอกหัก ขอให้งด Green Wave ครับ ไม่งั้นอาจวิ่งลงสระน้ำได้ 555
Route Hilight : อาหารยามเช้าเลยจ้า!!!! ใกล้ๆ ที่จอดรถจะมีตลาดยามเช้า ของกินอร่อยๆ เยอะแยะเต็มไปหมด ที่แนะนำคือ ข้าวมันไก่ กระเพาะปลา บะหมี่เห็ดและต้นหอม เป็นต้น ถ้าไม่อร่อยให้กระโดดถีบ...........เจ้าของร้านเลยครับ5555 นอกจากนี้หมูปิ้งร้านที่มีพี่ผู้ชายปิ้งก็อร่อยนะ แต่ต้องรอสายๆ ซัก 7.30-8.00 น. เพราะแกมาปิ้งสายครับ ก่อนกลับก็ซื้ออาหารทำบุญใส่บาตรซักหน่อยก็ดีครับ
*ระวัง!!! ถ้ามาเช้าๆ อาจจะต้องระวังตัวเงินตัวทองขนาดน้องๆ ก็อตซิลล่า!!! ที่เดินข้ามทางวิ่งอย่างสโลโมชั่น!!!!
*ระวังอุบัติเหตุ!!! ผมเจอมาแล้ว!!! เรื่องมีอยู่ว่า......ระหว่างวิ่งในสวนรถไฟ....โดนรถส่งนมชน......โครม!!!!.....เหมือนจอมยุทธ์ที่ลมปราณแตกซ่านระหว่างฝึกวิทยายุทธ์....ไม่ครับ!!!.....ไม่ได้กระอักเลือด.....แต่กำเดาทะลัก!!!!....ขอวิงวอนสาวสวยทุกคนที่จะมาปั่นจักรยาน....ให้ซื้อสปอร์ตบรามาสวมใส่นะครับ......ก็เข้าใจว่าใส่แจ็คเก็ตมากันแดด....แต่พอปั่นไปซักพัก เกิดร้อน.....จึงค่อยๆ รูดซิปลงทีละน้อย.....เวลาปั่นจักรยานเสือหมอบต้องก้มปั่น...กรุณาอย่านึกภาพเกินเลยไปนะครับ........รถส่งนมพุ่งชนผมโครมใหญ่!!!!!.....คือ ตาผมก็เล็กๆ ยังเบิกกว้างประหนึ่งเป็นอุลตร้าแมน!!!!....หลงทางเสียเวลาหลงสบ....สายตาเสียการทรงตัว!!!!
กระเพาะปลาแสนอร่อยที่สวนรถไฟ
ข้าวมันไก่ก็ห้ามพลาดนะครับ
Kit : Air Max 2014
ถ้าถามว่า Air Max เป็นเทคโนโลยีใหม่รึเปล่า? ผมคงบอกว่าเป็นเทคโนโลยีที่เป็นตำนานมากกว่า
Air Max เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1978 คิดค้นโดย Frank Rudy และ Bob Bogert ซึ่งทั้งสองเคยเป็นอดีตวิศวกรอากาศยาน หลังจากนั้นก็มีการพัฒนามาจนกระทั่งมาถึง Air Max 1987 ซึ่งเป็นรองเท้ารุ่นแรกที่โชว์ถุงแอร์ (Air Bag) ที่ทำจากโพลียูรีเทนบริเวณส้นรองเท้า พร้อมกับโฆษณาของ Nike ที่โด่งดังทั่วบ้านทั่วเมืองที่ใช้เพลง Revolution ของวง The Beatle
โฆษณา Air Max 1987
ต่อมาในปี 2006 Air Max 360 ก็ถือกำเนิดขึ้นซึ่งทำให้รองเท้ารองรับด้วยถุงแอร์โพลียูรีเทนแบบเต็มๆ พื้นรองเท้าแทนที่จะใส่ไว้แค่เพียงที่ส้นรองเท้าเท่านั้น
หลังจากการออกแบบของ Air Max 360 ดูเหมือนกลุ่มเป้าหมายของ Nike ไม่ใช่เพียงนักวิ่งอีกต่อไป หากแต่กระจายไปถึงกลุ่มนักสะสมรองเท้า หรือแม้กระทั่งเข้าไปอยู่ใน Life Style ของกลุ่มผู้บริโภค
Air Max 2014
จนกระทั่งมาวันนี้ Air Max 2014!!!
ถ้าคุณเป็นนักวิ่งทั่วๆ ไปที่วิ่ง Pace 6 (6 นาทีต่อ 1 กิโลเมตร) และวิ่งด้วยระยะทางเฉลี่ย 10 กิโลเมตร ผมคิดว่ายังมีรองเท้าอื่นๆ ที่มีราคาถูกและเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่า แต่ถ้าคุณเป็นนักวิ่งที่กำลังจะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บโดยไม่เน้นความเร็วมากนัก Air Max 2014 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อสวมใส่ ผมแนะนำให้ใส่กับถุงเท้า Low Cut กำลังดูดี รึเปล่า??? (ขออภัยที่ยกเท้าให้ดูนะครับ)
Air Max 2014 มาพร้อมกับพื้นยางแบบใหม่ที่มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงรูปแบบพื้นด้วยลักษณะ Waffle คล้ายรองเท้ารุ่นดั้งเดิม แต่ถ้าเทียบกับ Air Max 2013 เราจะเห็นได้ว่าความกระชับในการสวมใส่ขาดหายไปใน Air Max 2014 เนื่องจาก Nike ดึงส่วนที่ปลอกหุ้ม (Sleeve) เพื่อกระชับภายในรองเท้าออกซึ่งทำให้ลิ้นรองเท้าเคลื่อนที่ไปมาถึงแม้จะผูกเชือกแล้วก็ตามที แต่ทั้งนี้ยังมีข้อน่าชื่นชมก็คือพื้นรองเท้าภายใน (Sockliner) ที่ให้ความรู้สึกสบายและรองรับแรงกระแทกดีขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้รองเท้า Air Max 2014 ยังสามารถสะท้อนแสงตรงบริเวณสัญลักษณ์ Nike และส้นเท้าในเวลากลางคืน เหมาะสำหรับคนที่ชอบวิ่งยามวิกาล!!!
พื้นของรองเท้า Air Max 2014
ส้นเท้าที่สามารถสะท้อนแสงยามค่ำคืนตรงบริเวณตัวอักษร "Air Max"
Summary
ส่วนตัวผมค่อนข้างชอบการออกแบบของ Nike เพราะสามารถใส่เดินเล่นได้ ไม่ดูเป็นรองเท้าวิ่งจนเกินไป แต่ถ้าใครเน้นรองเท้าที่ใช้วิ่งแบบจริงจังอาจมองข้ามไปได้เลยครับ เพราะยังมีรองเท้าวิ่งที่ราคาถูกกว่าและเบากว่า แต่ถ้าคุณเป็นนักวิ่งทั่วไปที่ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ หรือไปฟิตเนส ใส่ทำงานบ้างเที่ยวบ้าง Air Max 2014 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวครับ
ความลับของ Air ที่บรรจุใน Air Max
Use : เหมาะสำหรับใช้งานทุกพื้นผิว ยกเว้นวิ่งแบบบุกป่าฝ่าดงปาระเบิดเผากระท่อม (Trail) นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บ และผู้ที่ต้องการใช้งานรองเท้าที่หลากหลายทั้งวิ่ง ฟิตเนส และLife Style
Upper : แบบตาข่าย เพื่อระบายอากาศและมีน้ำหนักเบา
Midsole : รองรับด้วย Air Bag
Outsole : พื้นรองเท้าแบบ Waffle
"กระบี่อยู่ที่ใจครับ รองเท้าเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการวิ่ง รองเท้าสวยไม่ได้ทำให้วิ่งเร็วขึ้น แต่ใจที่อยากออกวิ่งต่างหากที่ทำให้ทุกก้าวย่างของเราสวยงามมากยิ่งขึ้น"
ลองหารองเท้าซักคู่แล้วไปวิ่งด้วยกันนะครับ!!!
[CR] วิ่งวิ่งวิ่ง(RunRanRun) : วันฟ้าครึ้มกับAir Max 2014ในสวนรถไฟ
สวนรถไฟเป็นสวนสาธารณะที่ผมไปวิ่งบ่อยที่สุดโดยเฉพาะในช่วงเสาร์อาทิตย์ เนื่องจากขับรถไม่ไกลจากบ้านมากนัก แต่ก่อนจะเสียค่าเข้าไปจอดรถ 10 บาท ปัจจุบันต้องเสียค่าเข้าไปจอดรถ 20 บาท ระยะทางที่ผมวิ่งส่วนใหญ่คือ 8-10 กิโลเมตร โดยผมจะวิ่งในลักษณะเป็นแผนที่อิตาลี หรือผมจะเรียกว่า “Italian Run” ทั้งนี้ 1 รอบอิตาลี จะมีระยะทางประมาณ 2.4 กิโลเมตรตามที่ GPS ของ Nike+ ผมจะเริ่มวิ่งเวียนทางขวาซึ่งจะสวนทางกับนักปั่นจักรยานทั้งหลายที่ปั่นเวียนทางซ้าย ถ้าไปช่วงเช้าประมาณตี 4.30-5.00 น. ก็จะวิ่งสบายหน่อย เพราะจำนวนคนที่มาใช้บริการสวนรถไฟยังไม่มาก แต่พอประมาณ 7.00 น. จำนวนคนที่มาปั่นจักรยานจะเพิ่มเยอะขึ้น
Distance : Italian Run รอบละ 2.4 กิโลเมตร วิ่งวนไปทางขวา ผ่านสนามบาสเก็ตบอลขนาดเล็ก ผ่านศาลพระภูมิ ยกมือไหว้ซักนิดเพื่อความสบายใจหากคุณเริ่มวิ่งตั้งแต่เช้ามืด 555555 วิ่งไปเรื่อยๆ จะผ่าน outdoor fitness ที่จะมีเครื่องออกกำลังกายให้ฟิตกล้ามกัน วิ่งต่อไปจะผ่านสระน้ำขนาดใหญ่ที่กั้นเรากับสวนโมกข์กรุงเทพเพียงไม่ไกล หลังจากนั้นก็จะครบรอบ Italian Run ที่ประตูทางออก ใครที่ยังไม่เคยไปอิตาลี ลองมาวิ่งรอบอิตาลีกับผมนะครับ (จิตนาการสำคัญกว่าความรู้.....ไอน์สไตน์กล่าวไว้.....หรือผมจินตนาการมากเกินไป????5555)
Italian Run วิ่งรอบรองเท้าบูทครับ!!!
Best Time to Run : ถ้าตื่นเช้าไหวก็เริ่มซัก 4.30-5.00 น. เพราะถ้าวิ่งซัก 5-6 รอบก็ประมาณ 10 กิโลพอดี น่าจะจบประมาณ 6.00-6.30 น. แล้วแต่ความแรงของแต่ละคน หลังจากนั้นก็ยืดกล้ามเนื้อ เดินเล่น หาน้ำดื่ม นั่งชมนกชมไม้ สูดออกซิเจนเข้าลึกๆ ให้เวลามันเดินช้าลงบ้าง เก็บงานเก็บปัญหาไว้ก่อน หรือถ้าตื่นสายหน่อยก็ 6.00 น. กำลังดี แต่ถ้าสายกว่านี้อาจหาที่จอดรถยาก และมีคนมาปั่นจักรยานเยอะอาจจะวิ่งไม่ค่อยสนุก ส่วนถ้าจะมาวิ่งตอนเย็นไม่ค่อยแนะนำ เพราะถ้าวิ่ง Italian Run จะให้ความรู้สึกเหมือนวิ่งในเวียดนามมากกว่า!!!! เนื่องจากจำนวนคนปั่นจักรยานเยอะจริงอะไรจริงจ้า!!!
สูดออกซิเจนเข้าลึกๆ ให้เวลามันเดินช้าลงบ้างครับ
ฟังเพลงที่เราชอบจะทำให้สนุกกับการวิ่งครับ แต่ถ้าอกหัก ขอให้งด Green Wave ครับ ไม่งั้นอาจวิ่งลงสระน้ำได้ 555
Route Hilight : อาหารยามเช้าเลยจ้า!!!! ใกล้ๆ ที่จอดรถจะมีตลาดยามเช้า ของกินอร่อยๆ เยอะแยะเต็มไปหมด ที่แนะนำคือ ข้าวมันไก่ กระเพาะปลา บะหมี่เห็ดและต้นหอม เป็นต้น ถ้าไม่อร่อยให้กระโดดถีบ...........เจ้าของร้านเลยครับ5555 นอกจากนี้หมูปิ้งร้านที่มีพี่ผู้ชายปิ้งก็อร่อยนะ แต่ต้องรอสายๆ ซัก 7.30-8.00 น. เพราะแกมาปิ้งสายครับ ก่อนกลับก็ซื้ออาหารทำบุญใส่บาตรซักหน่อยก็ดีครับ
*ระวัง!!! ถ้ามาเช้าๆ อาจจะต้องระวังตัวเงินตัวทองขนาดน้องๆ ก็อตซิลล่า!!! ที่เดินข้ามทางวิ่งอย่างสโลโมชั่น!!!!
*ระวังอุบัติเหตุ!!! ผมเจอมาแล้ว!!! เรื่องมีอยู่ว่า......ระหว่างวิ่งในสวนรถไฟ....โดนรถส่งนมชน......โครม!!!!.....เหมือนจอมยุทธ์ที่ลมปราณแตกซ่านระหว่างฝึกวิทยายุทธ์....ไม่ครับ!!!.....ไม่ได้กระอักเลือด.....แต่กำเดาทะลัก!!!!....ขอวิงวอนสาวสวยทุกคนที่จะมาปั่นจักรยาน....ให้ซื้อสปอร์ตบรามาสวมใส่นะครับ......ก็เข้าใจว่าใส่แจ็คเก็ตมากันแดด....แต่พอปั่นไปซักพัก เกิดร้อน.....จึงค่อยๆ รูดซิปลงทีละน้อย.....เวลาปั่นจักรยานเสือหมอบต้องก้มปั่น...กรุณาอย่านึกภาพเกินเลยไปนะครับ........รถส่งนมพุ่งชนผมโครมใหญ่!!!!!.....คือ ตาผมก็เล็กๆ ยังเบิกกว้างประหนึ่งเป็นอุลตร้าแมน!!!!....หลงทางเสียเวลาหลงสบ....สายตาเสียการทรงตัว!!!!
กระเพาะปลาแสนอร่อยที่สวนรถไฟ
ข้าวมันไก่ก็ห้ามพลาดนะครับ
Kit : Air Max 2014
ถ้าถามว่า Air Max เป็นเทคโนโลยีใหม่รึเปล่า? ผมคงบอกว่าเป็นเทคโนโลยีที่เป็นตำนานมากกว่า
Air Max เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1978 คิดค้นโดย Frank Rudy และ Bob Bogert ซึ่งทั้งสองเคยเป็นอดีตวิศวกรอากาศยาน หลังจากนั้นก็มีการพัฒนามาจนกระทั่งมาถึง Air Max 1987 ซึ่งเป็นรองเท้ารุ่นแรกที่โชว์ถุงแอร์ (Air Bag) ที่ทำจากโพลียูรีเทนบริเวณส้นรองเท้า พร้อมกับโฆษณาของ Nike ที่โด่งดังทั่วบ้านทั่วเมืองที่ใช้เพลง Revolution ของวง The Beatle
โฆษณา Air Max 1987
ต่อมาในปี 2006 Air Max 360 ก็ถือกำเนิดขึ้นซึ่งทำให้รองเท้ารองรับด้วยถุงแอร์โพลียูรีเทนแบบเต็มๆ พื้นรองเท้าแทนที่จะใส่ไว้แค่เพียงที่ส้นรองเท้าเท่านั้น
หลังจากการออกแบบของ Air Max 360 ดูเหมือนกลุ่มเป้าหมายของ Nike ไม่ใช่เพียงนักวิ่งอีกต่อไป หากแต่กระจายไปถึงกลุ่มนักสะสมรองเท้า หรือแม้กระทั่งเข้าไปอยู่ใน Life Style ของกลุ่มผู้บริโภค
Air Max 2014
จนกระทั่งมาวันนี้ Air Max 2014!!!
ถ้าคุณเป็นนักวิ่งทั่วๆ ไปที่วิ่ง Pace 6 (6 นาทีต่อ 1 กิโลเมตร) และวิ่งด้วยระยะทางเฉลี่ย 10 กิโลเมตร ผมคิดว่ายังมีรองเท้าอื่นๆ ที่มีราคาถูกและเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่า แต่ถ้าคุณเป็นนักวิ่งที่กำลังจะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บโดยไม่เน้นความเร็วมากนัก Air Max 2014 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อสวมใส่ ผมแนะนำให้ใส่กับถุงเท้า Low Cut กำลังดูดี รึเปล่า??? (ขออภัยที่ยกเท้าให้ดูนะครับ)
Air Max 2014 มาพร้อมกับพื้นยางแบบใหม่ที่มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงรูปแบบพื้นด้วยลักษณะ Waffle คล้ายรองเท้ารุ่นดั้งเดิม แต่ถ้าเทียบกับ Air Max 2013 เราจะเห็นได้ว่าความกระชับในการสวมใส่ขาดหายไปใน Air Max 2014 เนื่องจาก Nike ดึงส่วนที่ปลอกหุ้ม (Sleeve) เพื่อกระชับภายในรองเท้าออกซึ่งทำให้ลิ้นรองเท้าเคลื่อนที่ไปมาถึงแม้จะผูกเชือกแล้วก็ตามที แต่ทั้งนี้ยังมีข้อน่าชื่นชมก็คือพื้นรองเท้าภายใน (Sockliner) ที่ให้ความรู้สึกสบายและรองรับแรงกระแทกดีขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้รองเท้า Air Max 2014 ยังสามารถสะท้อนแสงตรงบริเวณสัญลักษณ์ Nike และส้นเท้าในเวลากลางคืน เหมาะสำหรับคนที่ชอบวิ่งยามวิกาล!!!
พื้นของรองเท้า Air Max 2014
ส้นเท้าที่สามารถสะท้อนแสงยามค่ำคืนตรงบริเวณตัวอักษร "Air Max"
Summary
ส่วนตัวผมค่อนข้างชอบการออกแบบของ Nike เพราะสามารถใส่เดินเล่นได้ ไม่ดูเป็นรองเท้าวิ่งจนเกินไป แต่ถ้าใครเน้นรองเท้าที่ใช้วิ่งแบบจริงจังอาจมองข้ามไปได้เลยครับ เพราะยังมีรองเท้าวิ่งที่ราคาถูกกว่าและเบากว่า แต่ถ้าคุณเป็นนักวิ่งทั่วไปที่ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ หรือไปฟิตเนส ใส่ทำงานบ้างเที่ยวบ้าง Air Max 2014 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวครับ
ความลับของ Air ที่บรรจุใน Air Max
Use : เหมาะสำหรับใช้งานทุกพื้นผิว ยกเว้นวิ่งแบบบุกป่าฝ่าดงปาระเบิดเผากระท่อม (Trail) นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บ และผู้ที่ต้องการใช้งานรองเท้าที่หลากหลายทั้งวิ่ง ฟิตเนส และLife Style
Upper : แบบตาข่าย เพื่อระบายอากาศและมีน้ำหนักเบา
Midsole : รองรับด้วย Air Bag
Outsole : พื้นรองเท้าแบบ Waffle
"กระบี่อยู่ที่ใจครับ รองเท้าเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการวิ่ง รองเท้าสวยไม่ได้ทำให้วิ่งเร็วขึ้น แต่ใจที่อยากออกวิ่งต่างหากที่ทำให้ทุกก้าวย่างของเราสวยงามมากยิ่งขึ้น"
ลองหารองเท้าซักคู่แล้วไปวิ่งด้วยกันนะครับ!!!
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น